5.อยากได้สมบัติ
ทว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดกลับสูญเปล่า บางตระกูลเพียงแค่รับของส่งเดชแล้วก็ไม่คิดจะเชื่อมสัมพันธ์ บางตระกูลไม่อยากหักหาญน้ำใจก็รับไว้ในฐานะคนรู้จักแต่ไม่ได้มีความคิดที่จะคบค้าสมาคมด้วย สาเหตุเป็นเพราะต่างก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเหมยหลินดี จึงมองว่านางเป็นอีกาที่พยายามชุบตัวเองให้เป็นหงส์
พอโต้เถียงพ่ายแพ้ทั้งสามคนก็เดินหนีไปอย่างไม่ไยดี ถิงถิงชินชากับสภาพเช่นนี้แล้ว เมื่อเห็นว่าทั้งสามจากไปลู่ชิงก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาหา นางเห็นว่าคุณหนูของตนกำลังถูกคนพวกนั้นข่มเหงรังแกแต่ก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้ามาในตอนนั้น
“คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าได้ยินว่าคุณหนูรองบาดเจ็บมีเลือดออกด้วย นายท่านได้สั่งลงโทษคุณหนูอีกหรือไม่”
“แปลกมากจริงๆ ข้าเองก็นึกสงสัยเช่นกันว่าเหตุใดจึงไม่ถูกลงโทษ ช่างเถิด ไม่เจ็บตัวก็ดีแล้ว เจ้าประคองข้ากลับเรือนที”
หญิงสาวส่งเสียงไอแค่กๆ สองสามครั้ง สาวใช้รีบเข้ามาประคองพาเดินกลับเรือนหลังเล็กท้ายจวน ย่างเข้าฤดูเหมันต์อาการโรคไข้ลมหนาวของถิงถิงก็กลับมากำเริบ ในฤดูเหมันต์ปกติถิงถิงจะนอนห่มผ้าอยู่ติดเตียง เรือนตะวันตกแม้จะเล็กแคบแต่ก็กันลมได้เป็นอย่างดี เสียก็แต่ผ้าห่มนั้นค่อนข้างบางสักหน่อย เงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนก็น้อยนิด จะรวบรวมไว้ซื้อผ้าห่มดีๆ สักผืนยังเป็นเรื่องยาก ต้องสะสมเงินนานถึงสี่เดือนถึงจะซื้อผ้าห่มหนาๆ ได้ผืนหนึ่ง
เมื่อเข้ามาถึงในเรือนนางก็เอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแล้วเอื้อมมือออกไปดึงลิ้นชักที่หัวเตียงออก หยิบกล่องเงินที่รวบรวมไว้ออกมาจากนั้นยื่นถุงเงินให้ลู่ชิง
“นี่เพิ่งย่างเข้าเหมันต์พอถึงกลางฤดูอุณหภูมิจะลดลงอีกเท่าตัว เจ้าเอาเงินนี่ไปซื้อผ้าห่มดีๆ มาสักสองผืน ให้เจ้าผืนหนึ่งให้ข้าผืนหนึ่ง”
“โธ่ คุณหนู”
ลู่ชิงได้ฟังที่คุณหนูบอกก็น้ำตาตก ถิงถิงสู้อุตส่าห์เก็บเงินมาเกือบปีเพียงเพราะอยากเอื้อเฟื้อผ้าห่มให้สาวใช้เช่นนาง ตอนแรกลู่ชิงนึกแปลกใจว่าเหตุใดถิงถิงถึงได้ประหยัดนัก พอได้รู้สาเหตุรู้สึกบีบหัวใจมหาศาล
ลู่ชิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซืออิ่ง ซึ่งน้อยกว่าถิงถิงเพียงแค่ปีเดียว เมื่อวานนี้เพิ่งจะผ่านพิธีการปักปิ่นมาสดๆ ร้อนๆ โดยมีสาวใช้อาวุโสในจวนเป็นคนปักปิ่นให้ ก่อนนั้นนางเป็นเพียงเด็กน้อยตาดำๆ ไร้ญาติขาดมิตร หยู่ถิงพบเจอกับลู่ชิงครั้งแรกตอนที่ออกไปตรวจตราร้านค้าในตลาด ขณะนั้นลู่ชิงกำลังถูกกลุ่มขอทานรุมทำร้ายเพราะต้องการยื้อแย่งขนมแป้งทอด หยู่ถิงจึงได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ พอถามไถ่ความเป็นมาจึงได้รู้ว่าเด็กน้อยผู้นี้ไร้ญาติขาดมิตร ไร้แซ่และไร้นาม หยู่ถิงมีจิตใจดีจึงรับมาเลี้ยงไว้ให้คอยเป็นเพื่อนเล่นกับถิงถิง และตั้งชื่อใหม่ให้ว่าลู่ชิง
“ในจวนนี้คนที่จริงใจกับข้าที่สุดก็คงจะมีแค่เจ้า แต่ไหนแต่ไรท่านพ่อไม่เคยมีความจริงใจให้ท่านแม่ ท่านพ่อหลอกท่านแม่มาแต่งงานก็เพราะอยากได้สมบัติ”
“คุณหนู…”
ถิงถิงพูดไม่ผิด หยู่ถิงเกิดมาในตระกูลร่ำรวย สินเดิมที่นำติดตัวมาก็ไม่ใช่น้อยๆ ในตอนที่ทั้งสองแต่งงานกันญาติทางฝ่ายเจ้าสาวไม่ชอบเจียเฉิงเท่าใดนัก ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมักจะคาดเดาอนาคตได้ถูกต้องแม่นยำ หลังจากแต่งงานกันแล้วหนึ่งปีต่อมาเจียเฉิงกับพ่อตาก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างหนัก ฝ่ายนั้นจึงประกาศตัดขาดกับบุตรสาวไม่ขอข้องเกี่ยวกันอีกตลอดชีวิต กระทั่งในตอนที่หยู่ถิงตายไปก็ไม่รู้ว่าทางท่านพ่อท่านแม่ให้อภัยตนแล้วหรือยัง
ไม่ใช่แค่หยู่ถิงที่ถูกตัดขาดแต่เจียเฉิงยังกีดกันไม่ให้ถิงถิงข้องเกี่ยวกับทางนั้นด้วย นานวันเข้าก็ค่อยๆ ห่างเหินกันไปทีละนิด ปัจจุบันนี้ถิงถิงไม่ได้พบเจอหน้าท่านตาท่านยายมาสิบปีแล้ว ไม่รู้ว่าหากได้เจออีกครั้งจะยังจดจำหน้ากันได้อยู่หรือไม่
“เอาล่ะ เจ้ารีบไปเถิดข้าขอนอนพักสักงีบ”
“เจ้าค่ะ”
ถิงถิงมองส่งลู่ชิงจนลับตา พอสาวใช้ออกไปแล้วนางจึงล้มตัวนอนหลับไปราวครึ่งชั่วยาม พลันเสียงเคาะประดูดังขึ้นถี่ๆ เสียงนี้ปลุกนางให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นเวลาแดดร่มลมตกแล้ว ผู้ที่ยืนเคาะอย่างไร้มารยาทนั้นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเมิ่งฉี
ปัง! ปัง! ปัง!
“หากไม่เปิดประตูบ่าวจะดันเข้าไปแล้วนะเจ้าคะ”
น้ำเสียงของเมิ่งฉีไม่มีความเคารพคุณหนูใหญ่เลยสักนิด คิดว่าตนเองเป็นสาวใช้ที่เหมยหลินคอยถือหางอยู่จึงไม่เห็นถิงถิงอยู่ในสายตา