๓ ผลักไส (๒)
เสียงเคาะประตูทำให้คนที่นอนหลับต้องลุกไปเปิด พี่ชายจึงเดินเข้ามาในห้องก่อนนั่งลงที่โซฟาปลายเตียง ดวงตาคมจ้องน้องชายของตัวเองนิ่ง ท่าทีกันต์กวีไม่ได้กระตือรือร้นกับการแต่งงานครั้งนี้สักนิด คนตื่นเต้นเห็นจะเป็นคุณมุกดา
ท่านออกจากบ้านไปถามฤกษ์ยามงานหมั้นงานแต่งกับพระที่เคารพนับถือแล้ว ดูท่าจะถูกใจกับว่าที่สะใภ้มากเสียด้วย
“ดีใจไหมจะได้แต่งงาน” ประโยคนี้ไม่น่าจะออกมาจากปากของพี่ชายได้ถ้ามองหน้าเขาตลอดเวลาการเจรจากับบ้านจิตติพัฒน์
มีตอนไหนที่เขายิ้มหรือไง...อยากจะกัดลิ้นตายเสียเดี๋ยวนั้น
“พี่ว่าผมควรดีใจไหมล่ะ”
“นายคิดอะไรถึงไปปีนห้องเขา”
“ก็ไอ้พวกนั้นมันยุ ผมเมาก็เลยยุขึ้นจนได้เรื่องเลย ใครจะไปรู้ว่าต้องแต่งงานกัน...ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำนะพี่ธีร์!” คิดแล้วหงุดหงิดกว่าเดิมอีก เหมือนถูกมัดมือชกให้รับผิดชอบกับสิ่งที่ไม่ได้ทำ ถอนหายใจหนักหน่วงแล้วนอนกลิ้งบนเตียงกว้าง ค่อยผุดลุกนั่งสบตากับพี่ชายที่เงียบไป
“ยิหวาเป็นคนดี นายโชคดีที่ได้แต่งงานกับเธอ” เขายิ้มให้น้องชายเพื่ออีกฝ่ายจะได้สบายใจขึ้น แต่กลายเป็นว่าเขาได้ระบายความอึดอัดภายในใจ
“เป็นคนดีแต่บังคับผมแต่งงานด้วยเนี่ยนะ คิดถึงแต่ศักดิ์ศรีตัวเองไม่คิดถึงจิตใจผมบ้างหรือไง ไม่ได้รักไม่ได้ชอบกันสักหน่อยจะมาแต่งงานได้เหรอ เออถ้าผมชอบก็ว่าไปอย่างแต่ผมไม่ได้ชอบไง อยู่ด้วยกันไปก็ฝืนเปล่าๆ” ร่ายยาวตามความคิดของตัวเอง
“แล้วถ้าต้องหย่าขึ้นมาก็เป็นรอยด่างพร้อมในชีวิตของยัยนั่นอีก คือผมต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดงั้นเหรอ เกิดวันหนึ่งผมเจอคนที่ชอบจริงๆ แล้วอยากสานสัมพันธ์กับเธอก็กลายเป็นคบชู้ คนที่ผิดคงเป็นผมเหมือนเดิมทั้งที่ผมไม่ได้อยากแต่งงานตั้งแต่แรก”
เปิดอกคุยกับพี่ชายครั้งแรก ใบหน้าหม่นหมองจนเขานึกสงสารน้อง อยากเป็นคนเอ่ยปากขอแต่งแทนแต่รู้ดีว่าทำเช่นนั้นไม่ได้
เมื่อสาวเจ้าหมายใจเจ้าบ่าวเอาไว้แล้ว...
“แต่นายก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้...พี่ยังยืนยันว่ายิหวาเป็นคนดีแล้วก็น่ารัก วันหนึ่งนายอาจจะรักก็ได้”
“แค่อาจจะ...แต่ไม่มีวันรักหรอก”
เขาบอกอย่างมั่นใจถึงพี่ชายจะพูดชัดเจนว่าการแต่งงานครั้งนี้ก็เพื่อรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของหญิงสาว กันต์กวีทำหน้าบึ้งปากคว่ำเพียงแค่คิดถึงคนที่ตอบตกลงแต่งงาน ถ้าหล่อนปฏิเสธแต่แรกเรื่องนี้ก็คงจบลงแล้ว
ไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าหล่อนต้องการอะไรกันแน่
“ใครอยู่ใกล้ยิหวาก็รักทั้งนั้นแหละ นายอย่าเพิ่งมั่นใจไปเลย”
“เข้าข้างขนาดนี้พี่ชอบยัยนั่นหรือไง” ถามเสียงประชดแต่พอเห็นว่ากันต์ธีร์ไม่ได้ตอบกลับแล้วยังมีทีท่านิ่งงันทำเอาเขาถึงกับจ้องพี่ชายนิ่ง คนที่พยายามเก็บอาการเลือกจะลุกยืนเต็มความสูง แล้วตอบเสียงเรียบไม่ทำตัวให้มีพิรุธ
“นายพักเถอะ” พูดจบก็เดินออกจากห้อง ปล่อยให้ร่างสูงมองตามไม่วางตาโดยมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงกลับแย้มยิ้มอย่างรวดเร็ว แทบจะตบเข่าฉาดอย่างมีความหวัง แต่ก่อนอื่นต้องสืบให้แน่ใจว่าเป็นจริงหรือเปล่า
พี่ชายเขาแอบรักหวันยิหวาใช่ไหม!
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะถึงก่อนเวลา หญิงสาวนั่งรออยู่หน้าบ้านโดยคุยกับคนในครอบครัวที่พยายามรั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ไป แต่หวันยิหวาก็ยืนกรานอยากทำตามความต้องการของตัวเอง บิดากับพี่ชายจึงไม่อาจขัดขวางได้ จำต้องยอมปล่อยหญิงสาวให้ไปอยู่บ้านของคนอื่น
เมื่อวานยังเป็นลูกสาวของพ่อ วันนี้จะออกเรือนเสียแล้ว คุณเมฆาน้ำตาซึมพูดอะไรไม่ออกนอกจากกอดบุตรสาวเอาไว้อย่างนั้น
“อ้าว ทำไมเป็นเราล่ะ” บ้านจิตติพัฒน์ยืนเรียงหน้ากระดานเพื่อมาส่งแก้วตาดวงใจอีกคนของบ้าน ตอนแรกจะไปส่งถึงไร่แต่กลัวจะเอิกเกริกจนเกินไป จึงให้ฝ่ายชายมารับที่หน้าบ้าน แต่คนที่ลงจากรถกลับไม่ใช่ว่าที่เจ้าบ่าว
เป็นพี่ชายของเขาอย่างกันต์ธีร์...
ร่างบางหน้าเสียเมื่อเห็นเช่นนั้นแต่ก็ยังแสร้งทำหน้านิ่งได้อย่างแนบเนียน เธอกำกระเป๋าตัวเองเอาไว้แน่น แค่เริ่มแรกก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มไม่เต็มใจจะต้อนรับเธอ ขนาดมารับยังให้คนอื่นมาแทนเลย หรือว่าอีกฝ่ายจะเกลียดหล่อนมากกว่าเดิม
“กวีไม่สบายครับ ผมเลยมารับน้องแทน”
“สงสัยใกล้ตายแล้ว รีบกลับมาบ้านเรานะลูก” เมฆาอดไม่ได้ที่จะจิกกัดคนไม่มา แล้วคว้าลูกสาวมากอดเอาไว้จมอก ไม่อยากปล่อยลูกสาวไปให้คนอื่น ท่านไม่ค่อยไว้ใจกันต์กวีเท่าไหร่ว่ารักหวันยิหวาจริงหรือเปล่า
แต่ถ้าเป็นคนตรงหน้าก็น่าจะดีกว่า อย่างน้อยแววตาของกันต์ธีร์ก็ไม่ได้เย็นชาจนเกินไป อยากเปลี่ยนลูกเขยจากคนน้องเป็นคนพี่
“พี่เมฆ พูดอะไรแบบนั้น”