9 หลงลืม
Make A Wish
นับจากวันที่เธอเริ่มทำงานจนถึงตอนนี้…คาริสาได้โกหกคีตะมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆ และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดเดียวที่มี แต่แทนที่เธอจะได้หยุดพักอยู่ที่บ้าน แต่ขนมจีนเพื่อนสนิทกลับลากเธอออกมาที่ร้านอาหารสุดหรู เพราะเบลล่า เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ไฮสคูลกำลังจะแต่งงาน
“พวกแกรู้ไหม? ตอนที่แฟนขอฉันแต่งงานนะ…เขาลงทุนมาก พาฉันไปล่องเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็จุดพลุซะใหญ่โตเลย” เบลล่ากำลังอวดว่าที่สามีพร้อมรอยยิ้ม อวดมาราวๆครึ่งชั่วโมงแล้วเห็นจะได้
“แกจะลากฉันมาทำไมวะหนมจีน? ฉันไม่ได้สนิทกับเบลล่าด้วยซ้ำ” คาริสาแอบกระซิบกระซาบกับขนมจีน
“เออน่ะ! มาฟังไว้…เผื่อบางทีมันจะช่วยให้แกคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง” ขนมจีนตอบกลับ
“แกคบกับแฟนมากี่ปีนะเบลล่า?” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนเอ่ยถาม
“สองปีเองแก แต่แฟนฉันเขาอยากสร้างครอบครัว อยากทำอะไรให้มันถูกต้อง ยิ่งเราแต่งกันเร็วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยกันสร้างได้เร็วมากเท่านั้น”
“สองปีเหรอ? ก็เท่ากับแกเลยสิ…ตอนนี้แกคบกับไอ้พี่คีย์อะไรนั่นมาสองปีแล้วใช่ไหม?” ขนมจีนหันไปเหน็บแนมคาริสา
“ถ้าแกไม่หุบปากฉันจะกลับ!” คาริสาถลึงตาใส่เพื่อน
“แฟนแกทำอะไรนะเบลล่า?”
“เขาเปิดบริษัทกับเพื่อนน่ะ เป็นบริษัทเกี่ยวกับแลกเปลี่ยนสกุลเงิน แล้วแฟนแกอะ…เฟิร์น?” เบลล่าถามกลับ
“แฟนฉันทำส่งออก เป็นกิจการที่บ้าน”
“เหมือนแฟนฉันเลยแก…แฟนฉันก็ทำงานที่บ้าน เป็นบริษัทอะไหล่รถยนต์น่ะ แฟนพวกเราที่เป็นเจ้าของบริษัทกันหมดเลยนะว่าไหม?” ในตอนนั้นทุกสายตาก็หันมามองที่คาริสา
“แฟนริสาไง…แฟนริสาน่ะจนสุดๆ เป็นดีเจที่ยังไม่ดัง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะดังเมื่อไหร่ด้วย” ขนมจีนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มสะใจ ที่เธอกำลังอยู่ คือการทำให้คาริสาได้เห็นความจริงว่าคีตะไม่มีอะไรเลย เพราะขนมจีนเป็นเพื่อนที่รักคาริสา และเห็นด้วยกับมณีกานต์
“จะไม่หยุดใช่ไหมหนมจีน?!” คาริสาเริ่มทนไม่ไหว
“แฟนแกเป็นดีเจเหรอริสา?” เบลล่าเอ่ยถามขึ้นมา
“ใช่ แล้วเขาก็จนเหมือนที่หนมจีนพูดนั่นแหละ! พวกแกพอใจหรือยัง?!” จบคำนั้นคาริสาก็ลุกออกมาจากตรงนั้น เดินดุ่มๆออกมาจากร้านอาหารแสนหรู ก่อนที่ขนมจีนจะเข้ามาขวางทางเอาไว้
“แกจะไปไหนริสา?”
“แกทำแบบนี้เพื่ออะไรวะหนมจีน?! แกจะเอาพี่คีย์มาพูดแบบนี้ทำไม?! แกอยากเห็นฉันอายเพื่อนมากใช่ไหม?!”
“แกจะอายทำไม?! แกอายที่มีแฟนจนเหรอ?! ถ้าอายแล้วจะออกจากบ้านไปแบบนั้นทำไม?!”
“ฉันไม่ได้อายที่พี่คีย์จน!”
“งั้นเหรอ? คิดว่าฉันมองไม่ออกเหรอว่าแกอิจฉาเพื่อนๆที่พวกมันมีแฟนรวย! คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกมองกระเป๋า มองรองเท้าของพวกมัน!”
“นี่แกเป็นเพื่อนฉันใช่ไหมวะหนมจีน?!”
“เพราะฉันเป็นเพื่อนแกไง! ฉันถึงอยากจะดึงสติแก! ไหนวะ…งานเขียนนิยายที่เป็นความฝันของแก? ทุกวันนี้แกต้องออกไปทำงานอื่นไม่ใช่เหรอ?! หลายเดือนมานี้แกได้เขียนนิยายสักตัวอักษรหรือยัง?! แล้วไอ้พี่คีย์นั่น…นอกจากรักแกแล้ว เขาทำอะไรให้แกได้บ้าง?!”
“อย่ามาพูดแบบนี้นะ! พี่คีย์ให้ฉันทุกอย่าง! มันมีแต่ฉันนี่แหละที่ไม่เคยให้อะไรเขาเลย!”
“งั้นแกก็ไปเป็นภาระเขาน่ะสิ! แล้วเขารู้ไหมว่าสุดท้ายแกก็ออกมาทำงานข้างนอก! แกไม่ได้เขียนนิยายแล้ว! เขารู้ไหมว่าแกกำลังเดินออกห่างจากความฝันตัวเอง! เหอะ! ฉันว่าเขาต้องไม่รู้แน่ เพราะแกไม่ได้บอกอะไรเขา! ไหนแกบอกว่าออกจากบ้าน ยอมทิ้งแม่เพื่อจะตามความฝันไง? แล้วที่แกทำอยู่นี่มันคืออะไรวะริสา?”
“…” คาริสาไม่อาจตอบคำถามนั้นได้
“แกรักพี่คีย์ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ พี่คีย์จน…ฉันก็ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ที่ฉันห่วง…คือตัวแก! แกที่เป็นเพื่อนฉัน! แกกำลังจะเอาอนาคตของตัวเองไปทิ้ง! รู้ตัวบ้างไหมริสา?!”
“…”
“ที่ฉันพาแกมาที่นี่วันนี้ ก็เพื่อจะให้แกได้เห็น…ว่าจุดนี้คือจุดที่แกควรจะอยู่! มีแฟนที่มีฐานะพอดีกับแก! มีอนาคต…รับผิดชอบกิจการของครอบครัว! แล้วเอาเวลาว่างจากตรงนั้นไปไล่ตามความฝัน! แกควรจะอยู่กับความเป็นจริงริสา…นี่มันชีวิตจริง! ตื่นสักที! รับผิดชอบชีวิตและความฝันตัวเองให้ได้!”
“แกพูดจบแล้วใช่ไหม?” คาริสามองตาเพื่อนรักไม่วางตา
“อืม”
“ไม่ต้องติดต่อมาอีก ไม่ต้องไลน์หรือโทรมา ฉันกับแก…เราควรห่างกันสักพัก” คาริสารู้ดีว่าขนมจีนกำลังจะบอกอะไรเธอ รู้ว่าขนมจีนหวังดีกับเธอ แต่เวลานี้ เธอไม่ได้ต้องการความหวังดีนั้น สิ่งเดียวที่ต้องการคือความเข้าใจ
“รู้ไว้ด้วย! ว่าฉันเป็นเพื่อนแกเสมอ! ไม่ว่าจะยังไง!” ขนมจีนตะโกนไล่หลัง เมื่อคาริสาหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น
อพาร์ทเมนท์เสริมสุข
คาริสากลับมาถึงห้องด้วยสภาพอารมณ์ที่ไม่ปกติ เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาดูนิยายเรื่องล่าสุดที่เธอเขียนค้างเอาไว้ พลันน้ำตาเกิดไหลออกมา ใช่…เธอเองก็ตั้งคำถามกับตัวเองไม่ต่างจากคนอื่น ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่? คีตะไม่อยากให้เธอทำงานเพื่อที่จะได้ตามฝันอย่างเต็มที่ แต่เธอกลับโกหกเขา ออกไปทำงานและหันหลังให้กับนิยาย
“ฮึก!”
