๔ ขีดเส้นใต้ (๒)
“เฮ้ย ฉันชอบมาก! เคยคุยกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วมันบอกว่าเพราะเลยไปลองฟัง เป็นเพลงโปรดที่กลับไปฟังบ่อยๆ เลยล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอก็ชอบ” ตื่นเต้นที่มีคนชอบเพลงเดียวกัน เขาเลิกสนใจดาวบนท้องฟ้าทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้สนแต่แรก แล้วหันกายมาหาเธอ ขณะที่หญิงสาวก็หันมาหาเขาเช่นเดียวกัน
กลายเป็นเราสองคนที่นั่งประจันหน้า...
“อือ ชอบ ชอบมาก...เคยแนะนำให้เพื่อนฟังเหมือนกัน” เธอนั่งชันเข่าแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าไม่กล้าจะมองตาเขา กลัวความลับที่ซ่อนเอาไว้จะเปิดเผยออกมา เลือกร้องเพลงด้วยเสียงหวานให้อีกฝ่ายฟัง แล้วชายหนุ่มก็เคลิ้มเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์
“คนที่รักร้างไกลนั้นเจ็บไม่นาน คนไม่รักใกล้กันช้ำใจยิ่งกว่า แต่ว่าหนทาง ทางของคน ไม่มีให้เลือกเท่าไหร่ เจ็บสักเท่าไรก็ต้องรับมา”
ร้องบ่อยจึงจำเนื้อเพลงได้ แถมยังตรงคีย์แม้จะไม่มีเสียงดนตรีคลอก็ตาม ความสามารถของหล่อนทำเอาเขาทึ่ง เผลอฟังอย่างเพลิดเพลินแต่หล่อนก็ไม่ได้ร้องต่อ
จากตอนแรกที่เขาหวังจะมาแอบดูว่าหล่อนคุยอะไรกับพี่ชายตน กลายเป็นตอนนี้ที่เราคุยกันอย่างเพลิดเพลินไม่เหมือนศัตรูสักนิด ร่างสูงรู้สึกเหมือนได้เพื่อนเพิ่ม นิสัยเธอก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดแต่แรกสักหน่อย
“ไม่ร้องต่อล่ะ เสียงเธอเพราะดี”
“อยากฟังอีกเหรอ...แต่ส่วนมากฉันชอบเพลงเก่านะ พ่อเปิดให้ฟังแล้วเพราะดี” พอได้คุยกันก็รู้สึกผ่อนคลาย กำแพงที่เคยตั้งไว้กับคนอื่นแต่ชายหนุ่มเป็นข้อยกเว้น เธอคุยกับเขาด้วยประโยคที่ยาวแล้วยังร้องเพลงให้ฟัง
ทั้งที่ไม่เคยร้องให้คนในครอบครัวฟังด้วยซ้ำ ส่วนมากจะร้องในห้องน้ำคนเดียว...แต่พอได้ยินเขาชมก็ดีใจจนอยากร้องเรื่อยๆ
“ฉันก็ชอบเพลงเก่า เธอลองขึ้นต้นฉันร้องตามได้หมดแหละ ลองร้องมาสิ...” นั่งหลังตรงแล้วยืดอก ยกยิ้มมุมปากเป็นการท้าทาย ซึ่งเธอก็นิ่งคิดสักพักถึงเพลงที่ชายหนุ่มพอจะร้องได้ อยากร้องคลอไปด้วยกันคงจะมีความสุขน่าดู
“รู้แล้วว่าเราเลิกกัน รู้แล้วว่าเป็นเพียงเพื่อน ฉันรู้และยังย้ำเตือนอยู่ในใจ ไม่หวังจะให้เหมือนเดิม
ไม่คิดที่จะเริ่มใหม่ เพราะรู้ว่ามันสายไป ไม่มีทาง”
เริ่มประโยคแรกกับเพลงลืมไปไม่รักกันของนูโว บิดาชอบเปิดเพลงของวงนี้ให้ฟัง ส่วนมารดากับคุณย่าก็ชอบดูละครของก้อง สหรัฐแล้วชมว่าหล่อทุกครั้ง ขณะที่เธอไม่ค่อยชอบดูละครต่างจากน้องสาวที่มักจะดูเป็นเพื่อนแม่เสมอ
เขายิ้มทันทีเมื่อได้ยินเพลงที่ตัวเองรู้จัก เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เพื่อนในเอ็มเอสเอ็นแนะนำให้ฟัง เขาร้องได้เพียงแค่อายเสียงของตัวเอง
“เสียงฉันไม่ดีเท่าเธอ...ที่ยังค้างคือความรู้สึก ที่มันลึกจนเกินจะเลือนเพราะฉันมักจะเผลอใจและคิดไปจนเกินเพื่อน คล้ายคล้ายว่ายังเลอะเลือนอยู่ในฝัน ข้อตกลงที่เรามีอยู่ ฉันก็รู้และยังเข้าใจ...ไม่เพราะเลย ขอฟังเธอร้องอย่างเดียวดีกว่า”
ยอมแพ้กับเสียงของตัวเอง เลือกจะโยนให้ร่างบางร้องคนเดียว และดูเหมือนว่าเธอจะทำได้ดีเสียด้วย เขาฟังเสียงหวานเพลินแล้วมองดวงหน้าสวยไปด้วย น่าแปลกที่หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ยามเราสบตากัน ก่อนจะกลับมาเป็นปกติตอนที่เธอร้องเพลงจบ
ความรู้สึกเมื่อครู่มันคืออะไร...
