[5] เด็กชายตัวอ้วน
หลังจากวันนั้น มัลลิกาก็ได้เล่าความจริงกับกรกนกผ่านทางโทรศัพท์ต่อจากที่เจอกันที่โรงพยาบาล แต่ไม่ทั้งหมด กรกนกรู้เพียงว่าเธอพลาดท้องตอนที่ทำงานอยู่ที่ร้านอาหารของหล่อนเพียงเท่านั้น และเธอไม่ได้คาดคั้นอะไรมากเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
จนมาวันนี้ก็ยังมีโทรคุย และปรึกษาธุรกิจกันกับกรกนก เพราะอะไรนะหรือ พอกรกนกรู้ว่าเธอและคุณหญิงทำงานร่วมกันหญิงสาวก็ออกตัวแรงและตื่นเต้นดีใจเอายกใหญ่
ดีใจที่มัลลิกามีชีวิตที่ดี ฉลาดและก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ดี ทั้งที่ชีวิตของผู้หญิงตัวคนเดียวนั้นน่าเป็นห่วงมากกว่าอะไร...แต่เด็กสาวก็ผ่านมันไปได้อย่างน่ามหัศจรรย์
"เดี๋ยวเจ๊จะไปเยี่ยม เอาของไปรับขวัญหลาน!"เสียงปลายสายบอกกับเธอ ทำให้มัลลิกายิ้มให้กับคนเห่อหลาน ขนาดเธอเป็นแค่อดีตลูกจ้าง เจ๊ซินยังดีกับเธอขนาดนี้ คนบ้านนี้จะใจดีกันทุกคนเลยหรือไง แต่สำหรับเขา...เธอไม่รู้เลย แล้วก็ไม่อยากจะรู้ด้วย
ปล่อยให้เป็นแบบนี้นะดีแล้ว การรับผิดชอบอะไรใดๆเธอไม่ได้ต้องการจากเขา เธอรู้ว่าคนระดับนั้นจะต้องหวงความโสดของตนเอง ไม่แยแสลูกที่เขาไม่ได้ต้องการ ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด เเละเธอก็ผิดเอง เธอพลาดเองคนเดียว...
"จะรอคอยป้าซินนะคะ"มัลลิกาเย้ากลับเสียงใส ถึงปฏิเสธว่าไม่รับของรับขวัญหลาน มีหรือคนอย่างกรกนกจะยอม
"เอ่อโบว์ แค่นี้ก่อนนะผัวเจ๊มันสะกิดหน่ะ!!"
"ค่ะเจ๊!"
มัลลิกาแทบกลั้นขำไม่ทัน ปลายสายเอ่ยออกมาด้วยถ้อยคำตรงไปตรงมา
เจ๊ซินเล่าให้ฟังว่ามีเด็กที่ไหนไม่รู้มาตามจีบ ซึ่งเจ๊ซินไม่สนใจ ชายคนนี้ตามหยอดทุกวัน ยามที่เจ๊แกต้องไปต่างประเทศก็มีแอบไปเซอร์ไพรส์ถึงที่บ้าง แล้วอย่างนี้เจ๊ซินจะไปไหนรอด
น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน...และตอนนี้ก็กร่อนจนไม่เหลือแล้ว
.
.
.
จวบจนมัลลิกาตั้งครรภ์เข้าเดือนที่9 เป็นเดือนแห่งการรอคอย มาวันนี้เธอมีทุกอย่างเป็นของตนเอง ทั้งเงินก้อนและรถหรู มีบริวารและโรงงานเป็นของตนเอง ธุรกิจแพร่ขยายใหญ่เพราะมีหุ้นส่วนที่ดีอย่างคุณหญิง โรงงานแห่งนี้ คุณหญิงให้เธอถือหุ้นถึง40% รายได้เข้ากระเป๋าเป็นจำนวนมากเมื่อสามารถตีตลาดแตกได้
เธอใช้ความรู้ ค้นหาวิธีใหม่ในการขายของในยุคนี้ ให้ความรู้ทำงานหาเงินแทน พอมาอยู่จุดๆนี้ วันที่ชีวิตลงตัวมันน่าเหลือเชื่อที่เธอสามารถทำได้ มันรวดเร็วเพราะจังหวะชีวิต และโอกาสมันเข้ามาหาเธอได้อย่างน่าประหลาดใจ และที่สำคัญคือความพยายาม...
