บทที่ 3 สร้างบุพเพให้กับน้องสาว
บทที่ 3
สร้างบุพเพให้กับน้องสาว
ตั้งแต่วันนั้นที่เย่ปิงปิงไปตัดชุดที่ร้านอาภรณ์ นางก็ไม่ได้ย่างกรายออกไปจากเรือนเลย หญิงสาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือแล้วคัดตัวอักษรอยู่เป็นนาน นางกำลังคิดทบทวนเรื่องราวในชาติก่อน เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ในชาตินี้
บุคคลที่นางจะต้องชำระแค้นคือ ‘องค์รัชทายาทกงหนิงหลง’ ผู้ที่หลอกใช้ความรักของนางได้อย่างเลือดเย็น และสังหารนางราวกับนางเป็นเพียงมดปลวกที่ไร้ค่า
ส่วนคนถัดไปคือน้องสาว ที่ทำตัวราวกับแม่ดอกบัวขาวอย่างเย่ม่าน น้องสาวอสรพิษที่พร้อมจะฉกนางให้ตายเมื่อนางพลั้งเผลอ
ผู้คนที่ทำร้ายนาง นางจะไม่มีวันปล่อยไปเป็นอันขาด หนี้เลือดนี้จักต้องชำระด้วยเลือด!!
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูรองมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ”
ซีซีเดินเข้ามารายงาน
“บอกน้องรองว่าข้ารู้สึกเวียนหัว ช่วงนี้ข้าขอพักที่เรือน”
“เอ่อ...แต่ตอนนี้องค์รัชทายาทเสด็จมาที่จวนด้วยนะเจ้าคะ”
“เจ้าบอกไปตามนั้น”
“เจ้าค่ะ”
ซีซีเดินถอยหลังจากไปเพื่อแจ้งให้เย่ม่านทราบ แม้นางจะแปลกใจที่คุณหนูไม่ออกไปพบองค์รัชทายาทด้วย แต่นางเป็นเพียงแค่บ่าวจะกล้าไปสอดเรื่องของเจ้านายได้อย่างไร
เย่ม่านที่ได้รับคำรายงานจากซีซีก็ทำหน้าแปลกใจ
“พี่หญิงใหญ่ไม่สบายมากเลยหรือ”
“เอ่อ...เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เวียนหัวเจ้าค่ะ แต่หากนอนพักก็คงจะดีขึ้นเจ้าค่ะ”
เย่ม่านแสร้งถอนลมหายใจ “เฮ้อ...แต่นี่องค์รัชทายาทเสด็จมาหาถึงจวน เช่นนั้นข้าคงต้องออกไปรับรองพระองค์ด้วยตัวเองสินะ เจ้าเองก็ดูแลพี่หญิงใหญ่ให้ดีด้วยเล่า”
“เจ้าค่ะ”
เย่ม่านยกยิ้มด้วยความดีใจ โอกาสที่นางจะได้สนทนากับองค์รัชทายาทตามลำพังนั้นมีน้อยมาก แต่คิดไม่ถึงว่านังเย่ปิงปิงจะมาเปิดโอกาสให้นางเช่นนี้
ดีล่ะ! นางจะใช้เสน่ห์ของนางมัดใจองค์รัชทายาทให้จงได้!!
เย่ม่านเดินจากไปด้วยรอยยิ้มหวาน นางบรรจงไปเปลี่ยนอาภรณ์ให้งดงามมากขึ้น แล้วเดินออกไปต้อนรับองค์รัชทายาท ที่ศาลาไม้ข้างสระดอกเหลียนฮวา
เย่ม่านเดินเข้ามาที่ศาลาด้วยท่าทางอ่อนหวาน กิริยาของนางดูนุ่มนวลมองแล้วสบายตา กงหนิงหลงจับจ้องคุณหนูรองผู้นี้ตาไม่กะพริบ
“หม่อมฉันถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ ต้องขอประทานอภัยที่พี่หญิงใหญ่ไม่สามารถออกมารับรองพระองค์ได้เพคะ”
“ลุกขึ้นเถิดคุณหนูรอง แล้วคุณหนูใหญ่เป็นอะไรหรือ”
สายตาคมมองร่างบอบบางของเย่ม่านด้วยความพึงพอใจ ในตอนที่นางยอบกายคารวะเขานั้น สายตาของเขาดันเผลอไปมองเนินอกขาวผ่องของนางโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็ไม่ได้ละสายตาออกไปในทันที
“เอ่อ...พี่หญิงใหญ่รู้สึกไม่ค่อยสบายเพคะ แต่หากนอนพักก็คงดีขึ้นแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นหรือ น่าเสียดายที่ข้ามาเสียเที่ยว แต่การที่ได้คุณหนูรองมาสนทนาเป็นเพื่อนข้าแทนก็นับว่าไม่เลวเลย”
“หากองค์รัชทายาทไม่ว่าอะไร หม่อมฉันจะเล่นพิณเพื่อสร้างความสำราญให้พระองค์ได้หรือไม่เพคะ”
“ดียิ่ง”
เย่ม่านหันไปพยักหน้ากับสาวใช้ของนาง รอไม่นานบ่าวรับใช้ก็ยกพิณมาวางที่กลางศาลา กงหนิงหลงนั่งจิบชารอฟังสาวงามบรรเลงพิณให้ฟังด้วยความสำราญใจ
เย่ม่านเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าอ่อนหวาน ดวงตาคู่สวยของนางหยาดเยิ้มยิ่งนัก ชายใดที่ได้สบตากับนางล้วนตกอยู่ในภวังค์ทั้งนั้น รวมถึงกงหนิงหลงด้วย
เสียงบรรเลงพิณในท่วงทำนองอ่อนหวานดังขึ้นที่ศาลาไม้ เย่ม่านนั่งดีดสายพิณเป็นท่วงทำนองอ่อนหวานไพเราะ กงหนิงหลงที่สบเข้ากับใบหน้าของเย่ม่านพลันชะงักค้างไปด้วยความตกตะลึง กอปรกับเสียงเพลงที่อ่อนหวานและใบหน้าที่งดงามของเย่ม่านนั้น ทำให้หัวใจของบุรุษสั่นไหวอย่างรุนแรง ดวงตาคู่คมมองเย่ม่านโดยมิอาจจะละสายตาไปจากนางได้เลย
ความแปลกประหลาดสายหนึ่งพุ่งเข้ามาสู่หัวใจของบุรุษ ความปรารถนาที่มีต่อเย่ม่านรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เย่ม่านที่เห็นท่าทางขององค์รัชทายาท พลันใบหน้าของนางเห่อร้อนด้วยความขัดเขิน นางเอียงอายแย้มยิ้มมุมปาก แล้วหันมาตั้งใจบรรเลงพิณต่อ
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเย่ม่านบรรเลงพิณจนจบเพลง กงหนิงหลงปรบมือให้กับนางด้วยความชื่นชม
“คุณหนูรองช่างเก่งกาจสมคำเล่าลือ เพลงเมื่อครู่นี้ทำให้หัวใจของข้าล่องลอยไปไกลเสียแล้ว”
“ขอบพระทัยเพคะ”
เย่ม่านช้อนสายตามองกงหนิงหลงด้วยความเขินอาย คำกล่าวของพระองค์เมื่อครู่ หมายความว่านางทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวใช่หรือไม่
“หากข้าอยากมาฟังเจ้าบรรเลงพิณอีกจะได้หรือไม่”
“หม่อมฉันจะกล้าปฏิเสธพระองค์ได้อย่างไรเพคะ” นางก้มหน้างุดด้วยความขัดเขิน
“เช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้าอนุญาตแล้วนะ วันพรุ่งข้าจะไปล่องเรือที่ทะเลสาบ คุณหนูรองสนใจไปกับข้าหรือไม่”
เย่ม่านดวงตาลุกวาวด้วยความสนใจ แต่นางยังต้องสงวนท่าที
“เอ่อ...จะดีหรือเพคะ”
“ย่อมดีสิ เจ้าก็ชวนพี่สาวของเจ้าไปด้วยไง ข้าหวังว่าวันพรุ่งนี้ นางจะไม่ปฏิเสธคำขอของข้าอีกหรอกนะ”
“หม่อมฉันจะนำความไปแจ้งพี่หญิงใหญ่เพคะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะคุณหนูรอง”
กงหนิงหลงลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะกลับวังบูรพาของเขา
“หม่อมฉันจะเดินไปส่งพระองค์ที่รถม้าเพคะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินออกมาจากศาลานั้น เย่ม่านกลับลื่นล้มเพราะพื้นตรงนั้นลื่นกว่าปกติ
“ว้าย!!”
ร่างของนางซวนเซจนแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น แต่ได้กงหนิงหลงเข้ามาโอบเอวของนางเอาไว้ได้ทันท่วงที
“อ๊ะ! ขอบพระทัยเพคะ”
ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่เอื้อม ดวงตาทั้งสองคู่สบตากันราวกับเวลาหยุดนิ่ง กงหนิงหลงไม่อาจจะระงับความต้องการของตัวเองได้ เขาโน้มใบหน้าลงมาประทับที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเย่ม่านอย่างดูดดื่ม
เย่ม่านเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ก่อนที่นางจะหลับตาพริ้มรับสัมผัสอันวาบวามจากชายหนุ่มที่นางพึงพอใจ
“ตายแล้ว องค์รัชทายาทกับคุณหนูรองทำสิ่งใดกันเพคะ!!”
เสียงร้องดังลั่นด้วยความตกใจที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทั้งสองผละกายออกจากกันด้วยความตกตะลึง ใบหน้าของเย่ม่านแดงซ่านด้วยความเขินอาย และอับอายที่มีคนมาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่
สตรีที่ร้องเสียงดังนั้นคือท่านป้าของเย่ปิงปิง นางได้รับจดหมายจากหลานสาวให้มาที่เรือนในเวลานี้ แต่นางไม่คิดเลยว่านางจะได้มาพบเห็นภาพนี้ได้
ว่าที่คู่หมั้นกับน้องสาวของหลานสาวนาง กำลังทำเรื่องไร้ยางอายได้อย่างไรกัน?
“เอ่อ...เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันนะเจ้าคะ”
เย่ม่านพยายามแก้ตัวพัลวัน ทำไม ‘จ้าวเว่ย’ ท่านป้าของเย่ปิงปิงถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน?
“ไม่น่าจะใช่นะ ข้าคิดว่าข้าเข้าใจถูกต้องแล้ว หากองค์รัชทายาทกับคุณหนูรองมีใจให้แก่กันก็ควรทำเรื่องให้มันถูกต้อง ปิงเอ๋อร์ของข้าจะได้ไม่ต้องมาเจ็บช้ำน้ำใจที่ถูกว่าที่คู่หมั้นและน้องสาวกระทำการลับหลังนางเช่นนี้”
“ฮูหยินไป๋เข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่คุณหนูรองจะล้มลง ข้าจึงได้ช่วยประคองนางเอาไว้เท่านั้นเอง”
กงหนิงหลงรีบเอ่ยแก้ตัว ถึงเขาจะพึงใจเย่ม่าน แต่คนที่เขาควรแต่งงานด้วยคือเย่ปิงปิง อำนาจหนุนหลังของนางมีมากกว่าเย่ม่านมากนัก แต่หากเขาจะรับเย่ม่านหลังจากที่แต่งกับเย่ปิงปิงแล้วก็ย่อมได้เช่นกัน
“หม่อมฉันมิได้ตาบอดนะเพคะ สาวใช้ที่เดินตามหม่อมฉันมาก็เห็นเช่นเดียวกัน และคุณหนูไป๋หลานสาวของสามีหม่อมฉัน ที่ติดตามมาด้วยก็เห็นเช่นเดียวกัน ว่าทั้งสองกำลังแนบชิดริมฝีปากกันแนบแน่นเพียงใด”
‘ไป๋อิงฮวา’ คุณหนูคนสำคัญของตระกูลไป๋สายรอง ได้ก้าวเท้าออกมายืนเคียงข้างท่านป้าสะใภ้
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าเห็นเต็มตาว่าทั้งคู่ทำกิริยาไม่เหมาะสมกัน ปิงเอ๋อร์ของข้าช่างน่าสงสารนัก”
“นี่มัน...”
เย่ม่านกับกงหนิงหลงรู้สึกร้อนใจด้วยความกังวล พวกเขาทั้งสองไม่คิดว่าการกระทำที่พลั้งเผลอเมื่อครู่ จะนำความยุ่งยากมาสู่พวกเขาเช่นนี้
“เกิดสิ่งใดขึ้นกันเจ้าคะ”
เย่ปิงปิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนแรง โดยข้างกายของนางมีซีซีช่วยประคองเอาไว้
“คุณหนูใหญ่ ข้าอธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะ”
กงหนิงหลงรีบตรงเข้ามาจับมือเย่ปิงปิงด้วยความร้อนใจ เขาจะทำให้แผนการที่วางไว้ผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด
“มีเรื่องอะไรหรือเพคะ แล้วเหตุใดท่านป้าถึงไม่ไปหาข้าที่เรือนเจ้าคะ ข้ารออยู่นานไม่เห็นท่านป้ากับฮวาเอ๋อร์จึงได้ออกมาตาม”
เย่ปิงปิงมองคนทั้งหมดด้วยความไม่เข้าใจ แต่ภายในใจของนางกลับกระหยิ่มยิ้มที่แผนการของนางลุล่วงไปด้วยดี สายตาของนางมองเลยไปทางน้ำชาขององค์รัชทายาท ยากำหนัดชนิดอ่อนที่ทำให้รู้สึกลุ่มหลงไปชั่วครู่ได้ผลดีเกินคาดเลย
“คือ...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ คุณหนูใหญ่อย่าได้ใส่ใจเลยนะ”
จ้าวเว่ยเดินมาจับแขนเย่ปิงปิง “องค์รัชทายาทกับน้องสาวของเจ้ากระทำกิริยาที่ไม่เหมาะสม ป้าคิดว่าเจ้าควรรู้เรื่องนี้นะปิงเอ๋อร์”
“อะไรนะเจ้าคะท่านป้า”
เย่ปิงปิงยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ นางมองทั้งสองคนสลับไปมาก่อนที่น้ำตาของนางจะไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
“พี่หญิงใหญ่เจ้าคะ เรื่องเมื่อกี้มันเป็นอุบัติเหตุ หาใช่เป็นอย่างนั้นไม่ ทุกคนกำลังเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
“แล้วการที่ทั้งสองประกบริมฝีปากเข้าด้วยกัน เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดหรือ”
ไป๋อิงฮวาเอ่ยแทรกขึ้นมา นางมองเย่ม่านด้วยสายตาเหยียดหยาม คุณหนูรองผู้นี้นางไม่ถูกชะตาเลยสักนิด
"อะไรนะเจ้าคะ เหตุใด ฮึก!"
เย่ปิงปิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ก่อนที่สติของนางจะดับวูบลงท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“ปิงเอ๋อร์ / คุณหนูใหญ่ / พี่หญิงใหญ่ / คุณหนู!!”
ร่างระหงของเย่ปิงปิงถูกจ้าวเว่ยเข้ามาประคองได้อย่างทันท่วงที
กงหนิงหลงเองก็รีบตรงเข้ามาช้อนร่างที่ปวกเปียกของว่าที่คู่หมั้นเข้าไปพักยังเรือนด้านในของนาง
ภายในจวนตระกูลเย่ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น กว่าที่ลู่เมิ่งจะทราบข่าว ท่านหมอก็ได้มาตรวจอาการของเย่ปิงปิงแล้ว
เรือนเสวี่ย
เย่ปิงปิงนอนสลบอยู่บนเตียงนอนของนาง ด้านข้างหมอชราประจำตระกูลได้เข้ามาตรวจร่างกายของเย่ปิงปิงโดยละเอียด เวลาล่วงเลยผ่านไปราวหนึ่งเค่อ ท่านหมอจึงได้เดินออกมาจากห้อง ซึ่งเวลานี้ทุกคนต่างยืนรอด้วยความกระวนกระวาย
ลู่เมิ่งที่เพิ่งทราบข่าวก็เดินเข้ามาด้วยความร้อนรน นางตรงเข้ามากอดปลอบบุตรสาวเป็นการใหญ่
“ทูลองค์รัชทายาท และฮูหยิน ตอนนี้คุณหนูใหญ่ไม่เป็นอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่เพียงแค่ตกใจจนเป็นลมไปเท่านั้น หากให้นอนพักและดื่มยาสงบใจหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา อาการก็จะดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ในที่นี้กงหนิงหลงมีศักดิ์สูงกว่าทุกคน ท่านหมอชราจึงต้องแจ้งกับองค์รัชทายาทก่อนเป็นคนแรก
“ขอบใจท่านหมอมาก”