เหมือนถูกนัยน์ตาสีเข้มดึงดูดเข้าไปอยู่ภายในโลกของเธอ มีเพียงเราสองคนท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวยามเช้าที่ตะวันส่องแสง
คงไม่ใช่ตกหลุมรักหรอกนะ มันจะง่ายเกินไปหรือเปล่า อาจแค่หลงในเสียงของหล่อนเท่านั้น
“แต่มันลืมไป แต่มันเผลอไป ยั้งใจไว้ไม่ทัน ลืมไปว่าไม่รักกัน ไม่เหมือนวันที่ผ่านมา...ฉันเล่นกีต้าร์เป็นด้วย เสียดายไม่มี...” ร้องจบก็อยากเล่นกีต้าร์เพราะอยากจับคอร์ด เธอมีจำคอร์ดได้หลายเพลง ตอนนี้อะไรที่สามารถใช้เรียกคะแนนให้ตัวเองได้ก็ต้องทำ
เขาได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกทันที “รอแป๊บเดี๋ยวไปเอามาให้” หล่อนมองตามร่างสูงเมื่อเขาวิ่งไปทางคอกม้า ไม่นานก็กลับมาพร้อมกีต้าร์โปร่งซึ่งยื่นมาให้เธอ หวันยิหวารับมาอย่างงุนงง ค่อยเงยมองเขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
กีต้าร์หาได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ…
“อ่ะ เอามาให้แล้ว”
“นายไปเอามาจากไหน”
“ของฉันเองแหละ เอามาเล่นให้ม้าฟัง เขาบอกว่าสัตว์ก็ชอบฟังเพลงเหมือนกัน...ดีดได้นะฉันตั้งสายแล้ว” เธอรับกีต้าร์จากเขามาลองเล่นสองถึงสามคอร์ดเพื่อฟังเสียงว่าชายหนุ่มตั้งสายจริงหรือไม่ ก่อนจะพยักหน้าที่เสียงไม่เพี้ยน จึงมองคนตรงหน้าซึ่งนั่งขัดสมาธิอย่างตั้งใจ พร้อมฟังเพลงที่หญิงสาวจะร้องเหมือนกำลังดูมินิคอนเสิร์ต
“อยากฟังเพลงอะไร” ถามอย่างเอาใจแต่เขาก็ตามใจคนร้อง
“เธอเล่นเพลงไหนได้ก็เอาเพลงนั้นแหละ” เมื่อเขาอนุญาตแล้วก็มีเพลงหนึ่งผุดขึ้นมา บ่อยครั้งที่หล่อนมักจะฟังยามนึกถึงชายหนุ่ม เพลงออกนานแล้วแต่ก็ถูกนำกลับมาร้องใหม่โดยนักร้องปัจจุบันหลายท่านเหมือนกัน
ขีดเส้นใต้ของกบ ทรงสิทธิ์...
ก้มหน้าลงจับคอร์ดแล้วเริ่มร้องเพลง ไม่ได้มองคนตรงหน้าแต่น้ำเสียงหวานล้ำกับเนื้อเพลงบาดลึก เหมือนว่าเขารับรู้ความรู้สึกของคนร้องไปด้วย
“ห้ามใจเท่าไหร่ หัวใจก็ยังไม่ฟัง ยังหวังว่าเธอจะสนใจ ทั้งทั้งที่เธอเห็นเราไม่มีความหมายแต่ไม่อาจตัดใจให้ลืมเธอลง เขียนลงกระดาษ เขียนลงไปหมดทุกอย่าง ความหลังที่เธอทำช้ำใจ”
หล่อนไม่ได้อยากร้องไห้แต่ไม่รู้ทำไมใจมันถึงหน่วงขนาดนี้ อาจเพราะเนื้อเพลงตรงกับความรู้สึกของหล่อนราวกับสื่อถึงกันได้ ทุกอย่างเลยลื่นไหลจนชายหนุ่มที่ฟังก็เจ็บไปด้วย เขามองดวงหน้าหวานที่หลุบสายตามองสายกีต้าร์
ไม่รู้ว่าหล่อนกลัวจำคอร์ดไม่ได้หรือแค่ต้องการหลบสายตากันแน่...
“ย้ำเตือนความจำ ไว้ตรงประโยคสุดท้าย ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าเธอไม่รัก เขียนทุกอย่างไว้เตือนให้ใจมันจำ ย้ำข้อความสำคัญ ย้ำไว้อ่านสอนใจทุกวัน คงพอทำให้ลืมเธอ แม้มันจะเจ็บ แม้มันจะทรมานและมันจะทำเราร้องไห้ เพราะคือความจริง เรื่องจริงที่เจ็บปวดใจ ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าเธอไม่รัก”
ทั้งสองดำดิ่งไปกับเนื้อเพลงที่กินใจ แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา พร้อมประโยคสุดท้ายของเพลงซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าย้ำเนื้อเพลง...หรือบอกคนตรงหน้ากันแน่
“ขีดเอาไว้...ว่าเธอไม่รัก”