ตอนที่ 2 งานกินข้าว
พราวฟ้าแอบถอนหายใจเบาๆ พยายามลุกขึ้นยืนทั้งที่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจุดอ่อนไหวของร่างกาย สัมผัสวูบวาบตอนที่ผ่านมือใหญ่กรีดนิ้วจับไข่สั่นยัดเข้าไปด้านในเธอก็แทบผวาขนลุกชันไปทั้งตัว แต่ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในนั้นกลับสร้างความอึดอัดแปลกๆ ให้เธอไม่น้อย มันไม่เจ็บแต่ก็รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเท่าไรนัก
"อ๊ะ..." ลุกขึ้นยืนได้กำลังจะก้าวขาเดินออกจากโซฟาตรงนั้น แต่อยู่ๆ เธอก็ต้องทรุดตัวลงนั่งที่เดิมอย่างแรง เมื่อคนข้างๆ ชูมือขึ้นพร้อมรีโมตอันจิ๋วที่อยู่ในมือ เธอรู้ทันทีว่าตอนนี้เขากดปุ่มให้ของที่อยู่ข้างในตัวเธอมันสั่น
และแรงสั่นสะเทือนด้านในมันพาให้เธอเสียววาบไปทั้งท้องน้อย เธอนั่งลงได้ก็ทิ้งกระเป๋าสะพายลงข้างตัวอย่างไม่สนใจ ใช้สองมือกุมที่จุดบอบบางกลางกายอย่างไม่อาจห้ามได้
"อ๊ะ...คุณ...ฟาริส ปิดได้ไหมคะ" เสียงกระท่อนกระแท่นแทบไม่เป็นคำตอนที่เอ่ยขอร้อง ใบหน้าเหยเกราวกับคนเจ็บปวดแต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
"ไม่ชอบหรือ"
น้ำเสียงที่ถามมีแววเย้ยหยัน พอเขาปิดรีโมตลงเธอก็ถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่
"ไหนดูซิ"
ฟาริสขยับเข้ามาใกล้ ถือวิสาสะล้วงมือเข้าไปใต้กระโปรงตัวสวยของเธอ นิ้วยาวเรียวลูบผ่านจุดบอบบางอย่างไม่เบามือนัก
"น้ำเจิ่งเลยนะ"
เธอรู้ว่ามันเป็นอย่างที่เขาว่า เพราะเมื่อครู่ที่ไอ้เครื่องตัวเล็กนั่นทำงานมันกระตุ้นได้อย่างดี แม้จิตใจจะไม่ได้เห็นพ้องกับร่างกาย แต่ก็คงไม่อาจห้ามปฏิกิริยาตอบสนองนั้นได้ และคร้านที่จะให้เหตุผลกับคนตรงหน้า ทำได้เพียงค่อยๆ ดันมือเขาออกอย่างไม่ให้ดูน่าเกลียดเท่านั้น
"ถ้าเธอไม่ต้องการ จะกลับก็ได้นะ"
"..."
"โอเค งั้นฉันจะถือว่าเธอต้องการมัน ไปกินข้าวกันเถอะ"
เมื่อเธอไม่ตอบ คนพูดเองก็ตอบเอง พลางลุกขึ้นเดินนำเธอออกไปจากห้อง เขาพาเธอเดินกลับออกมาทางเก่าที่เธอเดินตามคุณอธิปเข้าไปในคราแรก
อาหารมื้อค่ำจัดโต๊ะหรูที่เทอเรสหน้าบ้าน แค่เพียงเห็นผู้เป็นเจ้านายเดินมาถึง แม่บ้านที่ยืนรอรับก็จุดเทียนที่วางอยู่กลางโต๊ะทันที บรรยากาศภายใต้แสงเทียนน่าจะชวนให้โรแมนติกมากกว่านี้ ถ้าไม่ติดว่าไอ้ไข่อันจิ๋วสีชมพูมันอยู่ในตัวเธอ และก็พร้อมจะทำงานอย่างขยันขันแข็งได้ตลอดเวลา เธอคงจะรู้สึกชื่นชมกับบรรยากาศอันแสนหวานตรงหน้า
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ถัดจากโต๊ะอาหารเดินมาขยับเก้าอี้ให้เธอแทรกตัวเข้าไป และขยับอีกครั้งตอนที่เธอกำลังจะทิ้งตัวลงนั่ง ถ้าเธอไม่ใช่อดีตดาราเบอร์ต้นๆ ของช่อง และเคยผ่านบทบาทเลิศหรูในละครมาก่อน คงจะทำตัวไม่ถูกเช่นกัน แต่บทเจ้าหญิงจากแคว้นของอริราชศัตรูในครั้งนั้น ทำให้เธอแสดงได้สมบทบาทอีกครั้งในวันนี้ ต่างจากอีกคนที่นั่งลงเอนตัวไขว่ห้างในท่าสบายๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม
แค่เพียงเธอนั่งลง แม่บ้านที่ยืนรออยู่หลายคนตรงนั้นก็ต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี ไวน์ราคาแพงถูกรินใส่แก้วให้เธอในฐานะเลดี้เฟิสต์ ท่าทางการจับขวดที่หันฉลากไวน์ราคาหลายหมื่นให้เธอเห็นอย่างคนชำนาญที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
อาหารเรียกน้ำย่อยก็ถูกวางลงตรงหน้า แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนคนเบื่ออาหารขึ้นมาเสียอย่างนั้น ได้แต่ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ ไม่สนใจมารยาทของสตรีที่พึงมีให้คนตรงหน้า
"กี่ปีแล้วนะ ที่เราไม่ได้เจอกัน" เขาแกว่งแก้วไวน์ในท่าสบายๆ ตอนที่เอ่ยถาม
"จำไม่ได้ค่ะ" ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยลืมเขาเลยด้วยซ้ำ
"ห้าปีใช่หรือเปล่า ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอยู่ปีสองใช่ไหม ส่วนฉันอยู่ปีสี่"
"ไม่แน่ใจค่ะ" เธอจำได้แม้กระทั่งตอนที่เขาเรียนจบแล้วได้ข่าวว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากนั้นชื่อของฟาริส ก็หายไปจากสารบบของเธอ มีเพียงความทรงจำอันแสนเลวร้ายของตัวเองที่มันยังจดจำทุกอย่างได้ดี
"เห็นเธอในทีวียังตกใจเลย แต่ฉันไม่ค่อยได้กลับไทย เพิ่งกลับมาได้เมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง"
"คงเห็นนานแล้วมั้งคะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีงานละครฉายที่หน้าจอ"
"อ้าวเหรอ..." น้ำเสียงที่ตอบเหมือนไม่รู้ แต่แววตากลับเย้ยหยันจนเธอรู้สึกได้ เขารู้ทุกอย่างดีทีเดียวล่ะ
"เพราะเรื่องข่าวนั่นหรือ"