ในวันนี้มัลลิกาปวดท้องคลอด รถหรูกำลังแล่นสู่ท้องถนนไปอย่างรวดเร็ว
"ปวดท้องมากไหมโบว์ อดทนหน่อยนะ!?"เพื่อนบ้านของเธอและยังเป็นเพื่อนรักในวัยเด็ก หรือแทนไทกำลังขับรถให้เธอไปคลอดที่โรงพยาบาลในตอนนี้ และนมสายเองก็นั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆเธอ
"ไม่เท่าไหร่ ยังพอทนได้!" เจ้าหล่อนเจ็บท้องไม่มาก แต่ก็เป็นพักๆที่รู้สึกถึงการเตือนของลูกน้อย
ร่างอุ้ยอ้ายถูกเข็นเข้าห้องคลอด เธอนิ่วหน้าเพราะเวลานี้เริ่มทนไม่ไหว
"โอ๊ยย!"
"อดทนไว้นะคะคุณหนู จะถึงห้องคลอดแล้ว"
นมสายกึ่งเดินกึ่งวิ่งข้างๆวีลเเชร์ หอบของพะรุงพะรังพอๆกันกับแทนไท
"อดทนไว้นะโบว์!!!"
แทนไทส่งกำลังใจไปให้ รู้ดีว่าแทนไทนคิดกับเธอเกินเพื่อน แต่เธอผ่านการมีลูกมาแล้ว ปฏิเสธคนตรงหน้าไปหลายต่อหลายครั้ง เธอจะไม่ยอมให้เพื่อนของเธอมาจมปลักอยู่กับแม่ลูกอ่อนอย่างเธอแน่นอน
แต่แล้วแววตาห่วงใยจากแทนไทนั้นทำให้มัลลิกาเจ็บหน่วงที่อกข้างซ้าย ที่ผ่านมาไม่เคยได้รู้สึกโหยหาพ่อของลูก แต่เวลานี้ก็อดนึกถึงไม่ได้จริงๆ
จวบจนถึงหน้าห้องคลอดมัลลิกาหยุดคิดทุกอย่าง สูดลมหายเข้าลึกๆ เธอพร้อมแล้วที่จะได้ทำหน้าที่แม่ พร้อมแล้วที่จะเจอหน้าลูกน้อย
.
.
ห้องคลอดวุ่นวายไปด้วยเหล่าแพทย์ มัลลิกาปวดท้องจนทนไม่ไหว น้ำตาสีใสไหลรินเต็มแก้มเนียน เบ่งคลอดตามคำสั่งของแพทย์จนในที่สุด....
อุแว้ อุแว้!!!!!
เสียงเล็กของทารกร้องลั่น ใบหน้าสวยหวานยิ้มทั้งน้ำตา เป็นเด็กชายตัวอ้วน หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง จมูกนิดปากหน่อย ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มไม่หุบ มัลลิกาก็เพิ่งจะได้ทราบเพศลูกไปเมื่อครู่นี้ เธอดีใจเหลือเกิน เป็นความเจ็บปวดที่มีความสุขที่สุดในชีวิต
หลังจากนั้นพยาบาลก็อุ้มเด็กทารกตัวอ้วนจากไป หลงเหลือเพียงลมหายใจอ่อนๆ ความเหน็ดเหนื่
อยและหมดแรงคลาบเคลื่อนเข้ามาแทนที่