บทที่2.ควานหาตัวเด็กปริศนา
ฌอนพยายามเก็บข้อมูลระหว่างที่เจ้านายสนทนา
เขาได้ยินเสียงแทรกที่ทำให้รู้สึกตกใจมากขึ้น ริโอยอมทิ้งเวลาที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับตัวเอง มาคุยกับ ‘เด็ก’
“ริทวางเถอะ คราวนี้มัมลงโทษหนักแน่ ถ้ารู้ว่าริทไม่เชื่อที่มัมพูด”
เสียงอ่อนอ่อยเตือนเบาๆ
“ม่าย เราอยากรู้โรซี มัมไม่มีเหตุผล อยากห้าม ทำไมไม่บอกล่ะว่าใครเป็นพ่อของพวกเรา”
หัวคิ้วริโอขมวด เขาคิดตามคำพูดเด็กสองคนนั่นแล้วจึงถึงบางอ้อ ผู้หญิงคนนั้นมีลูก แต่พ่อเด็กไม่ได้อยู่ด้วย มือแข็งแรงยกขึ้นเกาใต้ปลายคางแล้วย้อนนึกถึงความหลัง มีครั้งไหนไหมที่เขาหละหลวม จนอาจก่อเกิดปัญหาใหญ่ ริโอตาเหลือก เขาจำได้รางๆ มีคืนหนึ่งที่เขาคึกหนัก ฟาดม่านไหมทั้งคืนจนรุ่งเช้า คอนดอมที่เตรียมมาเลยไม่พอ และนั่นอาจทำให้เด็กสองคนนี่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ก็ได้
“ฉันอยากเจอมัมของเธอ” ริโอเปรย
“ไม่ได้นะ!!” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาพร้อมกัน
“ทำไมล่ะ ฉันอาจเป็นพ่อของเราสองคนก็ได้นะ”
“แค่อาจจะเอง ผมไม่มีทางยอมให้คุณเจอกับมัมหรอก” เด็กชายตอบเสียงแข็ง
“อ้าว!” ริโอครางเสียงหลง
เด็กสองคนนี่ต้องการอะไรแน่ เขาเองก็อยากรู้ความจริง และมันมีความเป็นไปได้เสียด้วย
“หากคุณเจอมัม แล้วเกิดชอบมัมขึ้นมาล่ะ ไม่เอาหรอก ผมไม่ยกมัมให้ผู้ชายคนไหนทั้งนั้น” น้ำเสียงแข็งๆ จนริโออยากเจอหน้าขึ้นมาติดหมัด อาการหวงแม่แบบสุดโต่ง ตอนเด็กเขาก็เป็น
“ใช่โรซีก็ไม่ยอม” น้ำเสียงเด็กหญิงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
“ไหนบอกอยากเจอพ่อ หวงก้างแบบนี้จะเจอได้ยังไง”
“แค่อยากรู้ ไม่ได้อยากให้มาอยู่ด้วย เราสองคนอยู่กับมัมได้ สบายดี”
“แต่ฉันอยากเจอ อยากพิสูจน์ความจริงด้วย” ริโอแย้ง
“เราบอกแล้วไหมริท วางเถอะ เดี๋ยวมัมก็กลับมาแล้ว”
“เดี๋ยวๆ เธอสองคนอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปหา” ริโอแย้งเสียงหลง เขายังไม่รู้รายละเอียดของเด็กสองคนนี่เลย
“คุณไม่มีทางตามหาพวกเราเจอหรอกครับ” เด็กชายพูดเหมือนเป็นต่อ พร้อมกับสัญญาณที่ถูกตัดหายไป
“เห้ย อะไรวะ มากระตุ้นต่อมอยากรู้ของกู แล้วทิ้งกันดื้อๆ งั้นเหรอ” ริโอโวยเสียงหลง ก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ตาปริบๆ
ฌอนกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เลยเวลาประชุมไปเกือบสิบนาที เจ้านายของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัว ความสนใจของริโอจดจ่ออยู่แค่เรื่องเด็กสองคนที่เขาเพิ่งสนทนากันไปหมาดๆ
“ฌอน มึงคิดว่าคนอย่างกูเป็นพ่อคนได้ไหมวะ?”
ฌอนตาเหลือก คุยกับเด็กที่ไหนไม่รู้แค่ไม่กี่นาที เจ้านายของเขาอาการหนักถึงขั้นอยากเป็นพ่อคนขึ้นมาเชียวเหรอ?
“เจ้านายครับ ประชุมครับ”
ริโอพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็ไม่ขยับตัวเหมือนเดิม เรื่องที่กวนใจเขาอยู่นี่ทำให้ริโอรู้สึกค้างคา หากเขาไม่สามารถไขความกระจ่างได้ให้หายกังวลใจได้ เขาคงติดใจอยู่แบบนี้ และคงไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ ชายหนุ่มเม้มปากย้อนนึกถึงความหลัง
มีความเป็นไปได้ เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์เสียด้วย
บทที่2.ควานหาตัวเด็กปริศนา
ฌอนพยายามสะกิดเตือน ในที่สุดริโอก็ยอมขยับ เขาเดินตามฌอนไป แม้จะอยู่ในภวังค์ ริโอทิ้งตัวนั่งที่หัวโต๊ะตัวใหญ่ในห้องประชุม เขาไม่ได้ใส่ใจเนื้อหาระหว่างประชุมเลย ใจของเขาจดจ่ออยู่กับการควานหาเด็กปริศนาสองคนนั่น
“ฌอนกูรู้แล้ว เราจะตามหาเด็กสองคนนั่นได้ที่ไหน?”
ฌอนยกมือปาดเหงื่อ จู่ๆ เจ้านายก็ลุกพรวด และโพล่งบางอย่างออกมา ทั้งห้องประชุมเงียบกริบ ไม่มีสักคนที่กล้าลุกขึ้นทักท้วง พอริโอขยับตัวเดินจ้ำอ้าวออกไป แต่ละคนที่นั่งตาปริบๆ ก็ต่างพากันถอนใจเฮือก
“เด็กที่ไหน เด็กอะไรเหรอคุณฌอน?” ในฐานะคนสนิทที่ไม่ต่างจากมือขวาของริโอ คำถามเหล่านั้นเลยโถมเข้าใส่ฌอน ซึ่งยังนั่งอยู่
“อาจจะเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ก็ได้มั้งครับ”
ริโอเป็นคนบ้างาน สองสามปีหลังนี่ เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำงานเหมือนกับว่าวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว คนรอบตัวเขาเลยเหนื่อยหนัก แต่ผลตอบแทนคุ้มค่า เลยช่วยให้ความเหนื่อยนั่นคลายลงนิดหน่อย แต่หากเป็นเช่นนี้ติดต่อกันอีกหลายปี ก็คงพากันรับมือไม่ไหว