3. ข้างดงามหรือไม่
เหมยหลินมองดูบุตรสาวผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ด้วยแววตาปลื้มปริ่ม เมื่อชุดผ้าไหมสีฟ้าได้มาอยู่บนตัวของซืออิ่งแล้วงดงามไร้ที่ติ ดรุณีน้อยหมุนตัวหน้าคันฉ่องสองสามรอบแล้วหันมาหัวเราะคิกคักกับมารดา
“หากคุณชายหานได้เห็นข้าสวมใส่ชุดนี้จะเป็นอย่างไร”
“เขาคงมองเจ้าตาค้างเลยทีเดียว”
“จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือเจ้าคะ แม้แต่ท่านพ่อเอ่ยปากเชิญคุณชายหานมาที่จวนเขาก็ยังปฏิเสธ ข้ามีโอกาสได้เห็นคุณชายหานเพียงครั้งเดียว มองไกลๆ ยังรู้ว่าเป็นบุรุษรูปงามสง่าผ่าเผย”
หากไม่ใช่เพราะหลายปีก่อนเจียเฉิงเคยช่วยหานอี้ควนไว้โดยบังเอิญ พอได้รู้สถานะที่แท้จริงว่าเป็นถึงคุณชายน้อยผู้สืบทอดหอคุณธรรมก็รีบเอ่ยปากทวงบุญ โดยการเรียกร้องให้หมั้นหมายกับซืออิ่ง อี้ควนเหมือนถูกมัดมือชกกลายๆ ถ้าไม่เพราะเหตุการณ์นั้นเขาก็คงไม่มีวันชายตามองตระกูลว่าน
เดิมทีตระกูลหานคือตระกูลสูงส่ง เป็นผู้ดีเก่าแห่งอำเภอเต้าหมิง รับหน้าที่ดูแลหอคุณธรรมมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน หอคุณธรรมคือหอไม้สักทองขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอดีตกษัตริย์ของแคว้นฉิน ต่อมาพระราชทานให้ตระกูลหานเป็นผู้สืบทอดดูแล ระดับความสูงเก้าชั้น งดงามอลังการราวกับตำหนักสวรรค์ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางอำเภอเต้าหมิง ในแต่ละปีจะมีประชาชนเข้าคัดเลือกหลายพันคนเพราะอยากฝากตัวเป็นศิษย์ หลังจากผ่านการคัดเลือกแล้วก็ได้รับการฝึกฝนทั้งบุ๋นและบู๊ เมื่อเสร็จสิ้นหลักสูตรผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดก็จะถูกส่งตัวเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อทำหน้าที่รับใช้ราชวงศ์ต่อไป
“คุณชายหานผู้นั้นไม่มีทางจะไม่สนใจสาวงามเช่นเจ้า อิ่งเอ๋อร์ของแม่เพียบพร้อมไปทุกสิ่ง หากไม่ใช่เจ้าจะเป็นผู้ใดไปได้อีก”
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น”
“ว่าแต่ผ้าไหมในคลังสมบัติมีสีอื่นอีกหรือไม่”
“มีเจ้าค่ะ ยังเหลือสีม่วงกับสีแดง ท่านแม่ก็อยากตัดชุดใหม่หรือเจ้าคะ”
เหมยหลินไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ยกยิ้มบางๆ เมื่อไม่ได้รับคำตอบซืออิ่งก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน นางเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี พอเข้ามาในเขตสวนหย่อมเห็นถิงถิงยืนอยู่ใกล้ๆ เขามอ ตรงนั้นมีดอกไม้หลายชนิดที่ถิงถิงเป็นคนปลูกและดูแลรักษาเป็นอย่างดี หลักๆ ก็จะเป็นเหมยกุ้ยแดง โบตั๋น และหอมหมื่นลี้
เมื่อปลายหางตาเหลือบเห็นอาภรณ์สีฟ้าปลิวไสวมาแต่ไกล ถิงถิงวางถังรดน้ำต้นไม้ไว้ที่พื้นแล้วหันกลับมามอง ซืออิ่งอยู่ในชุดสีฟ้าสดใส ลวดลายของผ้าไหมที่นำมาตัดชุดถิงถิงจดจำได้ดีว่าเป็นสินเดิมของมารดา แววตาของถิงถิงมีประกายวูบไหวแต่ก็ไม่คิดจะกล่าวสิ่งใด หันไปให้ความสนใจต้นไม้ใบหญ้าต่อ
“ท่านพี่”
เสียงที่เอื้อนเอ่ยอยู่ทางด้านหลังถิงถิงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าผู้เป็นน้องสาวขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น
“ท่านพี่ลองมองให้ดีว่าอาภรณ์ชุดใหม่ของข้างดงามหรือไม่”
ถิงถิงหันกลับมาประจันหน้า ตอบกลับมาคำหนึ่ง
“งาม”
เห็นว่าพี่สาวไม่มีปฏิกิริยาเกรี้ยวโกรธซืออิ่งก็ยิ่งหัวเสีย นางคิดว่าอย่างน้อยถ้าถิงถิงได้เห็นผ้าไหมนี้แล้วก็น่าจะทักท้วงสักคำ แต่กลับวางตัวนิ่งเฉยและเก็บอารมณ์โกรธเคืองได้เป็นอย่างดี ทีแรกกะจะมายั่วโมโห ไปๆ มาๆ กลายเป็นโมโหเสียเอง
“ผ้าผืนนี้ข้าเอามาจากห้องคลังสมบัติเห็นแล้วชื่นชอบเป็นพิเศษจึงเอาไปให้ช่างตัดชุดให้ ในคลังสมบัติยังเหลืออีกสองสามผืนข้าว่าจะนำออกมาตัดชุดใส่ให้หมด”
“อ้อ" ถิงถิงร้องอ้อออกมาคำเดียวแล้วยื่นมือออกไปสัมผัสดอกเหมยกุ้ยแดงสดอย่างทะนุถนอม ซืออิ่งแทบอยากกระทืบเท้าเร่าๆ พอไม่ได้รับความสนใจก็กระชากดอกกุ้ยเหมยที่กำลังเบ่งบานหวังจะเขวี้ยงลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำ
“เจ้าจะทำอะไร!”
“เห็นทีว่าของที่ท่านพี่รักที่สุดไม่ใช่สินเดิมของมารดาแต่เป็นดอกไม้โกโรโกโสนี่สินะ ข้าจะทำลายมัน”
“ซืออิ่ง!”
ถิงถิงจับมือของซืออิ่งเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็รีบสะบัดออกโดยไม่ทันระวัง ทำให้โดนหนามเหมยกุ้ยครูดหลังมือจนเป็นแผลยาวเลือดไหลซิบ เมิ่งฉีสาวใช้แก่ที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งมาดูพร้อมแหกปากเอ็ดตะโรลั่น
“คุณหนูใหญ่ตีคุณหนูรองแล้ว ใครก็ได้ห้ามที! อนุเหมยหลิน อนุเหมยหลินอยู่ที่ใดเจ้าคะ”
เหมยหลินและเจียเฉิงได้ยินเสียงดังโวยวายก็รีบออกมาจากเรือนหลัก พอมาถึงก็เห็นว่าหลังมือของซืออิ่งเป็นแผลยาวมีเลือดไหล ฝ่ายซืออิ่งก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้ามาหาบิดาเล่าความเท็จ
“ท่านพ่อข้าแค่เดินมาคุยกับท่านพี่เท่านั้น พอท่านพี่เห็นอาภรณ์ชุดใหม่ของข้าก็ไม่พอใจ”
ก่อนที่เจียเฉิงจะได้โวยวายเหมยหลินก็เสแสร้งพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“โธ่เอ้ย ถิงถิงเจ้าก็ไม่เห็นต้องรุนแรงกับน้องสาว ผ้าไหมสินเดิมของแม่เจ้าแค่ผืนเดียวน้องขอไปตัดชุดจะไม่ได้เชียวหรือ”
“แค่ผ้าไหมผืนเดียวถึงขั้นลงมือกับน้องสาวใช้ได้ที่ไหน” เจียเฉิงสำทับ ชี้หน้าถิงถิงตะเบ็งเสียงดุดัน