บท
ตั้งค่า

8 ภาระ

The Caf?

คาริสาเบื่อการทำงานที่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง เธอจึงหอบเอาเครื่องมือทำงานที่คีตะซื้อให้เมื่อวันครบรอบหนึ่งปีออกมาทำงานที่คาเฟ่ประจำที่เธอชอบมาเมื่อสมัยเรียน สั่งกาแฟแก้วละเกือบร้อยบาท มานั่งกินอย่างมีความสุข ทว่าเมื่อเริ่มเขียนได้ไม่กี่บรรทัด ใครบางคนก็เข้ามานั่งตรงหน้าเธอ

“ไง”

“แม่?!” คาริสาเบิกตาโตเมื่อเห็นว่ามณีกานต์กำลังนั่งมองเธอพร้อมรอยยิ้มไม่พึงประสงค์

“ดูสภาพแกสิ…อย่างกับลูกแมวหลงถิ่น นั่นเอาเสื้ออะไรมาใส่? ซื้อจากตลาดนัดหรือไง?” คนเป็นแม่จงใจที่จะดูถูกและกดดันลูกสาว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มณีกานต์มาเจอคาริสาและพูดจาถากถางแบบนี้

“แม่อย่ามายุ่ง! ถึงจะซื้อมาจากตลาดนัดแล้วไง? จะแบรนด์หรือไม่แบรนด์มันก็คือเสื้อผ้า มันก็ใส่ได้เหมือนกัน!”

“แกคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ? หรือเพราะไม่มีเงินจะซื้อก็เลยพูดได้ เมื่อก่อน…ถ้าเสื้อผ้าไม่มีแบรนด์แกไม่เคยเหลียวตามองด้วยซ้ำ”

“ถ้าแม่จะมาเพื่อพูดจาดูถูกริสา…ก็กลับไปเถอะ!”

“เหอะ! ออกมาจากบ้าน…ฉันคิดว่าแกจะไปได้ดี ไหนว่าจะไปวิ่งตามความฝันไง? ไหนล่ะ? ตอนนี้แกได้เป็นนักเขียนหรือยัง?”

“ริสาเป็นนักเขียนอยู่! ริสาได้ทำตามความฝัน! ตอนนี้ริสาเขียนนิยายเป็นอาชีพ!”

“งั้นเหรอ? แกรู้ไหมว่าคำว่าอาชีพคืออะไร? มันคือการทำบางอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แล้วฉันถามหน่อย…ว่ารายได้จากนิยายของแกมันพอจ่ายค่าไฟหรือเปล่า?”

“…” คาริสาเม้มปากสนิทแน่น ช้อนสายตามองผู้เป็นแม่ผ่านแว่นสายตา

“ฉันเคยบอกแกไปแล้วว่าความฝันมันก็มีราคาที่ต้องจ่าย แกเข้มแข็งและมั่นคงพอที่จะตามความฝันตัวเองงั้นเหรอ? บอกเลยว่าไม่…ฉันเป็นแม่แก ฉันเลี้ยงแกมา ฉันรู้ดีว่าแกคิดอยากจะล้มเลิกการเป็นนักเขียนแล้วไปทำงานอื่นเพื่อหาเงินมาหลายครั้งแล้ว แกยังอยากใช้เงิน แกคิดถึงของแบรนด์เนม แกคิดถึงชีวิตหรูหราที่เคยมี แต่แกไม่อยากแพ้…แกคิดว่ากำลังแข่งกับฉันอยู่ ทั้งๆที่ฉันเป็นแม่แก…ทุกอย่างที่ฉันทำ เพราะฉันหวังดีกับแก!”

“เหอะ! หวังดีเหรอ?! แม่ที่ไหนที่จะบอกว่าตัวเองหวังดีกับลูก แต่คิดจะจับลูกคลุมถุงชนให้ไปแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ!”

“เพราะถ้าฉันตาย…ฉันจะมั่นใจได้ไงว่าแกจะมีคนที่มั่นคงคอยดูแล”

“พี่คีย์ก็ดูแลริสาได้! ทุกวันนี้เขาดูแลริสาเป็นอย่างดี! แล้วริสาก็รักเขามาก! ที่สำคัญเลยนะ…เขาเองก็รักริสา!”

“เหอะ! พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเหมือนกัน ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยนะริสา สักวันไอ้ผู้ชายที่ชื่อคีย์ก็จะทนแกไม่ไหว! เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะแกมันไม่รู้จักโต แกแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าอะไรคือรัก อะไรคือหลง ผ่านไปเป็นปีแล้วแกหาเงินได้ถึงห้าหมื่นหรือยัง? จากไอ้งานที่แกบอกว่ารักนักรักหนาน่ะ! ต่อให้คีย์จะรักแกแค่ไหน แต่เขาก็เหนื่อยเป็น! จะมีใคร…ที่หาเงินได้เท่าไหร่ก็ต้องเอามาปรนเปรอเมียที่ทำอะไรไม่เป็นอย่างแก!”

“ฮึก!” สิ่งที่แม่พูดออกมามันทำให้คาริสาจุกจนพูดไม่ออก

“ฉันไม่ว่าอะไรแฟนแกทั้งนั้นแหละ อยากจะชมเขาด้วยซ้ำที่เขาทนแกมาได้เป็นปีๆ แกบ้าไปแล้วหรือไงริสา? แกยอมทิ้งทุกอย่างมาเพื่อมาเป็นภาระผู้ชายที่แกบอกว่ารักเขางั้นเหรอ? ปากแกบอกว่ารักเขาๆ แล้วแกเคยช่วยอะไรเขาบ้าง? ให้ฉันเดาไหม…ไอ้ของพวกนี้…คีย์เป็นคนซื้อให้แกทั้งนั้น!”

“…” มณีกานต์พูดถูกทุกอย่าง คาริสารู้ดีว่าเธอคือภาระของคีตะ

“กลับบ้านซะ! ฉันจะยังให้โอกาสแกอยู่…”

“ไม่! ริสาไม่กลับ! แล้วแม่จะได้เห็นว่าริสาทำได้!”

“ริสา! ถ้าแกรักคีย์จริงๆ แกควรเป็นคนที่ดีกว่านี้…นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแกแล้วนะ ถ้าแกไม่กลับบ้านไปกับฉัน…ฉันจะไม่มาข้องเกี่ยวกับแกอีก!”

“ไม่!” คาริสายังคงยืนยันคำเดิม

“งั้นก็แล้วแต่แก…ขอให้แกโชคดีกับความรัก ความฝันที่แกเลือกเองก็แล้วกัน!” จบคำนั้นมณีกานต์ก็ลุกออกไปพร้อมกับแววตาผิดหวังเสียใจ ถึงปากจะบอกไปแบบนั้น แต่คนเป็นแม่อย่างเธอ…ก็พร้อมที่จะให้โอกาสลูกสาวอยู่เสมอ

“ฮึก! แกมันห่วยแตกริสา…แม่พูดถูกทุกอย่าง!” ส่วนคาริสา ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลั่งน้ำตาและโทษตัวเอง

อพาร์ทเมนท์เสริมสุข

สองเดือนนับจากวันนั้น วันที่มณีกานต์มาหาลูกสาวและบอกกับเธอว่าเป็นภาระ ตั้งแต่วันนั้นคาริสาก็เริ่มหางานทำ และเธอก็ได้งานอย่างที่ต้องการ มันคืองานการเป็นแอดมินให้กับร้านค้าออนไลน์ ฟังดูเหมือนเป็นงานที่ง่ายๆ แต่มันยากและหนักไม่น้อย นอกจากคาริสาจะต้องคอยตอบคำถามมากมายของลูกค้า เธอยังต้องคิดคอนเทนท์เพื่อกระตุ้นยอดขาย และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้แยแสใบปริญญาด้านบริหารของเธอเลยแม้แต่น้อย พวกเขาแคร์แต่ว่าเธอจะต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยแค่ไหน

แน่นอนว่าคาริสาไม่ได้บอกคีตะว่าเธอไปทำงาน ทุกวันที่ต้องออกจากห้องพัก เธอจะบอกเขาว่าไปนั่งเขียนนิยายที่ร้านกาแฟ และเขาเชื่อเธอ เชื่ออย่างไม่เอะใจอะไรทั้งนั้น ทุกวันคาริสาก็ออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาในช่วงเย็น พอมาถึงห้องก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไร เธอเลยเอาแต่นอน พอคีตะกลับมาก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรกัน เขาก็ต้องออกไปทำงานดีเจที่คลับ กลายเป็นว่าสองเดือนที่ผ่านมา…ทั้งสองเริ่มห่างเหิน ทั้งๆที่อยู่ห้องเดียวกัน

“พี่คีย์?” คาริสากลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้า แล้วก็ได้เห็นคีตะนั่งรอเธออยู่ สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียด เธอแทบไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาเลยตลอดหนึ่งปีกับสองเดือนที่อยู่ด้วยกันมา

“ไปไหนมา?” เขาถามเสียงแข็ง

“ก็…ไปร้านกาแฟมาไง”

“ร้านไหน? ทำไมพี่ไปหาไม่เห็นเจอ”

“ก็…ร้านที่อยู่ตรงสี่แยกอะ”

“ไหนว่าไปที่เดอะ คาเฟ่ไง”

“ก็วันนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศ…แล้วทำไมพี่คีย์กลับมาเร็วจัง?” คาริสาพยายามเปลี่ยนเรื่อง เธอรู้ตัวดีว่าเป็นคนโกหกไม่เก่ง

“ริสามีอะไรที่ปิดบังพี่อยู่หรือเปล่า?” คีตะไม่ตอบคำถามของแฟนสาว แต่ตั้งคำถามใหม่กับเธอแทน

“จะโกหกเรื่องอะไร? ริสาไม่มีอะไรที่โกหกทั้งนั้นแหละ”

“รู้ตัวไหมว่าริสาไม่เหมือนเดิม…ถ้าไปทำงานมาจริง ไหนพี่ขอดูหน่อย วันนี้เขียนได้กี่ตอน?”

“พี่คีย์? นี่กำลังจับผิดริสาอยู่หรือไง?”

“มีคนอื่นหรือเปล่า?” คีตะเลือกที่จะถามออกมาตรงๆ เพราะเขารู้สึกได้ว่าคาริสาเปลี่ยนไป แต่แค่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเรื่องอะไร

“พี่คีย์!” และคำถามของเขาก็ทำให้คาริสาโมโหขึ้นมา

“พี่ถาม! ก็ตอบ! ริสามีคนอื่นหรือเปล่า?! เดี๋ยวนี้ริสาออกจากบ้านทุกวัน! โกหกพี่ว่าไปทำงาน…แต่พี่เข้าไปดูนิยายในเว็บ…ริสาไม่ได้เขียนตอนใหม่มาสองเดือนแล้ว! มันคืออะไร? ตอบมา!”

“ฮึก! ไม่เชื่อใจกันเหรอ?” คาริสารู้สึกผิดหวัง นี่เป็นครั้งแรกที่สองคนทะเลาะกันจริงจังแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่คีตะตะคอกใส่เธอ

“แค่ตอบมา…”

“ไม่มี! ริสารักพี่คีย์! แล้วจะมีคนอื่นได้ยังไง?! แต่ทำไมพี่คีย์ไม่เชื่อใจ?! แล้ว…ฮึก! แล้วถ้าเกิดมีขึ้นมาพี่คีย์จะทำไง?!”

“จะปล่อย…”

“ฮึก! จะปล่อยเหรอ?”

“ถ้าคิดว่ามีคนอื่นที่ดีกว่าก็ไป…”

“ไหนว่ารักไง?! ถ้ารักแล้วทำไมถึงปล่อย?! ริสาไม่มีใคร! ทำไมพี่คีย์ต้องคิดแบบนั้น?!”

“เพราะริสาเปลี่ยนไปไง! เดี๋ยวนี้เอาแต่คุยโทรศัพท์ แชททั้งคืน…ออกไปข้างนอกทุกวัน พี่ถามอะไรก็ไม่ตอบ! แล้วจะให้คิดว่าไง?”

“ฮึก! ริสา…” แล้วเธอจะอธิบายเรื่องนี้กับเขาว่ายังไง…ถ้าบอกเขาไปตามตรงว่าเธอแอบไปทำงาน เขาต้องไม่ยอมแน่…แต่เธอทนเป็นฝ่ายรับจากเขาอย่างเดียวอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เธอไม่อยากเป็นภาระของเขาอีกต่อไปแล้ว

“พูด! ตอบมา! เหตุผลที่ริสาเปลี่ยนไปคืออะไร?!”

“พี่คีย์…ฮือๆ พี่คีย์เชื่อใจริสานะ ริสาไม่มีใคร…ฮึก! เราอย่าทะเลาะกันได้ไหม?” ในเมื่อเธอไม่กล้าที่จะพูดความจริง จึงได้เข้าไปโอบกอดเขา ส่งสายตาออดอ้อนทั้งๆที่น้ำตายังไหล

“อย่ามาอ้อน…ถ้าไม่มีอะไรปิดบังก็พูดมา”

“ริสาไม่มีใคร รักพี่คีย์จนเหมือนจะบ้า จะให้นอกใจได้ยังไง?”

“รักพี่ ก็ต้องเชื่อฟัง อะไรที่พี่ไม่ชอบ…อย่าทำนะริสา”

“ฮึก! ริสาไม่ทำ…จะไม่ทำสิ่งที่พี่คีย์ไม่ชอบเด็ดขาด”

“แล้วพี่ไม่ชอบอะไร?”

“คนโกหก” คาริสาเม้มปากสนิทแน่น เพราะเธอกำลังโกหกเขาอยู่

“มีอะไรให้พูดกันตรงๆ ถ้ามีคนอื่น…ถ้ารักคนอื่นมากกว่าพี่ ก็ไปซะ พี่จะไม่ยื้อริสาเลย” คีตะ ถึงเขาจะเป็นเหมือนคนที่ใจดี ยอมได้ทุกอย่าง แต่เมื่อไหร่ที่เขาโกรธ เขาจะกลายเป็นคนที่เย็นชาจนไม่น่าเชื่อ

“ไม่ไป ริสาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น บอกแล้วไง…ว่าริสารักพี่คีย์ ถ้าขาดพี่คีย์ไปริสาต้องตายแน่ๆ พี่คีย์หายโกรธริสานะ…”

“…” คีตะยังคงนิ่งเงียบ เขามองออกว่าคาริสามีเรื่องที่ยังปิดบังเขาอยู่ เพราะจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่คิดจะตอบอะไรเขาทั้งนั้น

“พี่คีย์…” และยิ่งเขาเงียบ เธอก็ยิ่งออดอ้อน ซุกตัวเข้าไปแนบชิด กอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“อืม”

“อืมอะไร?”

“ก็หายโกรธแล้วไง…”

“ไม่เชื่อ ถ้าหายโกรธแล้วทำไมไม่มองหน้า ทำไมทำเสียงเย็นชา?”

“หายโกรธแล้วจริงๆ”

“งื้อ! จูบสิ…จูบริสา แล้วริสาจะเชื่อ”

“ไม่มีอารมณ์”

“ก็ริสาอยากให้จูบ!”

“ริสา…”

“มีอารมณ์เดี๋ยวนี้นะ! จูบริสา…รักริสา…เป็นของริสาคนเดียว”

“…” คีตะยอมที่จะก้มลงมาสบตาคาริสา แล้วพอเขาได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ได้เห็นว่าเธอออดอ้อนเขาได้น่ารักน่าเอ็นดู เขาก็ใจอ่อนจนต้องเผลอยิ้มออกมา

“ยิ้มแล้ว…อื้อ!” และพอเขาทนไม่ไหว มันเลยจบแบบนี้ จบลงตรงที่เขาจูบเธอ จูบเพราะรักและต้องการเธออยู่เสมอ แม้ว่าบางครั้งเธอจะทำตัวน่าสงสัย ทำให้เขาต้องรู้สึกไม่ดีก็ตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel