บทนำ
บทนำ
การถูกบอกเลิกไม่ได้ทำให้เขาเศร้าเท่าถูกเพื่อนแย่งโตเกียวร้านโปรดชิ้นสุดท้ายไป ปากหยักคว่ำพร้อมมองอีกฝ่ายตาขวาง ทำได้เพียงนั่งกัดข้าวโพดเข้าปากแล้วหล่นตามพื้นจนคนที่นั่งข้างกันทำหน้าแหยง ขยับออกห่างหนุ่มหล่อที่สาวหลายคนมอบหัวใจให้เพียงพบหน้า
กันต์กวี ธัญญาพิบูลย์หรือชื่อเล่นคือกวี หน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็เข้าขั้นเศรษฐีระดับอำเภอ เรียนเก่งกีฬาก็เด่น แถมอัธยาศัยดีอีกต่างหาก เพิ่งเลิกกับแฟนคนปัจจุบันได้ไม่ถึงสามวันแต่ไม่มีทีท่าร้องไห้ฟูมฟายเลยสักนิด เป็นฝ่ายหญิงเสียมากกว่าที่เว้าวอนชายคนรักเก่า
สำหรับคนที่ไม่ค่อยคิดเรื่องเครียดเช่นเขา มองอะไรก็เป็นเรื่องสนุกสนานไปหมด คงไม่แปลกที่จะเห็นทุกสิ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยกระทั่งการบอกเลิก หรือความจริงเขาไม่ได้รักหญิงสาวกันแน่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ คบกันเพียงสี่เดือนก็ระหองระแหงเพราะสาวเจ้าเรียกร้องเยอะไปหมด แต่ละอย่างไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำสักนิด ฝืนไม่นานอาการคงออกแล้วเธอจึงงอนจนบอกเลิก
ไม่ได้อยากเลิกจริงแล้วคิดว่าเขาจะง้อ แต่น่าเสียดายที่กันต์กวีไม่ง้อ ยึดถือตามคำพูดของหล่อนพร้อมโบกมือลาใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
“เสียดายน้องส้ม สวยจะตายมึงไม่น่าเลิก” เพื่อนสนิทที่เป็นเหมือนสมุนมือซ้ายเอ่ยขึ้น กัดโตเกียวอย่างเอร็ดอร่อยจนคำสุดท้าย มือหนาผลักหัวอีกฝ่ายทันที ไม่ได้โมโหคำถามแต่หมั่นไส้ที่อีกฝ่ายได้กินของโปรดตัวเอง
โตเกียวของโรงเรียนอร่อยสมคำร่ำลือ คนต่อแถวยาวเหยียดของจึงหมดไว เขามักจะเหมาสี่ถึงห้าชิ้นตลอดแต่วันนี้เพื่อนตัวดีได้กินก่อนโดยไม่เหลือไว้ให้กันบ้างเลย อยากโบกแรงกว่านี้แต่อดใจเอาไว้ โดยกัดข้าวโพดจนเหลือเพียงแกน
“คบแทนกูสิ” พูดอย่างไม่ยี่หระ ไม่มีท่าทีหึงหวงเลยสักนิดเดียว
มั่นใจตอนนี้เองว่าไม่ได้รักเธอ น่าสงสารหญิงสาวเหมือนกันที่คบกับเขา ปล่อยหล่อนไปเจอรักที่ดีน่าจะถูกกว่าอยู่กับชายซึ่งไม่ได้รักเธอสักนิด
คบเพราะหล่อนเป็นฝ่ายเอ่ยปากเองท่ามกลางคนหมู่มาก ไม่อยากหักหาญน้ำใจให้อีกฝ่ายเสียหน้า จึงต้องตอบตกลงเป็นแฟนแล้วทุกอย่างก็จบในเวลาอันรวดเร็ว
“ดูหน้ากูด้วยครับคุณกวี เบ้าอย่างกูหมายังหนี เอาผู้หญิงสวยที่ไหนมาชอบล่ะ...เฮ้อ สาวสวยพลาดไปอีกคนแล้ว มึงไม่ลองจีบดาหลาดูวะ สวยฉิบหายแต่เสียดายพี่สาวพี่ชายดุไปหน่อย” พูดถึงสาวสวยอีกคนที่มีชายหนุ่มขายขนมจีบไม่ว่างเว้น เพียงแต่ไม่เคยมีใครได้เข้าใกล้สักคน
ดาหลา จิตติพัฒน์ สาวสวยอ่อนหวานมีรอยยิ้มพิฆาตที่คนมองเป็นต้องหลง นิสัยน่ารักแถมฐานะทางบ้านยังร่ำรวยอีกต่างหาก แต่เสียดายที่มีพี่ชายดุอย่างกับหมา ใครเข้าใกล้น้องสาวเป็นต้องมองตาเขม็ง ถึงตอนนี้จะเรียนจบไปแล้วก็ส่งไม้ต่อให้หวันยิหวา จิตติพัฒน์ที่เป็นฝาแฝดกับสาวสวย
หน้าตาถอดแบบกันแต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว คนพี่สวยดุพูดน้อยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้เท่าไหร่ อัธยาศัยติดลบระดับสิบ เขาจึงไม่อยากจะเสวนากับหล่อน ซึ่งความจริงเราก็ไม่ได้สนิทสนมหรือมีเรื่องให้ต้องคุยกันมากนัก
เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมปลายก็ไม่เคยคุยกันสักครั้ง...
ไม่สิ...น่าจะสองถึงสามครั้งเห็นจะได้
แต่ก็ไม่ได้น่าจดจำเท่าไหร่สำหรับชายหนุ่ม
“จีบทำไม คนอย่างกูต้องจีบด้วยเหรอ หล่อออกขนาดนี้” หันซ้ายขวาให้เพื่อนดู คราวนี้เพื่อนสนิทมือขวาจึงส่ายหน้าพลางเอ่ยขัดบ้าง
“เบ้าอ่ะดีแต่นิสัยค่อนไปทางสถุลหน่อย”
“อ้าวไอ้นี่ มึงเพื่อนกูป่ะวะ เข้าข้างกูสิ”
“หมั่นไส้มึงไง” กันต์กวีหยิบขนมมากินระหว่างพักเที่ยง ก่อนหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เป็นหน้าจอสัมผัสขึ้นมาดู ราคาค่อนข้างแพงทำให้ในโรงเรียนใช้ไม่กี่คน
“ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ไปๆๆ” จัดการเก็บกวาดถุงขนมนำไปทิ้งถังขยะแล้วเดินขึ้นอาคาร สวนกับสาวสวยที่ตกเป็นหัวข้อบทสนทนาเมื่อครู่พอดี แต่ไม่ได้เจอคนน้องกลับเป็นคนพี่ที่เดินหน้านิ่งเข้ามาในโรงอาหาร พร้อมถือหนังสือเล่มโตเพื่ออ่านเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้า
เขาเผลอมองหล่อนจนได้สบตากัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะเลยผ่านไปไม่สนใจไยดีสักนิด กลิ่นหอมจากกายของหล่อนเตะเข้าจมูกจนนึกสงสัยว่าใช้น้ำหอมอะไร
หอมละมุนไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน...
“เป็นไร ตาลอยๆ”
“เปล่า ขึ้นห้องเถอะ” ส่ายหน้ากับความคิดของตัวเอง กอดคอเพื่อนทั้งสองแล้วพากันเดินขึ้นห้อง เลิกสนใจหญิงสาวที่เดินผ่านทันที
แล้วคิดว่าเมื่อไหร่จะถึงตอนเย็นสักที อยากกลับบ้านไปหาเพื่อนสนิทแล้ว...
เวลาเลิกเรียนมาถึงเขาก็ตรงดิ่งกลับบ้านทันที เขาเรียนโรงเรียนในตัวจังหวัดที่มีตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมปลาย ทั้งยังอยู่ในเขตรั้วมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่อีกต่างหาก บิดาจึงเช่าหอพักใกล้โรงเรียนไว้ให้บุตรชายพักอาศัย
เชื่อใจว่าชายหนุ่มจะไม่เถลไถลเพราะมาตรวจสภาพห้องและโทรเช็คทุกสัปดาห์ และเป็นหอพักชายจึงไม่สามารถพาสาวเข้ามาได้ แต่ถึงจะพาเข้ามาได้เขาก็ไม่มีสาวที่ไหนทั้งนั้นแหละ ชายหนุ่มรักความเป็นส่วนตัวมาก ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่ได้เข้าห้องตนเลย
ปิดประตูแล้วแขวนกระเป๋าไว้ด้านหน้าห้องเรียบร้อย ก็รีบเปิดหน้าจอคอมเพื่อเข้าเว็บแชทชื่อดังที่เล่นมาเกือบสองปีตั้งแต่มัธยมต้น...MSN
เขาไม่ได้ติดสาวที่ไหน แต่ติดเพื่อนในนี้ที่คุยสนุกคุยถูกคอ บางครั้งก็ให้อีกฝ่ายสอนการบ้านแล้วคุยสัพเพเหระ รู้สึกสนิทกับคนในเน็ตมากกว่าเพื่อนที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่อนุบาลเสียอีก เขายิ้มดีใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายออน
ไม่รอช้ารีบทักไปอย่างรวดเร็ว
ตืด ตืด...
แต่การทักไปก่อนก็ดูจะเสียหน้าหน่อย เขาจึงกดตัวอิโมจิสั่นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนมาแล้ว ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับอย่างรวดเร็ว
‘สั่นหน้าจอทำไม’
‘ฟังเพลงอยู่เหรอวะ...ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ-อินคา โห เพลงยุคพ่อเลยนะ’
‘เพราะ ลองฟังสิ นายน่าจะชอบ’
‘ทำไมฉันต้องชอบด้วย’
บอกเลยว่าการพูดสุภาพไม่เคยเกิดขึ้นกับนายกันต์กวี ทว่าพูดกูมึงกับอีกฝ่ายไม่ลง ถึงคนที่เขาคุยด้วยจะเป็นผู้ชายก็ตาม ที่รู้ก็เพราะดูจากการตั้งภาพประจำตัวแล้วการพูดคุย ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงหรอก เพราะผู้หญิงส่วนมากมักทักมาจีบแล้วพูดจาอ่อนหวาน
เขาจึงฟันธงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย...ชัวร์!
‘ก็มันเพราะ’
‘จะลองฟังแล้วกัน...วันนี้กลับเร็วเหรอทำไมออนเร็ว’
‘อือ จะอ่านหนังสือเตรียมสอบเลยมาออนก่อน’
‘รอฉันเหรอ’
‘ตลก รอนายทำไม’
‘ฮั่นแหนะ หรือว่ารอสาวที่ไหน’ ไม่น่าเชื่อว่าบทสนทนาของเราจะลื่นไหลขนาดนี้ แล้วเขาก็ลองฟังเพลงที่อีกฝ่ายแนะนำ ซึ่งค่อนข้างเพราะอย่างที่บอกจริงด้วย ใบหน้าคมผงกตามจังหวะของเพลงจนจบ ระหว่างนั้นก็รัวแป้นพิมพ์คุยกับอีกฝ่าย
‘รู้จักหวันยิหวาหรือเปล่า’
“หือ ยัยหน้านิ่งนั่นน่ะเหรอ” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วนึกถึงดวงหน้าสวยที่นิ่งสนิทไม่แสดงอารมณ์ หรืออาจจะเป็นคนอื่น ทว่าชื่อหวันยิหวาไม่น่าจะมีเยอะ
‘หวันยิหวา จิตติพัฒน์หรือเปล่า’
ไม่ได้อยากจำชื่อพร้อมนามสกุลหรอก แต่หล่อนเล่นชนะประกวดหลายอย่างแล้วได้ขึ้นรับรางวัลหน้าเสาธงเป็นประจำ จนเขาสามารถจำชื่อพร้อมนามสกุลของอีกฝ่ายได้
‘อือ นายว่าหวันยิหวาเป็นคนยังไง’
‘ทำไมวะ จะจีบหรือไง’
‘เปล่า ตอบมาสิคิดว่าเป็นคนยังไง’
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คำถามเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าชอบยัยนั่นแต่ไม่ยอมรับ เขาแอบยิ้มกับความปากแข็งของเพื่อนในเอ็ม แล้วค่อยพิมพ์ตามที่ตัวเองคิด
‘หน้านิ่ง ไม่เป็นมิตร มนุษย์สัมพันธ์แย่เข้าขั้นติดลบ ไม่รู้ว่ะ ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่’ ที่ตอบไปคือความจริงตามความรู้สึกของตัวเอง แล้วเพื่อนก็เงียบไปไม่ได้ตอบอะไรกลับมา จนเขาตัดสินใจกดสั่นหน้าจอของฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
‘ไปอ่านหนังสือล่ะ ไว้คุยกันใหม่ บาย’
“อ้าว ไปเร็วจังวะ” จะพิมพ์รั้งก็ไม่กล้าจึงต้องยอมปล่อยอีกฝ่ายไปอ่านหนังสือ เขานั่งมองหน้าจอที่นิ่งสนิทแล้วก็หมั่นไส้คนขยัน ก่อนมองชื่อของหญิงสาวที่เข้ามาในบทสนทนา
เธอก็สวยดี...แต่ไม่ใช่คนที่เขาชอบเท่านั้นเอง