ตอนที่ 8 ล่อลวง
เมื่อไม่นานมานี้ณภัทรเพิ่งเป็นข่าวเช่นกัน แต่เขาเป็นข่าวในเรื่องไม่ธรรมดาทั้งนั้น โรงแรมติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน เป็นที่น่าจับตามองพูดถึงกันในแวดวงผู้ดี ด้วยความหรูหราทั้งห้องพักที่ตกแต่งร่วมสมัย การบริการจากพนักงานที่ลูกค้าแสนจะประทับใจ
ราคาเช่าพักก็ไม่ธรรมดาแต่กลับมีลูกค้าทั้งคนเก่าและคนใหม่ติดต่อจองคิวเพื่อเข้ามาพักที่นี่ไม่เว้นช่วง เจ้าของโรงแรมได้รับผลกำไรอย่างมหาศาลภายในระยะเวลาบริหารงานไม่กี่ปี
ณภัทรเดินสายออกรายการให้สัมภาษณ์โปรโมทธุรกิจของตนไม่หยุด ทุ่มเทกับงานเพื่อเงิน จนสามารถติดอันดับหนึ่งในสามของนักธุรกิจที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในประเทศ
"คุณพอจะบอกทิศทางเลี่ยงออกทางที่ปลอดคน หรือเลี่ยงนักข่าวได้ไหมคะ"
แพรรดาไม่ค่อยเสพข่าวในโซเชียลถึงแม้เธอจะทำงานในวงการบันเทิงจึงไม่ทราบมาก่อนว่าโรงแรมแห่งนี้มีใครเป็นเจ้าของ แต่ต้องยอมรับเธอเคยได้ยินชื่อเขาผ่าน ๆ เท่านั้น เมื่อรู้ความจริงแพรรดาแอบทึ่งไม่น้อย
"มีอยู่ทางหนึ่งผมพาคุณไปได้ แต่ว่างานใกล้จะจบแล้ว ออกไปก่อนคนอื่นเลยดีไหมช่วงชุลมุนคงวุ่นวายน่าดู" ณภัทรไม่รอช้าเขาเอ่ยเสนอทันที เขารอจังหวะประจวบเหมาะแบบนี้มานานพอสมควรแล้ว
ราตรีเห็นด้วยกับณภัทร
"ราตรีฝากเพื่อนหน่อยนะคะคุณภัทร"
นักธุรกิจหนุ่มพยักหน้ารับอย่างขันอาสา เชิงตอบว่าไม่มีปัญหาเมื่อหล่อนจะฝากฝังอีกสักหน่อยกับแพรรดา
"แกไปกับคุณภัทรนะ ฉันจะเคลียร์ทางนี้กับนักข่าวให้เอง"
ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ราตรีย่ามใจ คิดน้อยไปว่าเสือผู้หญิงอย่างณภัทรคงไม่ฉวยโอกาสกระทำอะไรไม่ดีต่อเพื่อนสนิทของหล่อน และไม่มีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้ ราตรีจำเป็นต้องยอมแต่โดยดี
"อืม ขอบใจแกนะ"
แพรรดามองราตรีที่สืบเท้าออกไปจากห้องจัดเลี้ยงเพื่อไปรับหน้ากับนักข่าวแทนเธอจนหายลับสายตา เรียวแขนเธอถูกใครคนหนึ่งคว้าจับพร้อมออกแรงกระตุก
"เราไปกันเถอะ" แพรรดาทำตามที่ณภัทรบอก ทั้งสองเร่งฝีเท้าออกมาหาประตูด้านหลังของโรงแรม ซึ่งเป็นบันไดทางลัดลับ น้อยคนที่จะรู้ว่ามีเส้นทางนี้อยู่
โดยมีณภัทรนำทาง แพรรดาไม่เข้าใจนักทำไมเขาถึงต้องจับมือถือแขนกันด้วย แต่ด้วยเหตุการณ์ต้องตั้งรับกับศึกรอบด้าน เธอจึงมองข้ามไม่ถือสา เขาทำอะไรพาไปทางไหนก็ต้องยอม
"อ๊ะ!" เดินมาจนใกล้จะถึงลิฟต์อีกไม่กี่ก้าว แพรรดากลับอุทานออกมาแล้วหยุดเดินอย่างกะทันหัน เธอก้มมองข้อเท้าตัวเองที่เริ่มเจ็บไม่ถูกที่ถูกเวลา รออีกหน่อยไม่ได้หรือไง
แรงดึงจากเธอส่งผลให้ณภัทรจำต้องมองตาม
"เจ็บข้อเท้าล่ะสิ"
"นิดหน่อยเองค่ะ"
"ผมว่าไม่นิดหน่อยแล้วนะ" ข้อเท้าข้างซ้ายของแพรรดาเกิดการบวมแดงจนเห็นเด่นชัด ณภัทรคุกเข่านั่งลงตรงหน้าเธอ ตรวจเช็คอย่างละเอียดจนแน่ใจ
"โอ้ย!" ฝ่ามือหนาจับเท้าเรียวเล็กเบา ๆ หญิงสาวสะดุ้งโหยงร้องโอดครวญเล็ดลอดผ่านลำคอออกมาครั้นเก็บกลั้นการระบมจนเจ็บปวดไม่ไหว
"ยังไหวไหม" อีกฝ่ายถามแลดูใส่ใจ จนแพรรดาเริ่มเสียอาการ
"คงต้องลองดูค่ะ ฉันต้องหาที่หลบหนีนักข่าวให้ได้เร็วที่สุด"
ณภัทรหยัดยืนเต็มความสูงเฉกเช่นเดิม แน่นอนว่าแพรรดายึกยักดูไม่มั่นใจ เพราะไม่สามารถลงน้ำหนักเท้าอีกข้างได้ถนัด มันกำลังเป็นปัญหาต่อเธอ
"งั้นให้ผมอุ้มคุณ" แก้มสองข้างของแพรรดาร้อนผะผ่าว ริมฝีปากขบเม้มเมื่อณภัทรไม่พูดเปล่า เขาลงมือทำเลยทันที สอดแขนเข้าไปใต้ข้อพับขาสองข้าง แล้วช้อนอุ้มร่างอรชรแนบอกด้วยท่าเจ้าสาว
ฝ่ามือเรียวที่สัมผัสช่วงบนอันแข็งแกร่งสร้างความประหม่าให้แก่แพรรดาเป็นอย่างมาก หุ่นล่ำเป็นสันแข็งแกร่งของณภัทรเหมาะสำหรับอาชีพนายแบบ หากเข้าวงการถ่ายแบบผู้ชายเซ็กซี่มันต้องฮอตขนาดไหน เธอนึกเปรียบเทียบเขากับนายแบบที่เธอเคยร่วมงานด้วย
"แต่ผมคงพาคุณเดินลัดเลาะไปหลังโรงแรมไม่ไหวหรอก ขึ้นไปรอที่ชั้นบนสุดดีกว่านะ ผมเปิดห้องที่โรงแรมไว้พอดี"
"ฮะ! คุณภัทรคะ คือ..." ดาราสาวแทบร้องห้าม หากแต่ณภัทรรั้น เธอปรามไว้ไม่ทันไร้หนทางเลี่ยงหนี ชักสั่นหวั่นใจเสียแล้ว ระหว่างเขากับนักข่าวใครน่ากลัวกว่ากันในยามนี้ แพรรดานึกคิดในใจ
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วคุณไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว ผมอุ้มคุณอยู่มันตกเป็นสิทธิ์ของผมที่จะตัดสินใจ" ร่างสูงก้าวขาฉับ ๆ ขณะอุ้มตัวเธอเข้ามาในลิฟต์เพื่อไปยังชั้นสามสิบแปด ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของโรงแรม