๓ ผลักไส (๔)
ชายหนุ่มเผลอก้าวถอยหลังเมื่อได้กลิ่นหอมจากตัวหล่อน ใบหน้าเนียนใสกับดวงตากลมวาวนั่นอีก หรือเพราะเธอหน้าเหมือนดาหลาทำให้เผลอหลงเคลิ้มไปชั่วขณะ
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“อ้อ อือ”
คำตอบตามจริงของเขาทำให้เธอพยักหน้าเข้าใจทุกอย่าง ถึงจะเจ็บแต่ก็เป็นเส้นทางที่ตัวเองเลือกจึงไม่อาจโทษชายหนุ่มได้ แต่ความน้อยใจหล่อนก็ไม่เก็บเช่นเดียวกัน หญิงสาวเดินเลยผ่านเขาเพื่อลงไปข้างล่าง ไม่แม้แต่จะปรายตามองคนตัวสูง
โกรธจนอยากโวยวายแต่ก็เก็บอารมณ์เอาไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย ต้องขอบคุณตัวเองที่แสดงอารมณ์ไม่เก่งเหมือนน้องสาว ไม่อย่างนั้นเขาคงเดาออกว่าหล่อนเสียใจมากแค่ไหน
“พี่ธีร์คะ”
ลงมาถึงชั้นหนึ่งก็เดินเข้าไปหารุ่นพี่ที่กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี เขาเหลียวมามองเธอก่อนเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“ว่าไงเหรอ”
“หวาอยากไปขี่ม้าค่ะ”
“ขี่เป็นใช่ไหม” ถามด้วยความเป็นห่วง
เธอจึงพยักหน้าเพราะขอบิดาเรียนขี่ม้าแต่เด็กแล้ว หล่อนเป็นคนชอบทำกิจกรรมทั้งในร่มและกลางแจ้งหรือผาดโผน แต่ไม่เก่งเรื่องงานบ้านงานเรือนเท่าน้องสาวฝาแฝด
“ค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ฟาร์มเอง ตามพี่มาสิ” เดินตามแต่โดยดีไม่หันไปมองคนที่เพิ่งลงมาชั้นล่าง
กันต์กวีเห็นคู่หมั้นเดินออกจากบ้านพร้อมพี่ชายตัวเองก็รีบมองตามจนลับตา ก่อนยิ้มกว้างที่ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเป็นไปด้วยดี แผนให้พี่ชายเป็นตัวแทนเข้าพิธีวิวาห์อาจสำเร็จก็เป็นได้ คิดอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างวาดฝันเอาไว้กับการหลุดพ้นจากหล่อน
เขาฮัมเพลงเดินเข้าบ้านเพื่อกินข้าวโดยไม่มีอาการเจ็บป่วยเหมือนตอนเช้า คุณมุกดาก็ทราบทันทีว่าลูกชายตัวดีกำลังโกหกตน แต่เขาก็ไม่มีท่าทีรู้สึกผิดแต่อย่างใด กลับมีความสุขที่แผนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี หล่อนใช้เวลากับกันต์ธีร์และอีกไม่นานคงตกหลุมรักกัน
งานแต่งล่ม...เขาเป็นอิสระ!
ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้อีกแล้ว
ทั้งวันเขาอยู่บ้านไม่อยากไปรบกวนเวลาของพี่ชายกับว่าที่คู่หมั้นของตัวเอง ปล่อยให้ทั้งสองมีความสุขด้วยกัน ขณะที่ตนก็นั่งดูภาพยนตร์ในห้องแล้วมาคุยกับบิดาเรื่องงานในฟาร์มบ้าง พร้อมทั้งช่วยแม่จัดเตรียมงานหมั้นที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
เขาไม่มีท่าทีเศร้าซึมอย่างที่ท่านนึก กลับผิวปากแย้มยิ้มมีความสุข เพราะชายหนุ่มคิดว่าอย่างไรก็จบแค่หมั้น ไม่มีงานแต่งระหว่างตนกับหวันยิหวาเกิดขึ้นหรอก
ตกเย็นที่ตะวันลาลับขอบฟ้าพี่ชายก็ยังไม่กลับบ้าน ขณะที่หวันยิหวาก็หายไปเช่นเดียวกัน คุณมุกดาจึงบอกให้ลูกชายคนเล็กไปตามหาคู่หมั้น ถึงเขาไม่อยากออกมาก็จำต้องทำตามคำสั่งของท่าน ตลอดทางยังบ่นว่าหล่อนสร้างความลำบากให้ตน กระทั่งถึงฟาร์มม้าที่เปิดไฟสว่างกลับไม่เห็นเงาของเจ้าหล่อน
“เห็นหวันยิหวาไหม” เข้าไปถามคนงานที่อายุน้อยกว่า
“คุณยิหวาเดินไปที่ทุ่งหญ้าครับ เธอบอกจะไปดูดาว” คิ้วหนาขมวดเป็นปม อารมณ์ไหนของเธอจึงอยากดูดาว...
หรือว่าจะไปกับพี่ชายเขา
แค่คิดใบหน้าคมก็แย้มยิ้มออกมา เหมือนว่าแผนจะไปได้สวยเพราะทั้งสองใช้เวลาด้วยกันทั้งวัน ตอนแรกกันต์กวีคิดจะกลับบ้านแล้วบอกแม่ว่าเธออยู่กับพี่ แต่ต้องเปลี่ยนความคิดไปแอบดูสักหน่อยดีกว่า จะได้มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเขา
ก้าวเท้าไปยังทุ่งหญ้ากว้างที่อยู่ใกล้กับฟาร์มโคนม เห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนผ้าผืนใหญ่เพียงลำพังก็มองซ้ายขวาเพื่อหากันต์ธีร์ กลับไร้เงาของพี่ชายจนต้องยกมือเกาศีรษะ
“ทำไมอยู่คนเดียววะ” พึมพำเสียงเบากับตัวเอง
ทั้งสองเพิ่งแยกกันหรือเปล่า คิดเช่นนั้นก็เดินเข้าไปหาหล่อนเพื่อถามไถ่ “ทำไมนั่งคนเดียว แล้วพี่ธีร์หายไปไหน” เธอเหลียวมองตามเสียงก่อนจะพบว่าที่คู่หมั้นของตัวเองเดินเข้ามาหา รีบหันกลับแล้วมองขึ้นบนท้องฟ้าโดยไม่ได้ตอบคำถามของเขา
หล่อนขลุกอยู่ฟาร์มม้าทั้งวัน เรียนรู้งานต่างๆ เพื่อให้จิตใจผ่อนคลายลงได้บ้าง แล้วสัตว์ก็ช่วยให้เธออารมณ์ดีขึ้น ส่วนกันต์ธีร์แยกกันแต่เช้าไม่ได้เห็นหน้าเขาทั้งวัน แต่ไม่รู้เหตุใดคนเป็นน้องจึงถามหาพี่ชายจากหล่อนเสียได้
“ถามไม่ตอบ เป็นใบ้ไปแล้วเหรอ...นี่ฉันต้องหมั้นกับคนใบ้ใช่ไหม”
เขาถอดรองเท้าแล้วนั่งลงข้างหล่อน เห็นว่าหญิงสาวจุดยากันยุงเอาไว้น่าจะคนที่ฟาร์มนำมาให้ ไหนจะไฟตะเกียงเพิ่มแสงสว่างไม่ให้มืดจนเกินไปนั่นอีก
เหมือนเธอจะเตรียมพร้อมสำหรับมาดูดาว...แล้วดูทำไม
เขาไม่ใช่คนลึกซึ้งในเรื่องพวกนี้ ดูดาวแล้วได้อะไรไม่เข้าใจสักนิด ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย ดาวพูดกับเราไม่ได้สักหน่อย
“แล้วทำไมมาดูดาว ไม่หิวข้าวเหรอ”
เห็นว่าเธอเงียบไม่ตอบอะไร เขาเลยเป็นฝ่ายชวนคุยไปโดยปริยาย ซึ่งก็เดาไม่ออกว่าจะได้คำตอบหรือเปล่า
“กินกับตั้วแล้ว”
พยักหน้าตามอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินเสียงหวาน ยอมรับว่าตนไม่ชอบถูกเมิน ถ้าเธอยังไม่ตอบก็คิดจะชวนคุยไปเรื่อยๆ จนได้รับคำตอบเหมือนเดิม เชื่อว่าหญิงสาวคงไม่นั่งเงียบไปตลอดหรอก
ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงคือความเป็นกันเองของหล่อน กินข้าวกับคนงานไม่ถือตัวสักนิด ภายนอกออกจะเป็นคนหยิ่งไม่ชอบสุงสิงกับใคร หรือเขามองเธอผิดไปอย่างนั้นเหรอ
“ถามหน่อยสิ ทำไมเธอถึงตอบตกลงแต่งงานกับฉันทั้งที่ความจริงเราไม่ต้องแต่งงานกันเลยด้วยซ้ำ มีแผนอะไรหรือเปล่า หรือว่า...เธอแอบชอบฉันเหรอ”
คำถามของเขาทำให้เธอนั่งตัวเกร็งขึ้นมาทันที ไม่รู้อีกฝ่ายไปทราบอะไรมาจึงถามเช่นนั้น
หัวใจของหวันยิหวาเต้นไม่เป็นจังหวะ มือไม้เย็นเฉียบไม่ได้เตรียมรับมือกับการถูกล้วงความรู้สึก แต่เธอก็ทำนิ่งไว้ก่อนไม่ยอมรับในทันที แม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตาม
“ไม่น่าใช่...เธอไม่น่าจะชอบฉันเพราะฉันก็ไม่ได้ชอบเธอเหมือนกัน แล้วเราจะแต่งงานกันทำไม เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าแต่งไปเกิดเธอเจอคนถูกใจจะทำยังไง เขาอาจจะไม่ชอบที่เธอผ่านการแต่งงานมาก่อนก็ได้นะ เรายกเลิกดีไหม ตอนนี้ยังทัน...”
เขามาที่นี่เพื่อโน้มน้าวใจเธอให้ยกเลิกงานแต่งสินะ หญิงสาวเข้าใจเป็นอย่างดีแต่ก็อดเจ็บไม่ได้กับคำว่าไม่ได้ชอบ รู้ว่าตนเองกำลังเอาแต่ใจบังคับชายหนุ่มให้แต่งงานด้วย
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่อาจถอยได้แล้ว
“จะแต่ง”
“ทำไม”
“ฉันชอบนาย”
เธอพูดคำนั้นออกไป แล้วเขาก็นิ่งอึ้ง...เราสองคนสบตากัน
ขณะที่ดวงดาวกระพริบแสงคล้ายเป็นพยานกับการบอกรักครั้งนี้ของหวันยิหวา แม้ผลลัพธ์จะเป็นยังไงเธอก็คงต้องยอมรับมัน