หัวใจของเธอบีบรัด มันเจ็บปวดที่คิดว่าเธอกำลังพัง ราวกับกำลังดิ่งลงสู่ก้นทะเลลึก เหมือนว่าเธอกำลังแพ้ภัยตัวเอง มือบางอยากจะเคลื่อนไปที่แป้นพิมพ์ อยากจะกลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรที่เป็นใจเลย อยู่ๆเสียงเรียกเข้าจากมือถือก็ดังขึ้นมา เธอมองที่หน้าจอ…พอเห็นว่าเป็นชื่อของหัวหน้าที่ทำงาน จำต้องปาดน้ำตาทิ้งแล้วรีบรับสายนั้น ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดของเธอก็ตาม
“ค่ะพี่วรรณ”
[ริสา! เธอต้องมาที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้!]
“ทำไมเหรอคะ? มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
[เธอรันคิวส่งของลูกค้าผิดทั้งหมด! รู้ไหมว่าเธอคนเดียวทำให้เราเสียลูกค้าไป! แถมยังโดนเรียกร้องค่าเสียหายอีกสองล้าน!]
“สองล้าน?!”
[มาออฟฟิศเดี๋ยวนี้!]
“ค่ะๆ ริสาจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” คาริสากดวางสาย ก่อนที่จะปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลงลืมไปสนิทใจว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างหากที่เธอรัก ไม่ใช่การเป็นแอดมินให้กับบริษัทขายของออนไลน์
พรึ่บ!
ทว่าในตอนที่เธอกำลังจะออกไปจากห้อง คีตะก็กลับเข้ามาพอดี ทั้งสองประจันหน้ากัน ท่าทีของคาริสาก็ดูเลิ่กลั่กผิดสังเกต
“จะออกไปไหน?” เขาเอ่ยถาม
“ระ…ริสา…” ส่วนเธอก็อ้ำอึ้ง
“นั่นร้องไห้เหรอ?” พอเห็นว่าดวงตาของเธอแดงก่ำ เขาก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“ปะ…เปล่า”
“แล้วจะออกไปไหน?”
“จะไปซื้อของน่ะ พี่คีย์จะเอาอะไรไหม?”
“ซื้ออะไร?”
“เอ่อ…ของกินไง ของกินในตู้เย็นหมดแล้วอะ ริสาไปนะ”
หมับ!
คีตะรีบคว้าข้อมือของคาริสาเอาไว้ ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปจากห้อง เขายกยิ้มเบาๆ มองเธอราวกับว่าเขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
“เอาเงินไป…”
“ไม่เป็นไรพี่คีย์…ริสาพอมีน่ะ”
“เอาไปเถอะ” เขาหยิบเงินออกมายัดใส่มือเธอ พร้อมรอยยิ้ม “รีบกลับมานะ…แล้วก็…รู้ใช่ไหมว่าพี่ชอบเค้กรสอะไร”
“เค้ก?”
“ช่างเถอะ…แค่รีบกลับมาก็พอ” แล้วเขาก็ปล่อยให้เธอไป คิดอยู่ในใจว่าคาริสาช่างโกหกไม่เนียน แกล้งทำเป็นว่าจำไม่ได้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่ทั้งสองคนคบกันมา แต่เขาไม่รู้…ว่าเธอหลงลืมมันจริงๆ และที่เขาลางานในวันนี้ เพื่อที่จะได้อยู่กับเธอ…เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันสูญเปล่า
