บท
ตั้งค่า

บทที่๓...ยอมเธอ (๒)

“เรื่องหย่า” ยังพูดไม่ทันจบร่างบางก็แทรกขึ้นมาก่อน

“อ้อ จะไปหย่าใช่ไหมคะ ได้สิคะ อ้ายพร้อมอยู่แล้ว ไปตอนนี้เลยไหมคะ” พอจะเดินนำชายหนุ่มกลับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อน แล้วดึงหล่อนเข้ามากอดจนจมอก เล่นเอาร่างบางสับสนไม่เข้าใจว่าปูรณ์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่

ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แต่มาวันนี้ทำราวกับจะขอร้องให้กลับมารักกันซะอย่างนั้น ทั้งที่เขาไม่เคยรักเธอเลยสักนิด

“พี่ไม่หย่า ยังไงพี่ก็ไม่หย่าเด็ดขาด” จบประโยคนั้นหญิงสาวก็หยุดนิ่งไม่ไหวติง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำปฏิเสธจากปากของชายหนุ่ม ทั้งที่เขาทิ้งให้เธออยู่คนเดียวมาห้าปี แล้วจะรั้งไว้อีกทำไม ไม่รักก็แค่ปล่อยกันไปไม่ได้เหรอ

ไม่อยากจมอยู่กับความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงแล้ว อรนลินไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ กลัวสูดกลิ่นกายของชายหนุ่มแล้วทำให้นึกถึงเรื่องราวในวันวานอีกครั้ง ความรักของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้นและมันก็จบลงอย่างรวดเร็ว

“อ้ายจะหย่า อ้ายไม่อยากอยู่แบบนี้แล้ว” ผลักเขาออกแล้วแสดงเจตจำนงของตนเอง แทบจะตะโกนใส่หน้าปูรณ์ ใช่ว่าเธอสามารถพูดมันออกมาได้ง่ายเสียเมื่อไหร่ ใช้เวลาตัดสินใจเป็นปีก่อนจะคิดว่าควรออกจากพันธนาการนี้ได้แล้ว

ทะเบียนสมรสที่หล่อนทำได้แค่นอนกอดทั้งน้ำตา มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยสักอย่าง สามีหนีหายไม่พบหน้าแรมปี พอมาพบกันอีกครั้งกลับพูดหน้าตาเฉยว่าจะไม่หย่า ทำราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไร เธอยอมไม่ได้หรอก

“แต่พี่ไม่หย่า” ย้ำชัดจนเธอเริ่มโมโห ทุกอย่างต้องเป็นอย่างใจของเขาตลอดเลยเหรอ

“แล้วพี่หายไปไหนมาห้าปี พี่ปล่อยให้อ้ายรอทำไม ว่าไงคะ หรือรักษาสุขภาพ เป็นมะเร็ง เป็นโรคหัวใจเหมือนในละครแล้วต้องปิดไว้เหรอ” พยายามหาเหตุผลเพื่อบอกตนเองยกโทษให้ปูรณ์ แต่ดูเหมือนว่ามันคงไม่ใช่ในเร็ววัน

ใบหน้าคมสลดเมื่อเธอถามถึงเหตุผล ไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงจะไม่โดนโกรธ ได้แต่ก่นด่าตนเองที่ทำให้ทุกอย่างมันพังลงไม่มีชิ้นดี เหตุผลของเขาถ้าบอกไปหล่อนคงอารมณ์ขึ้นมากกว่านี้ สุดท้ายจึงเลือกเก็บเงียบเอาไว้

“บอกไม่ได้เหรอคะ มันจะยากตรงไหนพี่ก็แค่บอกว่าไม่ได้รักอ้าย แค่นั้นเอง” พูดเองก็เจ็บเอง

“ใครบอกว่าพี่ไม่ได้รักอ้าย” สวนกลับอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอก็แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว คงไม่ต้องให้ใครบอกหรอก ในเมื่อการกระทำของเขามันคือคำตอบอยู่แล้ว

