บทที่ 7
“กิตต์หมายความว่า?”
“ขวัญกลับไทยแค่ช่วงนี้ กิตต์เลยคิดว่ารอสอบได้ทุนก่อนค่อยคิดว่าจะเอาไง อ้อนก็รู้ว่าขวัญอยู่เมืองเดียวกับมหาวิทยาลัยที่เราขอทุนไป ถ้าได้ก็กะว่าจะลองคุยกันต่อนั่นแหละ แต่พอคุยไปคุยมาก็ไม่อยากรอแล้ว”
ดนัยกิตต์เบือนหน้าไปทางอื่น ไม่กล้าสบดวงตากลมโตคู่นั้นหลังจากเอ่ยคำโกหก เขากลับไปคุยกับเพียงขวัญก็จริง แต่ความรู้สึกมันไม่ได้เหมือนเดิม
“กิตต์กลับไปคุยกับขวัญนานแล้วเหรอ?”
“ใช่แล้ว แต่เพิ่งตัดสินใจว่าจะจริงจังวันนี้เอง กิตต์ดีใจนะที่อ้อนมีไอ้ป้องดูแล กิตต์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อือ ป้องเขาดีกับเราจริง ๆ นั่นแหละ”
อัณณิกาพึมพำตอบทั้ง ๆ ที่ยังตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน จากที่จะสารภาพความในใจกลับต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้ให้ลึกเสียยิ่งกว่าเดิม เพราะกลัวว่าจะทำให้เรื่องซับซ้อนไปกันใหญ่ นอกจากนั้นยังต้องสมยอมด้วยว่ากำลังคบหากับปกป้อง เพื่อที่เขาจะได้ไม่กังวลเรื่องเธอจนเป็นอุปสรรคในการรีเทิร์นกับรักครั้งแรก
“อ้อนไม่เป็นไรใช่ไหม ถ้าเราสองคนคุยกันน้อยลง คือกิตต์ไม่อยากให้ขวัญคิดมาก แล้วอีกอย่างมันก็ไม่แฟร์กับป้อง ถ้าเรายังสนิทกัน เอ่อ มีอะไรกันเหมือนที่ผ่านมา”
“ก็ตามที่ตกลงกันนั่นแหละ กิตต์เองก็เถอะ โอเคใช่ไหม”
“โอเคสิ แต่คงคิดถึงเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันแย่เลย”
แค่คิดว่าจะไม่ได้กอดกันอีก ดนัยกิตต์ก็รู้สึกหวิว ๆ หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ แต่เพื่อความสุขของเพื่อนจึงจำต้องกล้ำกลืนความรู้สึกนั้นไว้ ในเมื่อสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีแล้ว เขาจะผิดคำพูดของตัวเองไม่ได้เด็ดขาด
แต่จะให้หยุดทุกอย่างในคืนนี้เขาก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
“อ้อน เรากอดกันครั้งสุดท้ายได้ไหม…”
สายตาของดนัยกิตต์เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ไม่ต่างจากคืนแรกที่เธอตกเป็นของเขาและทุกค่ำคืนต่อจากนั้น ไม่มีวันไหนที่เขารู้สึกว่าเธอน่ากอดน้อยลง แม้แต่คืนนี้ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังไม่จางหายไป
“เราเคยไม่ตามใจกิตต์เหรอ?”
ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายกระตุ้นอารมณ์ของดนัยกิตต์ให้ชัดเจนและรุนแรงยิ่งขึ้น วงแขนของเขาโอบกอดเธอแนบแน่นกว่าทุกค่ำคืนที่ผ่านมา ถ่ายทอดความหวงแหนในทุกสัมผัส ปลดปล่อยความบ้าคลั่งราวกับสัตว์ร้ายที่ซ่อนเอาไว้ให้เธอเห็น ว่ามันเรียกร้องความสนใจได้ดุดันมากเพียงใด
“อ้อน อ้อนน่ารักที่สุดเลยรู้ตัวเปล่า…” ดนัยกิตต์กระซิบข้างใบหูเล็ก ขบเม้มหยอกเย้าครู่เดียวก็ทนไม่ไหว เร่งจังหวะตอกตรึงจนเตียงส่งเสียงเอียดอาดลั่นห้อง สู้กับเสียงหวานของอัณณิกาที่สติเตลิดไปไกลแล้ว
หญิงสาวน้ำตานองหน้า อารมณ์หลากหลายสับสนปนเป ซาบซ่านกับความคึกคะนองของเขาจนถึงปลายทางแห่งความสุขนับครั้งไม่ถ้วน จนแทบลืมความจริงที่ว่าคืนนี้คือคืนสุดท้ายที่เธอจะได้ครอบครองเขาแค่เพียงคนเดียว
“กิตต์ เราไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อย อ๊ะ!”
“ขออีกนิดนะ อีกนิดเดียว…”
ดนัยกิตต์กระแทกกระทั้นความเป็นชายรัวเร็ว ความเครียดแข็งเบื้องล่างทำให้มัดกล้ามของเขาแข็งเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนไปทั้งแขน และเมื่อความปรารถนาทะยานสูงตามจังหวะรักที่รัวใส่ร่างเล็กที่โอบกอดกันไว้แน่น ความอดทนของเขาก็แตกระเบิด ปลดปล่อยน้ำรัก ล่องสวรรค์ตามเธอที่กรีดร้องสุขสมไปติด ๆ กัน
“อ้อน ไหวไหม…กิตต์ทำแรงไปหรือเปล่า?”
เธอส่ายหน้า ยังคงหอบหายใจน้อย ๆ เพราะความหฤหรรษ์ที่ได้รับ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบบอกอีกฝ่ายให้แต่งตัวกลับบ้าน เพราะใกล้ถึงเวลาที่มารดาจะกลับมาแล้ว
“กิตต์ไม่กลับ กิตต์จะอยู่กับอ้อน”
“แต่ว่าแม่…” อัณณิกาเกรงใจมารดา แม้ว่าท่านจะไม่เคยพูดอะไรเลยก็ตาม
“ไม่ได้จะอยู่ในห้องนอน เดี๋ยวเราแต่งตัวแล้วลงไปอยู่ในห้องรับแขกด้วยกัน กิตต์สัญญาว่าจะไม่กอด ไม่ทำอะไรให้น้าชมดุเราได้เด็ดขาด”
ดนัยกิตต์รั้งร่างคนที่ยังเหนื่อยมากมาจูบเอาใจก่อนลงไปรอข้างล่าง และหลังจากนั่งคิดเรื่องที่ไม่ควรคิดอยู่ราว ๆ สิบห้านาทีเธอก็ตามลงมานั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
