บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

สองเดือนแล้วที่เพื่อนสนิทห่างหายไปจากชีวิตของอัณณิกา ตั้งแต่ตกลงว่าจะหยุดความ ‘ใกล้ชิด’ ที่มากเกินไป เขาก็เว้นระยะค่อนข้างชัดเจน ข้อความที่ส่งไปแรก ๆ ใช้เวลาข้ามวันกว่าจะตอบ แต่พักหลังมานี้แทบจะสองถึงสามวันด้วยซ้ำไป

เขาอ้างว่ายุ่งกับการฝึกงานที่ใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว เธอเองก็เหนื่อยไม่แพ้กันเพราะต้องเผชิญหน้ากับรถติดในกรุงเทพฯ แต่ก็คุ้มค่าเนื่องจากยังได้กลับมากอดมารดาก่อนนอนในทุก ๆ คืน

“เหนื่อยไหมลูก กลับดึกทุกวันเลย”

“ไม่เลยค่ะแม่ แค่เห็นหน้าแม่ก็ชื่นใจแล้ว” หญิงสาวหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ “อีกอย่างวันนี้ก็ฝึกงานวันสุดท้ายแล้วด้วย พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องตื่นแต่เช้าแล้ว”

“อ้อนเก่งสมชื่อจริง ๆ ว่าแต่เสาร์นี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า วันเกิดเรานี่นา แม่จะได้ทำให้” ชมเนตรลูบศีรษะลูกสาวที่ช่วงนี้อ้อนเก่งมากเป็นพิเศษ แต่บางเวลาก็เงียบจนอดเป็นห่วงไม่ได้ “อยากดื่มเบียร์อะไรบอกแม่ได้เลยนะ เดี๋ยวจัดการให้ หรือว่าอยากไปปาร์ตีวันเกิดกับเพื่อน ๆ ได้ข่าวว่ากลับกันมาแล้วนี่”

“เดี๋ยวค่อยนัดเจอทีหลังก็ได้ค่ะ วันเกิดปีนี้อ้อนอยากอยู่กับแม่มากกว่า”

“งั้นก็ดีเลย แม่รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองยุ่งจนไม่มีเวลาให้ลูกเลยเหมือนกัน จริงสิ แม่ได้ยินจากคุณกุลว่ากิตต์จะกลับบ้าน ให้แม่ทำกับข้าวเผื่อด้วยเลยไหม?”

“กิตต์จะกลับบ้านเหรอคะ…” อัณณิกาไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าเขาจะกลับมาบ้านโดยไม่บอกกัน ทั้ง ๆ ที่เธอส่งข้อความไปหาหลายครั้งเพราะต้องการปรึกษาเรื่องน่ากลัวบางอย่าง “เดี๋ยวอ้อนถามดูก่อนก็ได้ค่ะว่าจะมาไหม ช่วงนี้กิตต์น่าจะติดสาว ทักถามอะไรไปก็บอกไม่ว่างตลอดเลย”

“อ้อน ช่วงนี้ลูกโอเคไหม มีเรื่องกวนใจหรือเปล่า?”

“แม่…”

การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าชมเนตรทำหน้าที่ได้ดีจนคนเป็นลูกไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไป และถึงแม้จะงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว แต่ก็ยังคอยสังเกตอยู่เสมอว่าแก้วตาดวงใจของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง

“แม่รู้นะว่าลูกมีเรื่องไม่สบายใจ ถ้าอยากคุยก็บอกแม่ได้นะ แม่รออยู่ตรงนี้เสมอ”

“ขอบคุณค่ะ อ้อนไม่เป็นไรจริง ๆ แค่เหนื่อยฝึกงานกับเครียดเรื่องทุนแค่นั้นเอง แม่ก็รู้ว่าต่อให้อ้อนได้ทุนจริง ๆ ก็ยังต้องใช้เงินเยอะอยู่ดี แล้วบ้านเราก็ไม่ได้รวย…”

“เรื่องพวกนั้นไว้เป็นหน้าที่ของแม่เถอะนะ อ้อนรีบไปขึ้นรถได้แล้วลูก นี่ก็หกโมงกว่าละ วันนี้แม่ทำแซนด์วิชทูน่าไว้ให้ไปกินที่บริษัท เห็นบ่นอยากกินหลายวันแล้ว”

ชมเนตรเข้าครัวเพื่อหยิบอาหารที่เตรียมไว้ตั้งแต่ตีห้า แต่พอเปิดกล่องอวดความน่ารับประทาน ลูกสาวสุดที่รักกลับยู่หน้าเหมือนคนไม่สบายและพริบตาเดียวก็พุ่งตัวไปยังห้องน้ำ อาเจียนน้ำย่อยออกมาจนแทบหมดไส้หมดพุง

“อ้อน เป็นไรหรือเปล่าลูก!”

“ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อวานอ้อนกินส้มตำร้านข้างทางกับเพื่อนที่บริษัท คงไม่ค่อยสะอาดเลยอาหารเป็นพิษ แต่ก็แค่ท้องเสียกับรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อยเองนะแม่”

“แล้วนี่จะไปทำงานไหวหรือเปล่า ลาป่วยดีไหมลูก ทำมาตั้งหลายเดือน ลาวันสุดท้ายเขาคงไม่ว่าอะไรหรอก”

“แต่อ้อนไม่อยากเสียประวัติ…” เธอเถียงทั้ง ๆ ที่ยังหน้าซีด

“จำไว้นะอ้อนว่าคนเราน่ะสุขภาพสำคัญ ห้ามทำแต่งานจนลืมดูแลตัวเอง ไม่รู้แหละ ยังไงอ้อนก็ต้องลางานไปหาหมอ เดี๋ยวแม่ไปเป็นเพี่อน”

“อ้อนนั่งพักแป๊บเดียวก็หายแล้วละแม่…”

อัณณิกาไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้กระทั่งผู้ให้กำเนิดของตัวเอง หลังจากนั่งพักดมยาดมดื่มยาหอมอยู่เกือบชั่วโมงอาการก็ดีขึ้นมาก จึงขอตัวไปทำงานโดยไม่ลืมโทรแจ้งบริษัทว่าจะเข้าสายสักชั่วโมง

“ให้แม่ไปส่งไหม?”

“อ้อนโอเคแล้วจริง ๆ ค่ะแม่ เอางี้ เดี๋ยววันนี้อ้อนยอมเสียตังค์นั่งแท็กซี่ไปก็ได้ ไม่ต้องเดินขึ้น ๆ ลง ๆ บีทีเอสแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ดีไหมคะ?”

“คนเป็นแม่ยังไงก็ห่วงลูกอยู่ดีนั่นแหละ แต่ลูกก็ช่างดื้อเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเหมือนใคร”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel