๔ ขีดเส้นใต้ (๓)
แต่เหมือนความรู้สึกของเธอจะส่งไปไม่ถึงเขา ชายหนุ่มจึงเลือกจะยิ้มกว้างแล้วปรบมือเสียงดังเป็นการชื่นชมคนตรงหน้า คิดว่าหล่อนเก่งงานวิชาการอย่างเดียว ไม่นึกว่าหญิงสาวจะเล่นดนตรีและร้องเพลงเก่งเหมือนกัน
“โคตรเพราะเลย! เธอไปเป็นนักร้องได้เลยนะ ไม่สนใจเหรอ”
ชายหนุ่มไม่รู้ตัวว่าขยับเข้ามาใกล้เธอ เขากำลังทึ่งกับเสียงใสกังวานและเสียงเพลงที่บรรเลงได้อย่างเข้ากันกลมกล่อม ยามเธอร้องเพลงตรึงสายตาเขาไว้เป็นอย่างดี จนนึกอยากให้เธอได้เฉิดฉายด้านนี้บ้าง เพราะเขาก็เพิ่งค้นพบความสามารถด้านนี้ของหวันยิหวา
“ไม่อยากเป็น ชอบร้องคนเดียวมากกว่า”
ฟังคำตอบแล้วก็เข้าใจได้ทันที เหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ต้องการเป็นที่สนใจของคนอื่น เพราะแค่หน้าตาสวยหมดจดได้แม่ก็ดึงดูดสายตามากพอแล้ว
“ร้องอีกหน่อยสิ อยากฟัง” เขาไม่ได้ขัดแต่ยังอยากฟังเพลงที่หล่อนร้องเรื่อยๆ น่าแปลกเสียงของหญิงสาวเพราะกว่านักร้องดังหลายคนเสียอีก ยิ่งฟังก็เหมือนยิ่งเสพติด ท่วงท่าการเล่นดนตรีก็งดงาม ไม่อาจละสายตาจากหวันยิหวาได้เลย
เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสายตาที่ใช้มองหล่อนเป็นเช่นไร เต็มไปด้วยความอ่อนโยนมากแค่ไหนจนคนถูกมองเริ่มใจสั่น
รักเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลของชายหนุ่มก็ยิ่งใจเต้นแรง...เขาไม่ได้ชอบเธอหรอก
แค่ชอบฟังเพลงเท่านั้น
“จะให้ร้องทั้งคืนเลยหรือไง”
“อือ เดี๋ยวร้องเป็นเพื่อน”
หลังจากนั้นก็ร้องเพลงเล่นด้วยกัน เพลงเก่าบ้างเพลงปัจจุบันบ้าง แต่หล่อนก็สามารถจับคอร์ดได้ถูกต้องจนเขาทึ่งในความสามารถด้านดนตรี เสียงเพลงผสมกับเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้ากว้าง กันต์กวีเผลอมองรอยยิ้มหวานนานพอสมควร เหมือนเขาหลงเข้าไปในเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้
ตอนที่หวันยิหวายิ้ม...ดูดีเหลือเกิน
ถึงไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับว่าเธอเป็นคนสวยที่มีเสน่ห์ เหมาะกับการเป็นพี่สะใภ้ของเขาแล้ว
“กวี ยิหวา...ค่ำแล้วแม่ให้พี่มาตาม” เสียงเพลงหยุดลงเมื่อมีบุคคลที่สามเดินเข้ามาขัด หันไปมองก็พบกันต์ธีร์ที่เดินมาตามหนุ่มสาวซึ่งสนุกกับการร้องเพลงจนไม่รู้เวลา พอเขายกข้อมือขึ้นมาดูเวลาก็ค่อนข้างตกใจ
ผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้วเหรอ นึกว่าเพิ่งผ่านไปสิบนาที ทำไมเวลาถึงเดินเร็วนักก็ไม่รู้ เขาเพิ่งสนุกเหมือนได้เจอเพื่อนเล่นสมัยเด็ก อยากร้องเพลงต่อแต่พอเห็นสายตาของพี่ชายที่มองหวันยาหวาไม่วางตาก็จำต้องตัดใจ
กลับบ้านดีกว่าสองคนนี้จะได้อยู่ด้วยกัน
“อ้าว สามทุ่มแล้วเหรอ...นึกว่าเพิ่ง...ช่างเถอะกลับบ้านดีกว่า” ร่างสูงหยัดกายลุกแล้วใส่รองเท้า ขณะที่หญิงสาวก็กำลังจะลุกเช่นเดียวกัน แต่ไม่ทันระวังจึงไปเหยียบหลุมที่ถูกผ้าคลุมไว้เกือบล้ม ยังดีได้กันต์ธีร์เข้ามาประคอง จังหวะเดียวกับที่กันต์กวีกำลังจะเอื้อมมือไปช่วยหล่อน แต่เขากลับคว้าได้เพียงอากาศ
เพราะพี่ชายทำหน้าที่เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยหล่อนแล้ว...
“อ่ะ...”
“ระวังหน่อยสิ” บอกเธอเสียงนุ่มขณะที่หญิงสาวก็ขืนตัวออกเล็กน้อย พึมพำขอบคุณรุ่นพี่แล้วมองร่างสูงซึ่งหันเหไปทางอื่น ไม่ได้สนใจกันสักนิดจนเธอนึกน้อยใจ
“ขอบคุณค่ะ”
พวกเขาพากันเดินกลับบ้านแต่ระหว่างทางคนอายุมากกว่าก็เอื้อมไปหยิบกีต้าร์ในมือเธอมาถือไว้เอง กันต์กวีเห็นเช่นนั้นจึงรีบออกตัวเพื่อให้เวลาคนทั้งสองได้อยู่ตามลำพัง
“เดี๋ยวพี่ถือให้”
“ผมถือเอง เดี๋ยวผมเอาไปเก็บที่คอกม้าพี่กลับก่อนเลยก็ได้ ผมค่อยตามไปทีหลัง”
“อือ”
พูดจบก็รีบวิ่งออกไป ปล่อยให้หล่อนมองตามด้วยแววตาเศร้าโศก รู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร เขาผลักไสเธอให้ชายอื่น ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอแม้แต่น้อย แค่เศษเสี้ยวหัวใจก็คงให้กันไม่ได้เลยสินะ หญิงสาวฝืนยิ้มเศร้าแล้วเดินไปข้างหน้า แต่เพราะนั่งนานจึงรู้สึกหนักขาเล็กน้อย
“เดินไหวไหม ให้พี่ประคองหรือเปล่า” เขาเห็นอย่างนั้นก็ขันอาสาจะช่วยประคอง แต่หล่อนเลือกส่ายศีรษะแล้วเว้นระยะห่างของเราเอาไว้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นั่งนานเลยเมื่อยเท่านั้นเอง” คนทั้งสองเดินกลับบ้านด้วยกัน โดยมีสายตาหนึ่งคู่มองตามพร้อมกับใบหน้าที่เรียบเฉย ชั่วแวบหนึ่งสมองสั่งให้เขาเดินเข้าไปแทรกกลางแต่ก็ต้องปัดความคิดนั้นออกไปทันที
ก่อนจะสั่งหัวใจไม่ให้ปวดหนึบกับการมองภาพตรงหน้า...ทำไมถึงรู้สึกแบบนั้นได้ล่ะ
เหมือนว่ากำลังไม่ชอบใจภาพตรงหน้า ทั้งที่ตัวเองพยายามทำให้สองคนนั้นได้อยู่ใกล้ชิดกันแท้ๆ
“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่หว่า...มึงอย่าไปขัดเลยไอ้กวี” บอกตัวเองแล้วหยุดเดินเพื่อให้ว่าที่คู่หมั้นกับพี่ชายของตัวเองได้เคียงข้างกัน มองจากข้างหลังแล้วรู้สึกเหมาะสมจนน่าหงุดหงิด เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองหน้าบึ้งแค่ไหน
เดินเตะหญ้าเตะใบไม้บนพื้นจนถึงบ้าน ก่อนจะร่วมโต๊ะอาหารโดยที่ทุกคนรับประทานอาหารก่อนแล้ว มีเพียงกันต์ธีร์ที่รอคนทั้งสอง กลายเป็นคนอายุมากกว่ากุมบทสนทนาทั้งหมดเอาไว้ แล้วก็คุยเพียงแค่กับหวันยิหวาเท่านั้น
ขณะที่เธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนเขาทำได้แค่ยัดข้าวเข้าปากแล้วรีบขึ้นบนห้อง
น่าแปลกที่อยู่ดีๆ ก็ไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้น...ทำไมกันล่ะ
เขาอยากให้เธอมาเป็นพี่สะใภ้นี่น่า...