บทที่2.ควานหาตัวเด็กปริศนา...
หากมีอะไรมาดึงความสนใจของริโอได้บ้าง ก็คงดีไม่น้อย
“สรุปความสำคัญของการประชุมวันนี้ให้ผมด้วยนะ วันนี้เจ้านายกำลังยุ่ง และคงไม่มีกระจิตกะใจกับงานวันนี้แล้ว เลิกประชุมเลยก็ได้ครับ”
ฌอนสรุปตัดบท เขาคงต้องรีบตามไป ก่อนที่ริโอจะโมโห
ท่าทางไม่เป็นตัวเองแบบนี้ย้อนกลับมาอีกครั้งแล้ว
ฌอนไม่อยากคิด จากนี้จะเกิดอะไรขึ้น จะดีหรือร้ายก็เดาไม่ถูก
ประเทศไทย
ตะกร้าผักหนักอึ้ง ถุงใส่อาหารสดก็หนักไม่แพ้กัน ม่านไหมพยายามยกโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากคนงาน ซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานในโรงงานขนาดเล็กถัดจากบ้านของเธอไป
หญิงสาวกวาดตามองหาบุตรชายและหญิง บ้านเงียบแบบนี้ไม่ใคร่ใช่นิสัยของบรรดาลูกๆ ของเธอเลย ริทกับโรซี ซนกว่าลิงในป่า พี่เลี้ยงแทบเอาไม่อยู่ และยิ่งตอนที่ตนเองไม่อยู่บ้าน คงไม่มีใครห้ามเด็กสองคนนั่นได้
“ริท โรซี มาช่วยมัมยกของหน่อยค่ะ”
ม่านไหมส่งเสียงเรียก หากเป็นเช่นทุกวัน เสียงวิ่งแข่ง กับเสียง แว๊ดๆ คงเกิดขึ้นแล้ว แต่นี่...ทุกอย่างสงบเงียบเหมือนเดิม
“ป่านๆ เด็กๆ ไปไหนกันหมด?”
ความร้อนใจม่านไหมเลยเริ่มตะโกน เธอวางตะกร้าผักและถุงของสดไว้หน้าบ้าน รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปด้านใน แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอผ่อนฝีเท้าลง
เด็กชายและเด็กหญิงวัยห้าปีกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น มีพี่เลี้ยงนั่งอยู่ด้านข้าง โรซีก้มหน้าลง หัวไหล่สั่นเหมือนกำลังกลั้นสะอื้น ส่วนริทมองตรงมาที่เธอด้วยสายตาแน่วแน่
ม่านไหมเดินไปใกล้ โรซีมีอาการผวา แต่ก็ยังสำรวมท่าทางได้
“เกิดอะไรขึ้น อธิบายให้มัมฟังสักนิดได้ไหมคะ?”
เด็กเจ้าแผนการทั้งสองคน ม่านไหมรู้ทันและพยายามตามให้ทันความคิดของพวกเขา ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางคุมพวกเขาอยู่ การเลี้ยงลูกด้วยเหตุผลมันมีข้อดีหลายส่วน แต่บางครั้งก็อาจเป็นช่องโหว่ให้เด็กฉลาดอย่างบุตรชายของเธอ ใช้เป็นข้อแก้ต่างให้ตัวเอง
“ริททำบางอย่างที่คิดว่ามัมไม่มีทางอภัยให้ครับ”
พอบุตรชายพูดจบ ม่านไหมพยักหน้ารับรู้ เธอเดินเข้าไปใกล้ ทรุดนั่งบนส้นเท้า “โรซีพอจะบอกมัมได้ไหมคะ ริทหรือโรซีที่เป็นคนทำบางอย่างที่ว่านั่น”
เด็กหญิงกระอึกกระอักนิดหน่อย แล้วจึงค่อยๆ พูดอ้อมแอ้มออกมา “ริทค่ะ ริททำ โรซีพยายามห้ามแล้วค่ะ แต่...”
“โอเค โรซีลุกได้ค่ะ มัมขอฟังเหตุผลของริทอีกหน่อย”
เด็กหญิงทรงตัวยืน เดินไปยืนด้านข้างพี่เลี้ยงที่ก้มหน้านิ่งรอฟังคำตัดสินของนายสาว
เด็กชายกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ “ริททำโทรศัพท์ของมัมตกในแก้วนมครับ” เด็กชายยืดอกสารภาพ ม่านไหมกระตุกยิ้มมุมปาก นับวันความฉลาดเกินคนของบุตรชายยิ่งฉายชัด แต่มันเป็นความฉลาดที่น่ากลัว เพราะหากริทคิดเอาเปรียบใครขึ้นมา ความเจ้าเล่ห์ที่ฝังในสายเลือดนี่ คงทำให้คู่แข่งศิโรราบได้แบบง่ายดาย
“อ้อ...มันคืออุบัติเหตุสินะ” ม่านไหมครางเบาๆ
“ครับ มันคืออุบัติเหตุ ริทไม่ได้ซนครับ” ม่านไหมพยายามหาเหตุผลในการไล่ต้อนให้บุตรชายสารภาพ ความผิดที่เขาก่อไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่เธอปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะแอบสงสัยบางอย่าง
“มัมจำได้ว่า โทรศัพท์ของมัมอยู่บนห้องนอนนะคะ” ม่านไหมเปรย
เด็กชายผวา เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ หากเขาไม่นำโทรศัพท์ของมารดามาเล่น ไม่มีทางที่จะเกิดอุบัติเหตุอย่างที่เขาสารภาพได้เลย
‘เอาไงดีนะ?’ เด็กชายถามตัวเองในใจ
“ริทเองครับ ริทหยิบลงมาข้างล่าง แต่ริทแค่ดูเฉยๆ นะครับ ริทไม่ได้ซนเลย” เด็กชายยอมสารภาพความผิดครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยโทษของเขาจะได้เบาลง เพราะหากมารดารู้ความจริง นั่นน่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
“ริทกำลังบอกมัมว่าริท ฝืนคำสั่งมัม และหยิบของส่วนตัวของมัมมาใช้ โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ใช่มั้ยคะ”
ม่านไหมตะล่อม มองสบนัยน์ตาบุตรชายที่สั่นไหวนิดๆ
“ครับ” หลังประมวลผลในใจแล้ว ความผิดครั้งนี้ไม่ได้สาหัสมากกว่าการที่มารดารู้ว่าเขากับน้องสาวใช้โทรศัพท์ของมารดาโทรหาคนแปลกหน้าที่ตนเองและโรซีสงสัยว่าเป็นบิดา
“รู้ใช่ไหมคะว่าลูกทำผิด”
“ครับ ริทรู้ ริทยอมให้มัมทำโทษครับ”