6. ไม่ใช่เรื่องที่สาวใช้จะมาสอดปาก
"หน็อย! ไม่เปิดใช่ไหม"
สาวใช้ไม่รีรอใช้ลำตัวอ้วนตันพุ่งเข้าหาประตูหวังจะชนแรงๆ ให้เปิดออก ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างในทำให้เมิ่งฉีเสียหลักล้มคะมำไปกองอยู่ที่พื้นห้อง เสียงดังโครมอย่างแรงครั้งเดียวตามมาด้วยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นถิงถิงยืนกอดอกจ้องตนอยู่ สาวใช้แก่ยกมืออันสั่นเทาขึ้นชี้หน้าพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“คุณหนูใหญ่ ท่าน! ท่าน!”
“จะนอนอยู่ตรงนี้อีกนานหรือไม่”
“อู้ย เจ็บๆ”
สาวใช้แก่พยายามพยุงร่างลุกขึ้นยืน บีดนวดตัวเองอยู่สองสามครั้งก่อนจะเอาสายวัดตัวออกมาจากแขนเสื้อ
“อนุเหมยหลินบอกให้ข้ามาวัดตัวและจดขนาดตัวไปให้ช่างตัดเสื้อ”
คิดไม่ถึงว่าแม่เลี้ยงผู้นั้นจะตัดชุดผ้าไหมล้ำค่าให้จริงๆ แต่ก็เอาเถิด ไหนๆ ของล้ำค่าที่ว่านี้ก็เป็นของท่านแม่ หากได้มาตัดชุดก็ถือว่ารักษาสิ่งของเอาไว้ได้ชิ้นหนึ่ง
ถิงถิงคิดในใจ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อที่เมิ่งฉีจะได้รับวัดตัวได้สะดวก ขณะที่วัดตัวอยู่นั้นเมิ่งฉีก็แสยะยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ผ้าไหมล้ำค่าพอได้มาอยู่บนตัวคุณหนูใหญ่ไม่รู้ว่าจะคู่ควรหรือไม่นะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่สาวใช้จะมาสอดปาก”
“ทะ…ท่านว่าอะไรนะ!”
ถูกตอบโต้อย่างตรงไปตรงมาเมิ่งฉีถามกลับเสียงสั่น ถิงถิงแย้มยิ้มอย่างไม่อาทรร้อนใจหมุนตัวหันหลังให้นางวัดตัวต่อแล้วกล่าวว่า
“ถึงข้าไม่มีอำนาจแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนนี้ แล้วเจ้าเป็นใคร…คนเทกระโถนฉี่ของเหมยหลินอย่างนั้นหรือ”
“ท่าน!” เมิ่งฉีปากคอสั่น ใบหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ
“ข้าตบเจ้าไม่มีความผิด แต่ถ้าหากเจ้าตบข้าคืนแล้วเรื่องถึงทางการเจ้าจะมีความผิดใหญ่หลวง เท่านี้เจ้าก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าตนเองอยู่ห่างชั้นกับข้าเพียงใด ในตอนที่ท่านแม่ของข้ายังอยู่ก็เลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะเป็นสุนัขเปลี่ยนนายข้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรนักหรอก แต่ถ้าหากจะวกกลับมาแว้งกัดลูกสาวของคนที่เคยให้ข้าวรับรองได้เห็นดีกัน”
เมิ่งฉีเดือดดาลจนควันออกหู พยายามข่มอารมณ์โกรธแล้ววัดตัวให้ถิงถิงต่อจนเสร็จ พอเสร็จแล้วก็พูดจากระแทกแดกดัน
“เสร็จแล้ว!"
“เสร็จแล้วก็ออกไป”
หญิงสาวผายมือไปทางประตู เมิ่งฉีเดินหน้าตึงออกไปทันที ขณะนั้นลู่ชิงก็หอบผ้าห่มที่เพิ่งซื้อกลับมาด้วยสองผืน ตอนที่เดินเข้ามาในเรือนนางสวนทางกับเมิ่งฉี เห็นท่าไม่ดีจึงรีบวางผ้าห่มแล้ววิ่งพรวดมาหาถิงถิงด้วยความเป็นห่วง
"เมิ่งฉีเข้ามาทำอะไรคุณหนูหรือเปล่าเจ้าคะ”
“นางไม่กล้าหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะได้ของมาไหม”
“ได้มาเจ้าค่ะ”
สาวใช้กลับไปหอบผ้าห่มที่ซื้อใหม่มาไว้บนเตียง ถิงถิงได้ผ้าห่มแล้วก็ลูบไล้อย่างเบามือ สัมผัสอ่อนนุ่มของเส้นทอละมุนคล้ายขนเป็ด ราคาของผ้าค่อนข้างสูงคุณภาพก็จัดว่าดีระดับหนึ่ง ก่อนหน้านั้นถิงถิงเคยขอเบิกผ้าห่มผืนใหม่กับเหมยหลินไปแล้วสองครั้ง แต่ถูกเหมยหลินบอกปัดจนนานวันเข้าก็ทำทีเป็นแกล้งลืม ในยามนั้นถิงถิงยังเด็กและใสซื่อเกินกว่าจะรู้ว่าเหมยหลินจงใจทำให้ตนต้องอยู่อย่างยากลำบาก ตั้งแต่เล็กจนโตถิงถิงเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่เมื่อถูกกระทำหนักเข้านิสัยของนางก็เริ่มแข็งกร้าวและเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด
“หากรออนุเหมยหลินเบิกให้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรเราจะได้นอนอุ่นนะเจ้าคะ”
“เมื่อพึ่งพาคนอื่นไม่ได้ก็จงหาวิธีช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด”
“ทั้งๆ ที่คุณหนูเป็นบุตรที่เกิดจากฮูหยินเอกแท้ๆ นายท่านกลับลำเอียงบุตรอนุมากกว่ามีที่ใดเขาทำกัน หึ…ใจร้ายเกินไปแล้ว”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ใกล้จะได้เวลาอาหารค่ำเจ้ารีบไปห้องครัวก่อน เดี๋ยวทางฝั่งนั้นจะอ้างว่าอาหารหมดแล้วให้น้ำข้าวเรามาแค่คนละชามอีก”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ลู่ชิงออกจากเรือนตะวันตกก็ตรงไปที่ห้องครัวทันที ภายในห้องครัวบ่าวไพร่กำลังรับแจกอาหาร ส่วนอาหารของเจ้านายถูกจัดไว้เป็นสำรับรอให้บ่าวของแต่ละเรือนมาเอาไป ถิงถิงตัวคนเดียวอาหารที่ได้ก็ลดหลั่นลงมาจากเรือนหลักตามลำดับ แม่ครัวได้จัดผัดผัก ข้าวสวย และน้ำแกงให้เรือนตะวันตก
ขณะที่กำลังยกสำรับออกจากห้องครัวบังเอิญเมิ่งฉีเดินสวนมาพอดี สาวใช้แก่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นเท้าออกมาขัดขาลู่ชิงหวังจะให้ล้มลง ทว่าแผนตื้นๆ เช่นนี้ลู่ชิงไม่หลงกลอีกแล้ว เมิ่งฉีเคยกลั่นแกล้งได้ครั้งหนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะแกล้งได้ตลอด ลู่ชิงยกเท้ากระทืบแรงๆ ที่เท้าของเมิ่งฉีจนนางส่งเสียงร้องโอ้ยดังลั่น จากนั้นลู่ชิงก็หัวเราะเย้ยแล้วเดินเร็วๆ กลับเรือนตะวันตก