“แล้วที่พี่ทิ้งอ้ายไปห้าปี ไม่ติดต่อมาเลยสักครั้งล่ะคะ เขาเรียกว่าอะไร รักปานจะกลืนกินอย่างนั้นเหรอ ตลกแล้วพี่ปูรณ์ อ้ายไม่ใช่เด็กห้าขวบที่จะมองไม่ออกนะ” หล่อนเถียงกลับทันที ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ผู้เดียว เพราะที่ผ่านมาหลายปีมันก็เกินพอแล้ว

“แล้วอ้ายต้องรู้สึกยังไงเหรอที่เจอสามีตัวเองอยู่บ้านใกล้ๆ กันทั้งที่บอกมาตลอดว่าอยู่เมกา พี่เห็นแก่ตัวมากเกินไปหรือเปล่า” ต่อว่าไม่หยุดหย่อน พรั่งพรูความรู้สึกทั้งหมดจนเขารู้สึกผิดมากกว่าเดิมที่ปล่อยเธอเอาไว้กับความเจ็บปวด

พอจะก้าวเข้าไปหาหล่อนก็ถอยห่างไปสองก้าว ดวงตากลมจ้องมาราวต้องการกล่าวโทษที่ปล่อยให้หล่อนนอนกอดทะเบียนสมรสทั้งน้ำตา

“ใช่พี่เห็นแก่ตัว พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง อ้ายจะโกรธจะเกลียดพี่ก็ไม่เป็นไร” ยอมจำนนต่อสิ่งที่ตนเองทำกับหญิงสาว รู้ว่าตนไร้เหตุผลมากแค่ไหนที่ปล่อยเธอเอาไว้เพียงลำพัง ทั้งที่เป็นสามีแท้ๆ กลับไม่ดูแลรักษาสถานะนั้นให้ดี

“ค่ะ อ้ายทำอยู่แล้ว ตอนนี้อ้ายทั้งโกรธ ทั้งเกลียดจนไม่อยากเห็นหน้าพี่” พูดจบก็หันหลังเดินขึ้นบ้าน แต่ก็หยุดชะงักแล้วหันมาสบดวงตาคมที่มองหล่อนนิ่ง

“พี่กลับมาไทยนานแค่ไหนแล้ว” ถามในสิ่งที่ต้องการรู้ ปูรณ์มีท่าทีอึกอักไม่อยากตอบ แต่สุดท้ายก็จำต้องตอบตามความจริง

“สองสัปดาห์” อรนลินหัวเราะในลำคอ พยักหน้าเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง ชายหนุ่มกลับมาเมืองไทยนานแล้วแต่เลือกจะอยู่บ้านพักตากอากาศแทนการกลับไปเมืองหลวง ซึ่งตอนนั้นเธอยังอาศัยที่บ้านของเขา และสองจิตสองใจว่าควรเลือกเดินทางไหน

หย่าหรือรอปูรณ์กลับมา...

และวันนี้เธอได้คำตอบชัดเจนแล้ว รอไปก็เสียเวลาเปล่า เพราะฉะนั้นหย่าให้มันจบไปเลยดีกว่า ในเมื่อไม่ได้รักจะรั้งไว้ทำไม

“พรุ่งนี้เจอกันที่อำเภอเก้าโมงเช้านะคะ จะได้ไม่ต้องคาราคาซังอีก” เดินเข้าบ้านปล่อยให้เขามองตามหล่อนแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอก

ปูรณ์เดินคอตกกลับบ้าน การง้อภรรยาไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ใครจะคิดว่าหญิงสาวที่เคยจีบเขาจะหันหลังให้โดยยื่นคำหย่าเด็ดขาด แต่เขาก็ผิดจริงนั่นแหละที่ทิ้งเธอไปหลายปี พอกลับมาอยากขอคืนดีมันก็ไม่ง่ายแล้ว

แถมเหตุผลของเขามันก็ฟังดูงี่เง่าเสียด้วย จะบอกอย่างไรว่ารู้สึกผิดกับคนรักเก่าที่ตายจากไม่ทันถึงปี แต่เขากลับแต่งงานกับหญิงอื่น

แล้วเพิ่งรู้ว่าคนรักที่เสียชีวิตกำลังท้องลูกของเขาด้วย...

“พี่ปูรณ์ทำไมไม่ไปตามนัด” ร่างบางเดินเข้ามาภายในบ้านเรือนไทยหลังงามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง หล่อนไปรอเขาที่อำเภอเกือบสองชั่วโมง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่โผล่ไปให้เห็นหน้า จนต้องมาหาถึงบ้านแล้วพบว่าเขากำลังแต่งเพลงอย่างมีความสุข

โกรธจนเผลอทุบโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะกำมือแน่นเพราะเจ็บแต่ไม่อยากแสดงออกให้อีกฝ่ายเห็น มือหนาวางดินสอที่กำลังเขียนตัวโน๊ตลงกระดาษ ตั้งกีต้าร์เอาไว้ข้างลำตัว ก่อนเงยหน้าขึ้นมองภรรยาที่จ้องมาอย่างเอาเรื่อง

“พี่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไป” คนฟังถึงกับอ้าปากค้าง

“ก็เรานัดกันแล้ว” เถียงทันที เขาจึงลุกยืนจนหล่อนต้องเงยหน้ามองเล็กน้อย ขนาดว่าตนเองสูงแล้วยังต้องแหงนหน้าเวลาคุยกับสามี ตอนเด็กแม่ให้กินเสาไฟฟ้าหรือไงโตมาถึงได้สูงเกินหน้าเกินตาคนอื่นขนาดนี้

“อ้ายนัดคนเดียว พี่ยังไม่ได้บอกซักคำว่าจะไป ที่สำคัญพี่ไม่ได้บอกว่าจะหย่า” ไม่คิดว่าเขาจะเล่นไม้นี้ เธอย้อนกลับไปคิดเรื่องเมื่อวาน จริงอย่างที่ชายหนุ่มบอก อีกฝ่ายไม่ได้ตกลงอะไรสักอย่าง เป็นเธอที่คิดไปเองทั้งหมด

“แต่อ้ายต้องการหย่า” ย้ำชัดเสียงหนักแน่น

“พี่ไม่หย่า แล้วเราก็จะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที เพิ่งรู้ว่าปูรณ์พูดไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่หย่าทั้งที่ไม่ได้รักกันสักนิด จะทรมานหล่อนไปถึงเมื่อไหร่

“ทำไมพี่ไม่หย่า พี่ไม่ได้รักอ้ายแล้วจะรั้งไว้ทำไม” แทบจะร้องไห้ออกมาหลังจบคำถาม คำว่าไม่ได้รักที่เอ่ยออกไปหล่อนก็เจ็บเอง ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ถึงไม่อยากยอมรับแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มไม่ได้รักเธอเลย

การแต่งงานก็เป็นเพียงคำขอร้องของผู้ใหญ่เท่านั้น เธอเองที่หลงคิดฝ่ายเดียวว่าเขาก็รักตนเช่นเดียวกัน มันเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ

“เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม” อรนลินถึงกับพูดไม่ออก เขาเอ่ยออกมาได้อย่างไร กว่าเธอจะตัดสินใจขอหย่าได้ใช้เวลานานแค่ไหนรู้ไหม

ทว่าชายหนุ่มกลับเอ่ยประโยคขอกลับมาคืนดีได้ง่ายดาย ไม่รู้สึกอะไรสักนิดหน่อยเหรอที่ทิ้งเธอไปกว่าห้าปี อยู่ดีๆ จะกลับมายืนที่เดิม คิดว่ามันจะว่างหรือไง

หล่อนมองหน้าเขาพลางหัวเราะในลำคอ ตอนที่เธอรอเขาทำอะไรอยู่ถึงไม่มา เลือกที่จะพูดตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ความรู้สึกที่ถูกทำลายยากจะประกอบให้เข้าที่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และหญิงสาวก็เลือกจะเมินคำขอของสามี

“ไม่ค่ะ เราแยกกันอยู่น่าจะดีที่สุดแล้ว อ้ายรอพี่มาห้าปี ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะที่จะขอกลับมาคืนดีภายในห้าวิ ขอโทษด้วยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่พี่โคตรเห็นแก่ตัวเลย” เลือกหันหลังเดินกลับบ้านของตนเอง ปล่อยชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังเล็กแล้วถอนหายใจเพียงลำพัง

นั่นสินะ เขาเห็นแก่ตัวเกินไปที่ขอคืนดีหล่อนทั้งที่ทิ้งให้อยู่คนเดียวเสียนาน ยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองแล้วจ้องมองตัวโน๊ตด้วยความว่างเปล่า จากที่คิดจะทำงานก็ต้องเปลี่ยนเป็นเดินไปนั่งดูปลาที่บ่อน้ำข้างบ้านแทน

เห็นเก๋งกำลังนั่งมองปลาอยู่เหมือนกันเลยลงไปนั่งข้างๆ หนุ่มรุ่นน้องหันมามองพลางรีบขยับให้เจ้าของบ้านด้วยความเกรงใจ แค่ได้มาอาศัยอยู่ชายคาคอยดูแลบ้านให้ก็นับว่าเป็นบุญคุณมากพอแล้ว ทั้งตนและภรรยาซาบซึ้งเหลือเกิน

“คุณปูรณ์มีอะไรให้ผมทำหรือเปล่าครับ” ร่างสูงส่ายหน้า ก่อนจะถามขณะมองปลาคาร์ฟที่แหวกว่ายอยู่ในสายธารา

“ไม่มี นายทะเลาะกับวาดเหรอถึงได้มานั่งเหงาคนเดียว” สองสามีภรรยาทะเลาะกันบ่อยจนเขาชิน แต่วันต่อมาก็คืนดีราวไม่มีเรื่องบาดหมางใจ

“ครับ ผมแอบไปตีไก่แล้ววาดจับได้” สารภาพผิดกับเจ้านาย เก๋งชอบการตีไก่เป็นชีวิตจิตใจ แต่วาดที่เป็นภรรยากลับไม่ชอบ เพราะไม่อยากทำร้ายสัตว์ทั้งยังเห็นว่าเป็นบาป พยายามห้ามปรามเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง

จึงทะเลาะกันบ่อยครั้งในเรื่องนี้ แต่ชายหนุ่มก็ใช้ลูกอ้อนเข้าช่วย พูดนิดพูดหน่อยหญิงสาวก็หายงอนแล้วกลับมาคืนดีกัน

“ว่าแต่คุณปูรณ์คืนดีกับคุณอ้ายแล้วเหรอครับ” วกกลับมาเรื่องที่หนุ่มนักดนตรีเองก็คิดไม่ตกเช่นกัน สิ่งที่ชัดเจนในความรู้สึกของตนคือไม่ต้องการหย่า และอยากกลับไปเริ่มต้นใหม่กับอรนลิน ทว่าดูเหมือนหล่อนจะไม่ต้องการแบบนั้น

หญิงสาวยืนยันชัดเจนว่าอยากหย่า...

เครียดที่ต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ เขาเจอภรรยาครั้งแรกเมื่อวันก่อนหลังจากไม่พบหน้ากันมากว่าห้าปี ยอมรับว่าที่เลือกมาอยู่บ้านพักตากอากาศแทนการกลับเมืองหลวงเพราะไม่พร้อมเจออรนลิน รู้สึกผิดที่ทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวหลายปี

ใครจะคิดว่าจะมาเจอกันที่บ้านพักตากอากาศ แถมเธอยังเปลี่ยนเป็นอีกคนที่พร้อมตีจากตลอดเวลา และเขาอยากยื้อเธอเอาไว้

“ยังเลย อ้ายยังโกรธฉันที่ทิ้งเขาไว้คนเดียวตั้งห้าปี” ยอมจำนนต่อทุกสิ่ง เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเธอจึงจะยอมยกโทษให้

จากนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธออภัยกับสิ่งที่เขาเคยทำผิด

วันแรกที่หญิงสาวมาขายของที่ตลาดนัดของหมู่บ้านซึ่งจะมีสัปดาห์ล่ะครั้งเท่านั้น ร่างบางสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ มัดผมหางม้ารวบให้เรียบร้อย ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอาง ความสวยของหล่อนทำเอาลูกค้ามาออกันเต็มหน้าร้านตั้งแต่ยังไม่ทันจะยกของขึ้นมาวางด้วยซ้ำ

ส่วนมากก็เป็นผู้ชายที่ทำตาหวานให้แม่ค้าสาว เล่นเอาชัดเจนที่มาช่วยพี่อ้ายต้องคอยกันท่าเอาไว้ พลางเหลือบมองซ้ายขวาราวกับรอใครบางคน จนกระทั่งเห็นร่างสูงเดินแกมวิ่งเข้ามาจึงได้ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ

“พี่อ้าย ผัวพี่มาแล้ว” ดวงตากลมเบิกกว้างไม่คิดว่าเด็กน้อยจะพูดตรงขนาดนี้ เงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ที่ส่งยิ้มแป้น ทว่าหล่อนกลับทำหน้าบึ้งตึงราวไม่อยากเสวนาด้วย

ลูกค้าที่มามุงเริ่มมองหน้ากัน แต่ก็ยังไม่สลายตัวเพราะหลงใหลในความสวยของแม่ค้าสาว จนคนเป็นสามีต้องกวาดตามองด้วยความไม่ชอบใจ ใครจะคิดว่าภรรยาตัวเองจะเสน่ห์แรงขนาดนี้ มาขายยังไม่ทันถึงสามสิบนาทีของก็ดูท่าว่าจะหมดแล้ว

“พี่ขอโทษที่มาช้า พอดีติดงาน” หอบเล็กน้อย หล่อนกำลังจะตอกกลับว่ามาทำไมแต่ก็เงียบเอาไว้ ไม่ต้องการหักหน้าสามีต่อธารกำนัล อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน

“น้องอ้ายยังไม่หย่าอีกเหรอจ๊ะ พี่รอมาหลายปีแล้วนะ” หนุ่มหน้ามนที่รู้จักกับอรนลินมาตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมถามขึ้น แอบชอบมานานอกหักตอนที่หล่อนแต่งงาน แต่ก็มีหวังเพราะได้ยินข่าวลือว่าทั้งสองกำลังจะเลิกกัน

แต่ดูจากวันนี้ที่คนเป็นสามีมาเฝ้าถึงที่ สงสัยข่าวจะไม่เป็นความจริงซะแล้ว เสียดายจนต้องถามเล่นเอาหนุ่มนักดนตรีเกือบถลาเข้าไปชกหน้าคนถาม ถ้าไม่ได้ชัดเจนคอยดึงเอาไว้

“เหมาก่อนสิคะ แล้วจะตอบ” เหล่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่โอดครวญกันเป็นแถวเมื่อหล่อนบ่ายเบี่ยง จนปูรณ์ต้องออกโรงเอง เดินมาโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าพลางทำหน้าเคร่งขรึม มองผู้ชายที่คิดจะมายุ่งกับเมียคนอื่นอย่างหาเรื่องเต็มที่

“รอไปอีกสิบชาติเถอะ” พวกเขากลืนน้ำลายแทบไม่ลง รีบซื้อของแล้วสลายตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานหันมองเขาแล้วเบี่ยงตัวออกจากการถูกเนื้อต้องตัว

“ไม่ต้องรออีกสิบชาติหรอกค่ะ ไม่กี่วันก็น่าจะหย่าแล้ว” หันไปนำของขึ้นมาขาย แต่เขากลับคว้าแขนเธอแล้วดึงให้หันมามองหน้ากันอีกรอบ

“ก็พี่บอกแล้วไงว่าไม่หย่า แล้วต่อจากนี้พี่จะเริ่มจีบอ้ายเอง” ใบหน้าหวานแดงระเรื่อกับประโยคที่สามีบอกตนเอง

ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงเท็จมากแค่ไหน แต่เธอก็ใจเต้นกับแววตาจริงจังของอีกฝ่ายจนต้องรีบขยับตัวออกห่าง เตือนตัวเองเอาไว้ว่าเขาทำให้เจ็บช้ำมากแค่ไหน ปูรณ์คือตัวอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปใกล้อีก

ทิ้งหล่อนไว้กับความอ้างว้างห้าปี คิดว่าการง้อขอคืนดีจะง่ายเหรอ

ฝันไปเถอะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel