ตอนที่ 9 ล่อลวง
เขามีสิทธิ์อะไรมาบงการเธอ แพรรดาเก็บความขุ่นเคืองมาตลาดทางเดิน จนกระทั่งณภัทรวางตัวเธอลงเมื่อมาถึงหน้าห้องพักห้องหนึ่ง คีย์การ์ดถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาแตะมันกับเครื่องสแกนผ่านก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง แพรรดาชั่งใจ ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
"เข้ามาเถอะ" คนเดินนำเข้าไปก่อนเอี้ยวหน้ามองเธอแล้วแล้วพูด
"ฉัน..." จะให้เธอเข้าไปอยู่ในห้องลับสายตาคนกับผู้ชายที่ไม่รู้จักเขาดีพอ แถมเพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ได้ยังไง แพรรดาโต้แย้งณภัทรในใจอีกหน
แววตากลมไหวสั่นที่จ้องมามองเขาคล้ายจับสังเกตว่าเขามีพิรุธหรือไม่นั้นสั่นระริก ณภัทรอ่านเกมออกได้ไม่ยาก
"เธอจะปลอดภัย แพรรดา!"
นักธุรกิจหนุ่มเดินวกกลับมาหาแล้วโอบเอวบางประคองร่างจ้อย เพื่อให้เข้ามาข้างในด้วยกัน ทีแรกเธอใช้แรงยื้อตัวเองเอาไว้เล็กน้อย ทว่าเมื่อไม่มีทางเลือกมากนัก แพรรดาจำต้องเสี่ยงสักครั้ง
แพรรดายืนกอดอกทอดมองวิวจากที่สูงผ่านกระจกระเบียงของห้องพัก หันหลังให้ณภัทรด้วยวางตัวไม่ถูก ได้แต่ภาวนาว่านักข่าวจะกลับไปในเร็ว ๆ นี้เสียที เธอจะได้ไม่ต้องอยู่ในที่ห้องนี้กับเขาเพียงสองต่อสอง
"คุณดื่มไหม" ณภัทรกดเสียงสั่งเครื่องดื่มขึ้นมาที่ห้องกับบริกร รอไม่ถึง 5 นาทีก็ได้มาตามที่สั่งไป ก่อนเอ่ยถามอีกคนที่ยืนหันหลังให้กัน
"ไม่ดีกว่าค่ะ" แพรรดาปฏิเสธตอนนี้เธอกินอะไรไม่ลงทั้งนั้น ปัญหาชีวิตของเธอถาโถมใส่ จนจับต้นชนปลายไม่ถูก เธอควรกำจัดปัญหาใดก่อน
คราวนี้พี่มินตราต้องด่าเธอจนหูชาอีกแน่ ๆ เพราะเธอมักนำความเดือดร้อนไปสู่ มิหนำซ้ำเธอแอบออกมาข้างนอกแหกคำสั่งห้ามของหล่อน
"ดื่มสักหน่อนเถอะ หรือไม่ชอบดื่มเหล้า" ณภัทรยื่นแก้วบรรจุวิสกี้ให้ แพรรดาเหลือบมองแต่ไม่ยอมรับไป
"คุณเป็นสายดื่มชอบเที่ยว ดื่มแค่นี้คงไม่เกินตัวคุณหรอก อย่าปฏิเสธน้ำใจของผมสิ" เขาหว่านล้อม แพรรดาตัดปัญหา เพราะไม่ชอบความจู้จี้จุกจิกนัก เธอเอื้อมมารับวิสกี้ แล้วยกขึ้นดื่มเพรียว ๆ ลงคอ ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใดราวกับว่ามันคือน้ำเปล่า
"พอใจคุณแล้วนะคะ" ดื่มจนหมดก็ยื่นแก้วส่งกลับคืน ณภัทรยกยิ้มจางข้างมุมปาก ยอมถอยเท้าออกห่างเธอ เขากลับมานั่งโซฟามองเธอที่เอาแต่ยืนเหม่อมองใช้ความคิดกับตัวเองอยู่นานสองนาน
"ยัยนี่เล่นตัวเก่งใช่ย่อย" เสียงทุ้มพึมพำเบา ๆ ลูบปลายคางตนเองเมื่อขบคิดหาทางจะเคลมดาราสาวตรงหน้า ไม่มีอะไรได้มายากเกินความสามารถ ณภัทรจงใจล่อลวงเหยื่อจนติดกับ เขาไม่มีทางคว้าน้ำเหลวแน่ ๆ วันนี้แพรรดาต้องตกเป็นของเขา
"คุณกลัวว่าจะเป็นข่าวอีกเหรอ" ความเงียบนั้นในท้ายที่สุดก็ถูกณภัทรทำลาย ใช้แผนค่อย ๆ ตะล่อมเหยื่อให้ไว้วางใจจนตายใจ
"ฉันต้องกลัวอยู่แล้วค่ะ ผู้จัดการฉันคงได้ด่าฉันหนักแน่ ๆ"
"ผมว่าผมมีทางออกช่วยคุณได้นะ"
"ยังไงเหรอคะ" แพรรดาหันหน้ามองณภัทร เรือนคิ้วสวยขดมุ่น รีบเดินจ้ำอ้าวมานั่งโซฟาตัวข้าง ๆ เขา เธอใคร่อยากทราบถึงทางออกของปัญหานี้
"ผมพอจะช่วยปกปิดกระแสข่าวได้นะ"
"แล้วคุณจะช่วยฉันทำไมคะ หวังอะไรหรือเปล่า" หากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทั้ง ๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ถ้าอ้างว่าเพราะเห็นอกเห็นใจมันคงเหลือเชื่อไปหน่อย โลกใบนี้มีเพียงต้องการผลประโยชน์จากกันและกันทั้งนั้น
"ผมแค่อยากรู้ว่าข่าวของคุณที่ผ่านมาเป็นข่าวจริงหรือเปล่า"
"คุณอยากรู้ไปทำไมคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นสักนิด" บางสำนักข่าวถึงขั้นเขียนว่าเธอโดนหิ้วเข้าม่านรูด บ้างเขียนใส่ร้ายว่าเธอเป็นผู้หญิงย๋ำฉ่า กระนั้นมีสักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่มีพฤติกรรมเหล่านั้นเลย และรักษาเยื่อบาง ๆ ตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีอายุ 25 ปีบริบูรณ์
"คุณไม่เคยให้สัมภาษณ์แก้ต่างกับสื่อเลย ผมแค่อยากเป็นคนแรกที่ได้ฟังคำแก้ต่างจากคุณเท่านั้นล่ะ พอคุณบอกไม่ใช่แบบนั้นผมก็คิดถูกแล้วล่ะที่ไม่เคยเชื่อข่าวจากสื่ออีกเลย"
แพรรดาอมยิ้มอย่างน้อยก็มีคนเข้าใจ ที่ผ่านมาเธอพยายามอธิบายให้มินตราฟัง ผู้จัดการของเธอยังไม่อยากเชื่อสักเท่าไรด้วยซ้ำ แถมบางครั้งเอนเอียงเชื่อข่าวขยะพวกนั้น
โดยไม่อาจรู้เลยว่าณภัทรก็คิดเหมือนคนอื่น และไม่เชื่อสิ่งที่เธอกำลังพูดพล่าม เพียงแค่เขาเออออตามน้ำก็เท่านั้น