๔ ขีดเส้นใต้ (๔)
งานลอยกระทงมาถึงอีกปีทุกคนจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หมู่บ้านจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อฉลองโบสถ์ที่เพิ่งสร้างเสร็จด้วย จึงจ้างหมอลำมาเล่นทั้งวันทั้งคืนเรียกให้หมู่บ้านรอบข้างมาเที่ยวที่นี่ คนแถวนี้ชอบความสนุกสนานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพียงแค่ได้ยินเสียงดนตรีก็แห่มาชุมนุมกัน
นอกจากนั้นยังมีการจัดประกวดนางนพมาศอีกด้วย สาวงามทั่วอำเภอจึงพากันลงประกวดอย่างล้นหลามเพราะเงินรางวัลที่ได้ดึงดูดใจจนปฏิเสธไม่ลง น่าเสียดายที่คนแต่งงานหรือมีลูกแล้วไม่อาจเข้าร่วมได้ ไม่เช่นนั้นสองแฝดคงได้ลงประกวดด้วยแล้ว
การหมั้นหมายของสองบ้านหลายเป็นประเด็นให้คนทั่วอำเภอพูดถึงมาเกือบสัปดาห์แล้ว ต่างเสียใจที่สาวสวยตกเป็นของชายอื่นแม้จะไม่ได้เข้ามาจีบเธอก็ตาม
เหมือนดอกไม้สวยที่ถูกย้ายเข้ากระถาง...
“พี่ไปกับยิหวาก่อนเลยนะ ผมขอคุยงานอีกหน่อยแล้วจะรีบตามไป” คืนนี้พวกเขานัดกันจะไปลอยกระทง คุณมุกดาชวนลูกสะใภ้ทำกระทงทั้งวันเพื่อให้เอาไปลอยกับกันต์กวี ส่วนท่านจะดูแลสามีอยู่บ้าน หล่อนหลงดีใจทั้งวันว่าจะได้ไปลอยกระทงกับคู่หมั้น
แต่พอถึงเวลาจริงเขาก็ชิ่งหนีแล้วหาข้ออ้างเพื่อไล่ตนให้ไปกับกันต์ธีร์ รู้ทั้งรู้ว่าชายหนุ่มพยายามผลักไสแต่หัวใจก็ไม่หลาบจำ
หลงรักเขาไปแล้วให้ทำอย่างไรได้ล่ะ...
“รีบตามมานะ” คนอายุมากกว่าบอกน้องชาย เขาหันมาพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้หล่อน
ตั้งแต่วันที่เราร้องเพลงด้วยกันจนเหมือนจะสนิท ทว่าต่อมาก็กลับมาห่างเหินเหมือนเดิม ยิ่งวันหมั้นเขาแทบไม่มองหน้าหล่อนด้วยซ้ำ พิธีต่างๆ เสร็จสิ้นในช่วงเช้าโดยที่คุณเมฆาขู่ลูกเขยสารพัด ซึ่งกันต์กวีไม่มีท่าทีเกรงกลัวพ่อตาสักนิด ต่อปากต่อคำอย่างลื่นไหลจนคนต่างวัยเกือบได้วางมวยกันแล้วถ้าคุณจอมขวัญไม่เข้าไปห้ามสามีตัวเองเสียก่อน
‘หย่ากับมันเมื่อไหร่ พ่อจะจัดงานฉลองให้นะ’ นั่นคือคำพูดที่พ่อบอกกับเธอ จนลูกสาวหลุดหัวเราะเพราะเรายังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันด้วยซ้ำ แต่กลับถูกอวยพรให้หย่าขาดเสียแล้ว
ระหว่างทางไปที่งานลอยกระทงเธอมองออกนอกหน้าต่างตลอด มีบทสนทนาระหว่างตนกับคนข้างกายบ้างแต่ส่วนมากหญิงสาวเลือกจะเงียบ อยู่ในความคิดของตัวเองถามถึงเหตุผลว่าตนไม่ดีตรงไหนเขาจึงไม่รัก
จนได้คำตอบว่าการเป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าต้องถูกรักสักหน่อย...
ความรักมันอยู่ที่หัวใจและความรู้สึกของเขา เธอควรจะเคารพความรู้สึกของกันต์กวีไม่ใช่หรือ
แต่มันก็ยากเหลือเกินเมื่อตนแอบรักมานาน เข้าใกล้อยู่ข้างกายขนาดนี้กลับถูกผลักไสไปให้ชายอื่น เจ็บปวดกลับพูดอะไรออกไปไม่ได้สักอย่าง
“จะลอยกระทงเลยไหม”
“รอกวีก่อนดีกว่าค่ะ” มาถึงงานก็มีโอกาสเดินดูของที่นำมาขายตั้งเรียงรายสองข้างทาง หล่อนไม่มีอารมณ์เดินดูเท่าไหร่ คอยแต่จะมองหาคนที่บอกจะตามมาทีหลังก็ไม่พบเขา นานเกินไปหรือเปล่าหญิงสาวนึกในใจ
ขณะที่กันต์ธีร์อยากลอยกระทงจึงชวนคนข้างกาย แต่เธอปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ได้หันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับทราบไม่ได้ถามอะไรอีก
“พี่ฝากกระทงหน่อยนะ จะไปซื้อน้ำทางนั้น...ถ้าพี่มาช้าก็ลอยกับกวีไปเลย” เธอรับกระทงของเขามาถือเอาไว้ ก่อนพี่ชายจะเดินไปอีกทางจนเธอมองตามไม่ทัน จำต้องเลี่ยงมายืนรอพี่น้องอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าเรียบเฉย
แต่ความงามของหล่อนก็เตะตาคนที่มาเดินลอยกระทงให้เหลียวมองอยู่บ่อยครั้ง หวันยิหวาก้มหน้าไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ กระทั่งได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจึงเงยหน้ามาสบดวงตาคม พลันรอยยิ้มที่หายไปก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
“เด็กที่ไหนถูกทิ้งเนี่ย...”
“กวี!” ถ้าไม่คิดว่าถือกระทงทั้งสองมือคงได้ดีใจจนโผเข้ากอดเขาไปแล้ว
แต่เจ้าของชื่อเนี่ยสิชะงักค้างกับท่าทีของหล่อน รอยยิ้มแสนหวานของหญิงสาวกับท่าทีดีใจยามเห็นกัน เล่นเอาหัวใจของเขาเต้นรัวอย่างน่าประหลาด
ไม่ดี...อาการแบบนี้ไม่ดีเลยสักนิด
เหมือนกับว่าเขากำลังจะตกหลุมรักเธอ!