บท
ตั้งค่า

๑ ยุขึ้นจนได้เรื่อง (๒)

ท่านน่าจะทำเป็นงานอดิเรกมากกว่าเน้นกำไรใหญ่โต ปลูกเพียงพืชผักสวนครัวกับผลไม้สองถึงสามชนิด แต่ก็กินพื้นที่เกือบห้าสิบไร่

นี่แหละน่า...รวยแล้วจะทำอะไรก็ได้

“ช่วงนี้เรากลับไปอยู่ไร่พอดีเลย ลูกสาวปิดเทอมน่ะ...พาไปขี่ม้าก็น่าสนเหมือนกัน” หล่อนพูดถึงลูกได้อย่างลื่นไหล ไม่มีท่าทีติดขัดสักนิด จนเขามองเพลินแล้วเผลอยิ้มกับดวงตากลมหวานของอีกฝ่าย ของสวยงามก็ต้องดูเป็นธรรมดา

พอเวลาผ่านไปยอมรับเลยว่าเธอสวยขึ้นมากแต่ก็ไม่ได้ดูมีอายุ อาจเพราะเสื้อผ้าที่สวมทำให้ดูเด็กเหมือนยังอยู่วัยมัธยมก็ได้

“มาสิ เดี๋ยวสอนให้เป็นพิเศษ...ว่าแต่ขอเบอร์ไว้ติดต่อ...” หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กำลังจะขอเบอร์โทรคนตรงหน้าแต่กลับมีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกเสียก่อน คนที่หน้าเหมือนกันแบบพิมพ์เดียว ต่างตรงที่แววตานิ่งสงบไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้

เสียงที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องผินไปมองคนมาใหม่ หล่อนปล่อยผมยาวตรงสีดำขลับยาวกลางแผ่นหลัง ชุดที่สวมก็ดูภูมิฐานทะมัดทะแมง สมกับเป็นผู้บริหารของบริษัทใหญ่โต ต่างจากน้องสาวฝาแฝดที่ดูสบายตากว่า

“คงไม่สะดวกให้เบอร์เพราะไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคุย...กลับบ้านเถอะดา น้องพุดร้องหาแม่แล้ว” กำลังคุยเข้าได้เข้าเข็มดันมีคนมาขัดเสียได้

ผ่านไปกี่ปีหล่อนก็ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม ใบหน้าเฉยเมยกับแววตาเย็นชา เห็นแล้วให้นึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ ลำคอตั้งตรงกับปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นก็นึกหงุดหงิดกับการวางท่าโตกว่าวัยทั้งที่เราอายุเท่ากัน

หล่อนคิดว่าเป็นพี่เขาหรือไง

“ไว้เจอกันนะกวี”

“ครับ” ถือโทรศัพท์ค้างไว้แบบนั้นด้วยความเสียดาย ยกมือข้างที่ว่างโบกลาคนสวยกระทั่งหล่อนเดินลับตา ค่อยหันกลับมาสบตากับหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งมองเขาไม่ละสายตา แต่ตนกลับเดาไม่ออกว่าหล่อนต้องการอะไร

จะด่ากันเหรอ...

“นาย...”

“ว่า”

จะเดินหนีก็ดูไร้มารยาทเพราะเอายังคงจ้องเขานิ่ง คล้ายกำลังหาเรื่องจนคนไม่ยอมใครต้องมองกลับ พอได้ยินเธอเรียกก็ตอบกลับทันที สมัยมัธยมเราคุยกันนับครั้งได้ แต่ได้สบดวงตากลมบ่อยครั้งพร้อมกลิ่นหอมประจำกายที่แค่กลิ่นโชยมาก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร

กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิม เขาจำได้แม่นจนตัวเองยังแปลกใจ ทำไมถึงจำกลิ่นของคนตรงหน้าได้

“ซื้อเพิ่มอีกสองสามอย่างได้ลดสิบเปอร์เซ็นต์” เขารอฟังตั้งนานว่าเธอจะพูดอะไร แล้วก็ต้องเผยอปากค้างตกตะลึงกับประโยคของหญิงสาว เหลียวมองของในรถเข็นค่อยเหลียวกลับมาจ้องแผ่นหลังบางของคนที่เดินไปไกล

อะไรของเขาวะ...หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน

เธอต้องการพูดแค่นี้เหรอ...

ส่ายหน้าไม่เข้าใจในตัวของหวันยิหวาเท่าไหร่ หวังดีกับเขาหรือกำลังหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองกันแน่ แต่กระนั้นชายหนุ่มก็เดินเลือกซื้อของอีกสองสามอย่างแล้วได้ส่วนลดอย่างที่หล่อนพูดจริง พอเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นป้ายโปรโมชั่นของห้างดัง

ซื้อสินค้าครบห้าพันบาทได้ส่วนลดสิบเปอร์เซ็นต์...

ที่น่าตกใจคือเขาซื้อของหมดไปห้าพันเลยเหรอ!

ขาเรียวเดินกลับมาที่ห้องทำงานสำหรับผู้บริหาร เธอซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยได้แนบเนียน แต่ไม่อาจปิดบังน้องสาวที่เกิดห่างกันเพียงหนึ่งนาทีได้ เพียงแค่ประตูห้องปิดลง คนที่นั่งรออยู่บนโซฟายาวพร้อมลูกสาวซึ่งกำลังระบายสีลงบนสมุดภาพก็เงยหน้าขึ้น สายตาสองคู่จ้องมายังหวันยิหวาเป็นตาเดียวก่อนที่ดาหลาจะอมยิ้ม

“นึกว่าจะอยู่คุยนานกว่านี้ซะอีก” คนถูกถามแอบชะงัก แต่ยังคงสงวนท่าทีไม่ยี่หระ เดินกลับไปนั่งประจำตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดเหมือนเดิม

“คุยอะไร ไม่ได้อยากคุยสักหน่อย...แค่ไปตามดามาพาน้องพุดกลับบ้าน”

“ลูกยังไม่อยากกลับสักหน่อย บอกว่าจะรอกลับพร้อมคุณตา...ใช่ไหมคะ” หันไปถามเด็กหญิงพุดน้ำบุษย์ จิตติพัฒน์วัยหกขวบที่พูดจาฉะฉานแล้วยังเก่งเกินอายุ รู้เรื่องเยอะแถมปกป้องคนเป็นแม่ได้อีกต่างหาก

ตายายรักมากหลงขั้นสุดจากที่ตอนแรกคุณเมฆา จิตติพัฒน์ออกปากว่าจะไม่เลี้ยงหลานหากไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อเด็ก แต่นานวันเข้าก็หลงหลานจนแทบจะยกสมบัติทั้งหมดให้เด็กหญิง ไม่ต่างจากคุณทวดทั้งสองที่ชักชวนหลานให้ไปอยู่ด้วยกัน คนเป็นแม่จึงบอกว่าหากปิดเทอมจะพาไป

แล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงปิดเทอมพอดี สบโอกาสทวงถามตามสัญญาแล้วดาหลาก็ต้องพาลูกไปไร่ของปู่ย่าตามที่เคยบอกท่านเอาไว้

“ใช่ค่ะ หนูจะกลับพร้อมคุณตา...ไปหาคุณตาดีกว่า” ว่าแล้วก็รีบวิ่งออกจากห้องออกไปหาคุณตาที่ชอบตามใจให้กินขนมไม่อั้น ต่างจากมารดาที่ชอบควบคุมบอกเพียงว่าน้ำหนักเกินเกณฑ์แล้ว มีอย่างที่ไหนอายุหกขวบแต่น้ำหนักจะสามสิบห้ากิโลกรัมแล้ว

ยิ่งคุณยายอย่างจอมขวัญ จิตติพัฒน์ทำอาหารอร่อยถูกปากหลาน หลานชมก็ยิ่งทำเยอะสุดท้ายจึงกลายเป็นน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นคุมไม่อยู่แล้ว ตายายตามใจหลานเช่นนี้คนเป็นแม่ก็จนปัญญาไม่รู้ควรทำอย่างไร

การไปไร่ของคุณทวดอาจจะดีกว่า...อย่างน้อยก็ไม่มีโดนัทของขนมที่เต็มไปด้วยแป้งและโรยน้ำตาลให้อีกฝ่ายกิน

“อะไรยังไง ไม่เล่าให้ฟังบ้างเหรอว่าคุยอะไรกับกวีบ้าง”

“ไม่ได้คุย แค่บอกให้ซื้อของเพิ่มจะได้ส่วนลด”

“อ้อ ไม่กล้าชวนคุยนี่เอง” พยักหน้าเข้าใจแฝดพี่แล้วพูดจี้ใจดำจนคนถูกจับไต๋ต้องรีบปฏิเสธ

“เปล่า ไม่ได้สนิทจะคุยอะไรนักหนา” หลุบตาต่ำแล้วมองเอกสารในแฟ้ม เธอเกลียดตัวเองที่เจ็บปวดกับความจริงข้อนั้น เผลอผ่อนลมหายใจเสียงเบาแล้วทุกการกระทำก็อยู่ในสายตาของดาหลาพอดี

ถึงตนจะไม่เก่งเรื่องความรัก เคยถูกหลอกมาก่อนแต่ก็พอจะมองคนตรงหน้าที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กออกว่าคิดเช่นไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel