10 ความรัก
H&K
ปึง!
เสียงตบโต๊ะดังขึ้นกลางห้องประชุม มีทั้งเจ้าของบริษัท หัวหน้าทุกแผนกมารวมตัวกัน และทุกสายตาก็เพ่งเล็งมาที่คาริสาเป็นตาเดียว ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นความผิดของเธอ เพราะเธอทำงานพลาด ถึงได้เกิดความเสียหายแบบนี้ขึ้นมา แต่พวกเขาไม่รู้…หรืออาจรู้แต่ไม่สนใจว่าที่เธอทำงานพลาด เพราะงานของเธอมันหนักเกินไป
“พี่บอกเธอแล้วใช่ไหมริสา…ว่าถ้าเราพลาดไปแค่นิดเดียว ความเสียหายมันจะใหญ่โต แล้วใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้? เราต้องเสียเงินสองล้านไปก็เพราะความสะเพร่าของเธอ!” วรรณผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงดัง
“ริสาขอโทษค่ะ…ทั้งหมดมันเป็นความผิดของริสา แต่เพราะงานมันหนักเกินไป…มีออเดอร์เข้ามาเยอะจนริสาทำไม่ทัน ริสารู้ว่าเอาเรื่องนี้ขึ้นมาแก้ตัวไม่ได้ แต่…” คาริสาพยายามอธิบาย
“ถ้างานหนัก ทำไมคุณไม่บอกคุณวรรณ? ถ้าทำไม่ไหว…เราจ้างคนเพิ่มได้นี่” นี่คือสิ่งที่เจ้าของบริษัทเอ่ย
“ริสาบอกพี่วรรณไปแล้วค่ะ”
“บะ…บอกตอนไหนริสา? พี่ถามว่าไหวไหม…เธอก็บอกว่าไหวนี่!” วรรณไม่ยอมรับ
“พี่วรรณ? ริสาบอกพี่วรรณจริงๆ บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าริสาทำคนเดียวไม่ไหว”
“ริสา! นี่เธอกำลังจะโยนความผิดให้พี่หรือไง?!”
“พอ! เอาเวลาที่เถียงกันมาคิดไหมว่าเราจะแก้ปัญญานี้ยังไง? หรือพวกคุณจะให้ผมจ่ายเงินสองล้านนั่นเอง?” เจ้าของบริษัทกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง
“เรื่องแบบนี้คนผิดก็ต้องรับผิดชอบไม่ใช่เหรอคะบอส?” หนึ่งในหัวหน้าทีมเอ่ย
“สองล้าน…คุณรับผิดชอบได้ไหมคาริสา?”
“ฮึก! ริสาจะรับผิดชอบยังไงไหวคะ? เงินมากมายขนาดนั้น…ริสาจะไปหามาจากที่ไหน?”
“แม่เธอไง…แม่เธอเป็นเจ้าของโรงเรียนนี่ บ้านเธอรวยไม่ใช่เหรอ? พี่สืบประวัติเธอมาหมดแล้ว ในเมื่อเธอทำผิด…ก็รับผิดชอบซะ ชดใช้เงิน…แล้วลาออกไปซะ!” วรรณเอ่ยอย่างไม่แคร์ว่าใครจะมองยังไง
“ที่จริง…เกิดเรื่องแบบนี้มันก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ?! ริสารู้ว่าตัวเองทำพลาด! แต่ริสาขอคนเพิ่มแล้ว! เรื่องนี้พี่วรรณก็ผิด! พี่นิดก็ผิด! พี่นิดเป็นคนที่ต้องเช็กงานคนสุดท้ายไม่ใช่เหรอคะ?! พี่นิดปล่อยผ่านมันไปได้ยังไง?! อย่ามาโทษริสาคนเดียว!” ในตอนที่หลังกำลังชนฝา คาริสาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมก้มหัวให้ใครเหมือนกัน
“เหอะ! เหลือเชื่อเลยนางเด็กนี่! แกทำผิดแล้วจะลากคนอื่นไปลงเหวด้วยเหรอวะ?! หัดละอายใจซะบ้างนะ!”
ปึง!!!
“พอ! พวกคุณไม่เห็นหัวผมกันเลยใช่ไหม?! ผมสรุปให้เลยก็แล้วกันว่าทุกคนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”
“ริสาขอลาออกค่ะ!” คาริสาโพล่งขึ้นมา
“มันไม่ง่ายแบบนั้นคาริสา…คุณต้องรับผิดชอบ แต่มันไม่ใช่การลาออก คุณจะต้องเซ็นสัญญากับผม! ทำงานที่นี่ไปอีกห้าปี! รับเงินเดือนเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบ!”
“ห้าปี?” คาริสาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบริษัท
“ส่วนพวกคุณ…ผมจะคิดอีกทีว่าจะจัดการยังไง” จบคำนั้นเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างก็ลุกออกไปจากห้องประชุม เป็นเวลาเดียวกับที่น้ำตาหยดลงมาจากดวงตากลมโต คาริสารู้แล้ว…ว่าเธอได้ขุดหลุมฝังตัวเองจริงๆ
บ้านวัชรกิตติกร
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่คาริสากลับมาที่บ้านของตัวเอง เธอกำลังนั่งก้มหน้าปลดปล่อยน้ำตาอยู่ต่อหน้าผู้เป็นแม่ มีเหตุผลมากมายที่เธอกลับมา ข้อแรก…คือเธอกำลังเดือดร้อนต้องการที่พึ่ง และมีแค่แม่เท่านั้นที่จะช่วยเธอได้ ข้อสอง…เธอไม่อยากต้องทนทำงานที่อยู่นั่นห้าปีโดยได้เงินเดือนเพียงครึ่งเพื่อที่จะชดใช้ความผิด ข้อสาม…เธอไม่อยากให้คีตะรับรู้ เพราะถ้าเขารู้ เขาจะต้องยื่นมือเข้ามา เขาต้องพยายามหาทางช่วยเธอ และเธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น เธอไม่อยากสร้างภาระให้เขามากไปกว่าที่เป็นอยู่แล้ว
“สรุปคือแกอยากให้ฉันช่วย…โดยการเอาเงินสองล้านไปจ่ายให้บริษัทนั่นเหรอ?” มณีกานต์เลิกคิ้วถามลูกสาว
“ฮึก! แม่จะช่วยไหม?”
“แล้วฉันจะได้อะไร?”
“…” คาริสานิ่งเงียบ เพราะเธอไม่มีอะไรจะให้
“ทำไมแกไม่ไปขอให้แฟนแกช่วยล่ะ?”
“แม่รู้อยู่แล้วว่าพี่คีย์ไม่มีเงิน!”
“ก็ถ้ามันรักแกจริง มันจะหาทางช่วยแกจนได้แหละ”
“พี่คีย์เขารักริสาจริง! แต่ริสาไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อนให้เขา! ฮึก! ริสาไม่อยาก…เป็นภาระของพี่คีย์!”
“ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าแกเป็นภาระ?”
“แม่! เลิกซ้ำเติมริสา! บอกมาแค่ว่าแม่จะช่วยไหม?!”
“ตอบฉันสิ…ว่าฉันช่วยแกครั้งนี้…แล้วฉันจะได้อะไร?”
“แล้วแม่จะเอาอะไร?!” คาริสามองหน้าผู้เป็นแม่ทั้งน้ำตา
“ไปเลิกกับคีย์ซะ! กลับมาบ้าน…ถ้าแกอยากจะเป็นนักเขียนฉันก็จะไม่ห้าม แต่ยังไง…แกก็ต้องแต่งงานกับคนที่ฉันหาให้”
“…”
“ว่าไง?”
“ทำไมแม่ถึงอยากจะบงการชีวิตริสานัก? ฮึก! ทำไมถึงอยากให้ลูกคนนี้ไปแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก? ทำไม…ฮือๆ ทำไมแม่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย!”
“เพราะฉันอยากให้แกมั่นคงไง ริสา…แกจะวิ่งตามความฝันอะไรของแก ต่อไปฉันจะไม่ห้ามอีก แต่ขอได้ไหม? ทำตามฉันสักครั้ง…เราเหลือกันแค่สองคนแม่ลูก ถ้าเกิดวันหนึ่งฉันตายกะทันหันขึ้นมา แกจะทำยังไง? แกจะอยู่ยังไง? ให้ฉันได้สบายใจสักเรื่องเถอะนะ ให้ได้มีผู้ชายที่ดี ที่เขาพร้อมจะดูแลแก มั่นคง เลี้ยงแกได้ มาแต่งงานกับแกเถอะ มันเป็นสิ่งเดียวที่แม่คนนี้จะทำได้”
“แต่ริสาอยากอยู่กับคนที่รัก”
“งั้นเหรอ? นี่ไง…แกได้อยู่กับคนที่แกรัก แล้วมันเป็นไง? แกมีความสุขไหม? สบายไหม? สุดท้ายก็ไม่! แกยังมานั่งร้องไห้ต่อหน้าฉัน ขอร้องให้ฉันช่วย…ความฝันที่บอกว่าจะเป็นนักเขียน สุดท้ายก็เหมือนไม่มีอยู่จริง!”
“ฮึก!”
“ความรักน่ะ ถ้าจะให้ดีมันต้องมีความมั่นคงด้วย คีย์ให้ความมั่นคงกับแกได้ไหม? เขาเคยคิดอยากจะแต่งงานสร้างครอบครัวกับแกไหม? จะอยู่กันแบบหาเช้ากินค่ำไปตลอดหรือไง?”
“…”
“ริสา…แกรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้วว่าสุดท้ายความรักของแกมันไปไม่รอด แกจะไปไม่ถึงฝัน ชีวิตแกจะดิ่งลงเหว”
“ฮือๆ แม่…แต่ริสารักพี่คีย์…ริสารักเขา ฮือๆ รักมากจริงๆ”
“ถ้าแกรักเขา ก็ออกมาซะ ปล่อยให้เขาไปเจอคนที่คู่ควร ริสา…แกกับคีย์ไม่คู่กัน เรากับเขาต่างฐานะ ต่างชนชั้น ต่างกันทุกอย่างจริงๆ วันนี้แกอาจจะยังทนได้ แต่ต่อไป…ฉันเชื่อเลยว่าแกทนไม่ได้ เพราะถ้าแกทนได้จริง…แกจะไม่มาหาฉันหรอก”
“ฮือๆๆๆ จะทำยังไงดี…ฮือๆๆๆ” ในจุดนี้…สิ่งเดียวที่คาริสาในวัยยี่สิบสี่คิดได้คือการร้องไห้ออกมา ร้องไห้อย่างที่ไม่อาจจะทำอะไรได้
