บท
ตั้งค่า

๑ ยุขึ้นจนได้เรื่อง (๑)

ยุขึ้นจนได้เรื่อง

กลับมาบ้านในรอบปีเพราะหลังจากเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ก็ทำงานเป็นสถาปนิกอยู่บริษัทใหญ่ คิดว่าจะได้สร้างอาคารที่ตนเองสามารถเค้นความสามารถออกมาได้เต็มที่ แต่คอนโดกลับผุดเป็นดอกเห็ดแทบไม่ได้ใช้จินตนาการสร้างสรรค์ผลงาน ผู้ว่าจ้างมีแบบในใจแล้วซึ่งเป็นแค่ทรงสี่เหลี่ยมไม่อาจทำแปลกแหวกแนวได้ ต้องทำทุกอย่างให้อยู่ในงบจำกัด

ความสามารถของเขาจึงจำกัด...อยู่ในพื้นที่ไม่ได้โชว์ศักยภาพ

กระทั่งพี่ชายโทรบอกข่าวร้ายว่าบิดาประสบอุบัติเหตุ ท่านทำงานหนักจนเผลอหลับในตื่นมาอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลพร้อมขาข้างซ้ายและแขนที่สวมเฝือกเอาไว้ ภาระทุกอย่างตกเป็นของกันต์ธีร์ ธัญญาพิบูลย์เพียงคนเดียว

ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มโคนม ฟาร์มโคเนื้อและฟาร์มม้า ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วอย่างนี้เขาจะอยู่เฉยได้อย่างไร ทำการลาออกจากงานแล้วกลับบ้านเกิดอย่างรวดเร็ว เลือดรักบ้านมันแรงจนไม่สนใจแสงสีของเมืองหลวง

เขาไม่มีพันธะทางใจกับใครเพราะเลิกกับแฟนคนล่าสุดไปเกือบปี มุ่งทำงานอย่างเดียวจนตอนนี้งานก็ไม่อาจรั้งไว้ได้

ถึงบ้านก็รีบเข้าไปกอดหอมพ่อจนท่านนึกรำคาญลูกชายคนเล็ก แต่ก็ดีใจที่ครอบครัวกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง ตั้งแต่กันต์กวีไปเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดก็แยกตัวอยู่คนเดียว กระทั่งเรียนระดับอุดมศึกษาก็ไปไกลถึงเมืองหลวง กลับบ้านนับครั้งได้แล้วยังไม่ค่อยรับโทรศัพท์อีกต่างหาก

ไม่คิดว่ากลับมาครั้งนี้ทุกอย่างจะเจริญหูเจริญตามากกว่าเดิม แต่ยังยกเว้นบ้านหลังงามที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา บ้านที่เขาเล่าลือกันว่าเป็นของนายฮ้อยที่เมียถูกฆ่าตาย ส่วนลูกสาวคนเล็กก็เป็นบ้า ขณะที่ลูกสาวคนรองผู้หน้าตาอัปลักษณ์ความจริงกลับงดงามราวนางฟ้า ได้ดิบได้ดีมีสามีแสนดีกับบุตรธิดากลายเป็นครอบครัวแสนสุข

บ้านจิตติพัฒน์แสนมั่งคั่ง เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทำธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ส่งวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดถึงสี่สาขาทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ให้รวยได้อย่างไร

“ออกไปไหนมาแต่เช้า” ร่างสูงถอดเสื้อแขนยาวออก แล้วนำหมวกปีกกว้างมาพัดตามใบหน้า

ช่วงเช้าที่แดดอ่อนลมพัดเย็นสบาย ทำให้คนที่ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ได้โอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนควบม้าตัวเก่งวิ่งไปตามทุ่งหญ้ากว้างที่เป็นอาณาบริเวณของฟาร์มสุขพิบูลย์ ต้องขอบคุณปู่ของเขาที่แม้ตอนนี้ท่านจะอยู่บนสวรรค์แต่ตอนมีชีวิตก็กว้านซื้อที่แถบนี้จนฟาร์มของเรามีขนาดกว้างขวางถึงสามร้อยไร่

ถ้าไม่ใช่เพราะงานมีล้นมือจนทำอย่างอื่นไม่ไหว ก็อยากปลูกไร่องุ่นแล้วทำโรงบ่นไวน์ดูบ้าง ทว่าแค่คิดถึงฟาร์มโคนมกับโคเนื้อ ไหนจะฟาร์มม้าอีก...เขาก็ต้องพับเก็บโครงการนั้นไปทันที

ลูกชายคนเล็กของบ้านเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารเมื่อล้างมือเสร็จเรียบร้อย ก่อนตอบคำถามของพี่ชายที่กำลังจะออกไปข้างนอก “ไปขี่สีหมอก พาลูกสาวไปชมทิวทัศน์ยามเช้าจะได้อารมณ์ดีรับวันที่สดใสไงครับพี่ธีร์” ข้าวต้มกุ้งของโปรดวางตรงหน้า เขาก็หันไปยิ้มแล้วขอบคุณป้าแม่บ้านที่รู้ใจกัน

ตั้งแต่กลับมาบ้านอาหารเช้าก็เป็นของโปรดกันต์กวีทั้งสิ้น ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยเป็นป้าสายใจที่จัดแจงทุกอย่าง เมื่อคุณหนูคนโปรดกลับมาก็ทำให้ด้วยความคิดถึง เพียงแค่เขาเอ่ยปากอยากกินอะไร มื้อต่อมาก็ได้กินในทันที

“อย่าลืมเอานมไปส่งที่สหกรณ์ด้วยล่ะ”

“ครับพี่ชาย กินข้าวเสร็จผมจะเอานมไปส่งทันทีเลยครับ” ตอบรับอย่างแข็งขันแล้วหยิบขนมกินระหว่างมองบิดาที่ถูกภรรยาอย่างคุณมุกดาป้อนอาหาร ไม่รู้ว่าแค่อยากอ้อนเมียหรือเปล่าเพราะมืออีกข้างก็หยิบจับได้ปกติ

“คนเราเนาะ แขนใส่เฝือกข้างเดียวกลายเป็นกินข้าวเองไม่ได้แล้ว” อดไม่ได้ที่จะเย้าแกมหยอก จนคุณกุนต์หันมองลูกชายตัวดี

“ทำไม อิจฉาหรือไง แกก็หาคนป้อนข้าวให้บ้างสิ”

“โอ๊ย ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่อยากเป็นภาระใคร มือก็มีกินข้าวเองได้น่ะพ่อ” ใบหน้าหล่อที่มีร่องรอยตามกาลเวลาหุบยิ้มลงทันที อยากคว้าขวดพริกไทยปาใส่คนปากดีแต่ก็ได้ภรรยาห้ามปรามเอาไว้เสียก่อน

มันปากดีจริงๆ ไอ้ลูกคนนี้ ด่าเขาทางอ้อมว่าเป็นภาระอีกต่างหาก

“กินข้าวค่ะ...เราก็รีบกินแล้วไปส่งนมได้แล้ว ชักช้าเดี๋ยวไม่ทันเวลา”

“ขอรับนายแม่ กระผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” กินข้าวต้มหมดถ้วยแล้วหยิบขนมปังกัดสองคำหมดพร้อมดื่มน้ำตาม ค่อยลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ปล่อยให้บุพการีมองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้า คนพี่ไม่มีทีท่าจะแต่งเมียเข้าบ้าน ส่วนคนน้องก็ไม่ต่างกันเลย

เมื่อไหร่ตนจะได้สะใภ้ล่ะเนี่ย...อยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว

ขับกระบะคู่ใจออกจากหมู่บ้านแล้วเปิดเพลงเสียงดังร้องระหว่างไปส่งนมโคที่สหกรณ์ เขาไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้แต่ก็รีดนมเป็นตั้งแต่เด็ก ส่วนมากตนจะอยู่ฝ่ายฟาร์มม้ามากกว่า ติดต่อซื้อขายแล้วก็มีเปิดสอนขี่ม้าแล้วกิจกรรมล่าสุดคือพาลูกค้าขี่ม้าแล้วถ่ายเป็นภาพพร้อมวิดีโอ ทำให้คิวจองยาวเหยียดไปหลายเดือน

เขายังนึกสงสัยว่าพี่ชายกับบิดาดูแลงานทั้งหมดได้อย่างไร ไหนจะมีงานที่ร่วมมือกับภาครัฐอีก เรียกว่างานราษฎร์งานหลวงมีไม่ขาดแล้วเอาทั้งหมด พอขาดกำลังสำคัญไปหนึ่งคนกันต์ธีร์เลยต้องลุยงานเองทั้งหมด วันนี้ก็ต้องไปประชุมกับทางอำเภอเพื่อจัดงานสำหรับเกษตรกรโคนมประจำปี

ซึ่งงานพวกนี้เขาไม่ถนัด ยอมถูกใช้แรงงานยังจะดีเสียกว่า

กันต์กวีไปส่งนมตามที่พี่ชายบอกเรียบร้อย จากนั้นจึงจอดแวะซื้อของระหว่างทางกลับบ้าน เข้ามาในร้านค้าปลีกส่งขนาดใหญ่เทียบเท่ากับห้างสรรพสินค้าก็ว่าได้ เลือกของที่ต้องการแล้วเดินดูของไปเรื่อยเผื่อต้องการอะไรอีก

กระทั่งได้พบคนที่คุ้นเคย...

“ดาหลา...”

สาวสวยที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ผู้หญิงซึ่งชายหลายคนหมายตาเอาไว้แต่ไม่มีใครสามารถครอบครองหัวใจหล่อนได้สักคน

“อ้าว...กวีมาซื้อของเหรอ” ไม่น่าเชื่อว่าไม่เจอกันเกือบหกปี เธอจะยังจำชื่อเขาได้แถมยังยิ้มให้กันอีกต่างหาก ว่าแต่หน้าตาของหญิงสาวไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด สวยวันสวยคืนจนเผลอจ้องหน้าหล่อนนานไปหน่อยลืมตอบคำถามของอีกฝ่าย

“เอ่อ มาซื้อของใช่ไหม” ถามย้ำอีกรอบ คราวนี้เขาตื่นจากภวังค์แล้วมองรถเข็นของตัวเอง เต็มไปด้วยข้าวของมากมายจึงรีบพยักหน้า ส่งยิ้มให้สาวเจ้าพร้อมแววตาพราวระยับ มองใบหน้าสวยไม่ละไปทางอื่นจนเธอเริ่มเขินกับสายตาของเขา

“ใช่ มาซื้อของ แล้วดามาทำอะไรเหรอ...” ถามจริงเขาก็เม้มปากแน่น เพิ่งคิดออกตอนนี้เองว่าห้างที่ตนกำลังเดินซื้อของใครคือเจ้าของ

ธุรกิจครอบครัวของคนตรงหน้านั่นเอง...

“เรามาหาพ่อแล้วก็ถือโอกาสเดินดูของด้วย ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนเก่าที่นี่” รอยยิ้มของเธอยังคงสดใสเหมือนเดิม หวนให้คิดถึงช่วงเวลาในอดีตที่หล่อนสวมชุดนักเรียนกับผมสั้นประบ่าแต่กลับมีเสน่ห์น่ามอง ตอนนี้ผมยาวก็สวยไม่ต่างกัน

จีบหล่อนตอนนี้จะทันหรือเปล่า ตอนไปเรียนเมืองหลวงได้ข่าวว่าหญิงสาวท้อง ตอนแรกไม่เชื่อด้วยซ้ำคิดว่าอีกฝ่ายโกหก คนที่พี่ชายกับพี่สาวหวงราวกับจงอางหวงไข่นี่หรือจะตั้งครรภ์ กระทั้งเห็นภาพเด็กน้อยที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากเพื่อนซึ่งส่งมาให้ดูก็ต้องเชื่อว่ามีคนเล็ดลอดสายตาเข้าหาดาหลาได้

แต่สิ่งที่สงสัยคือคนคนนั้นเป็นใคร!

“เรากลับมาทำงานกับที่บ้านแล้ว ต่อจากนี้อาจจะได้เจอกันบ่อย...แล้วดาไปที่ไร่บ้างไหมเผื่อแวะไปฟาร์มม้าของเรา เดี๋ยวจะสอนขี่ม้าเอง” เขาทราบมาว่าปู่ย่าของเธอเกษียณจากการทำงานก็ไปทำไร่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel