บทที่ 2 เย่ปิงปิงได้เปลี่ยนไปแล้ว
บทที่ 2
เย่ปิงปิงได้เปลี่ยนไปแล้ว
เย่ปิงปิงเดินมาที่เรือนหลักอันเป็นที่พำนักของฮูหยินใหญ่ ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลเย่แห่งนี้ ฮูหยินใหญ่นั้นเดิมทีนางเป็นฮูหยินรอง แต่เพราะท่านแม่ของเย่ปิงปิงได้เสียไปนานหลายปี ‘เย่ตงจื่อ’ ประมุขของตระกูลเย่จึงได้แต่งตั้ง ‘ลู่เมิ่ง’ ขึ้นมาเป็นฮูหยินใหญ่ คอยดูแลเรือนหลังและงานในจวน ในวันที่เขาจะต้องออกไปรบเพื่อบ้านเมือง
ลู่เมิ่งเป็นสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน นางคอยเอาอกเอาใจเย่ตงจื่อ และจัดการงานในจวนได้ดีเสมอมา ตระกูลลู่ของนางแม้จะเป็นแค่ตระกูลของคหบดี แต่ก็มั่งคั่งมาก เย่ตงจื่อจึงได้แต่งนางเข้าจวนเพื่อความมั่งคั่งของตระกูล
ลู่เมิ่งนั้นมีบุตรสาวหนึ่งคนที่นางรักมากนามว่า ‘เย่ม่าน’ คุณหนูรองแห่งจวนตระกูลเย่ ซึ่งอายุห่างจากเย่ปิงปิงเพียงหนึ่งปีเท่านั้น เย่ม่านเป็นหญิงสาวที่มีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวานดั่งเช่นมารดา นางเป็นบุตรสาวที่เย่ตงจื่อรักมากคนหนึ่ง ไม่ว่าเย่ม่านต้องการสิ่งใด ทุกคนพร้อมจะยกให้นางทั้งสิ้น
“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่มาขอเข้าพบเจ้าค่ะ”
“ให้นางเข้ามาได้”
น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยตอบรับบ่าวหน้าห้อง ไม่นานเย่ปิงปิงก็เดินกรีดกรายเข้ามายังในห้องโถง ซึ่งมีเย่ม่านกำลังนั่งปักผ้าเช็ดหน้าอยู่ด้วยความตั้งใจ หญิงสาวที่มีใบหน้าอ่อนหวานเงยหน้ามองพี่สาวต่างมารดาด้วยความยินดี
“พี่หญิงใหญ่! มาหาท่านแม่มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ หรือว่าพี่หญิงใหญ่อยากได้สิ่งใดกัน พี่หญิงใหญ่สามารถแจ้งท่านแม่ได้เลยนะเจ้าคะ”
เย่ม่านวางผ้าในมือลง แล้วตรงเข้ามาเกาะแขนเย่ปิงปิงด้วยท่าทางที่สนิทสนม ใบหน้าอ่อนหวานแย้มยิ้มราวกับดอกไม้ที่ผลิบานในวสันตฤดู
“น้องรองของพี่ยังน่ารักเสมอ แต่เจ้าอย่าได้ลืมธรรมเนียมที่ควรพึงปฏิบัติเล่า เจ้าต้องคารวะพี่เสียก่อน หากผู้อื่นเห็นว่าเจ้าไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมอันดีงาม ผู้อื่นจะพาลตำหนิเจ้าและพาลมาตำหนิตระกูลเย่ และแม่รองได้ว่าไม่อบรมเจ้าให้ดี พี่เตือนเพราะเป็นห่วงเจ้าหรอกนะ”
เย่ปิงปิงแตะแขนเย่ม่านพร้อมรอยยิ้มหวาน หากมองภายนอกก็เหมือนพี่สาวที่กำลังสั่งสอนน้องสาวให้ปฏิบัติตัวให้ดี แต่ความรู้สึกของลู่เมิ่งกลับกำลังร้องเตือนว่าเย่ปิงปิงนั้นแปลกไป
“เอ่อ...เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่”
เย่ม่านผละตัวออกมา แล้วยอบกายคารวะเย่ปิงปิงอย่างอ่อนหวาน ส่วนเย่ปิงปิงก็คารวะลู่เมิ่งเช่นกัน
“ปิงเอ๋อร์มาหาแม่มีสิ่งใดหรือ”
“ลูกอยากจะมาขอกุญแจห้องเก็บสมบัติของท่านแม่เจ้าค่ะ บัดนี้ลูกได้เติบใหญ่จนสามารถดูแลกิจการของท่านแม่ และทรัพย์สินของท่านแม่ได้แล้ว ลูกจึงไม่อยากจะรบกวนแม่รองอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ ที่ผ่านมาที่แม่รองช่วยดูแลทรัพย์สินของลูกมานานหลายปี ลูกนั้นรู้สึกปลาบปลื้มใจมากเลยเจ้าค่ะ”
ปัง!!
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!”
ลู่เมิ่งที่เคยแย้มยิ้มพลันขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่นางจะตั้งสติได้ว่าแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกไป ใบหน้าที่บึ้งตึงจึงคลี่ยิ้มออกมา แสร้งพูดน้ำเสียงอ่อนหวาน
“เอ่อ...แม่คิดว่ายังเร็วไปที่ปิงเอ๋อร์ของเราจะเข้ามาดูแลกิจการเองนะ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ แม่จะส่งสมุดบัญชีทรัพย์สินให้เจ้าในอีกเจ็ดวันเพื่อให้เจ้าได้ตรวจดูบัญชีด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องกิจการที่แม่ดูแลอยู่แม่ค่อยส่งมอบให้เจ้าในภายหลัง”
“อืม...เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
เย่ปิงปิงลอบแสยะยิ้มในใจ ได้เห็นท่าทางที่ร้อนรนของลู่เมิ่งนางก็พึงพอใจแล้ว วันนี้นางเพียงมาหยั่งเชิงเรื่องที่นางสงสัยในอดีตเท่านั้น และก็เป็นจริงดั่งที่นางคิด ลู่เมิ่งที่แสร้งทำตัวเป็นแม่รองที่ใจดีนั้น แท้จริงแล้วแอบยักยอกทรัพย์สมบัติของนางไปมากมาย
มิน่าเล่านางถึงมีเงินมาใช้จ่ายไม่ขาดมือมากมายถึงเพียงนี้ นางในอดีตช่างโง่เขลานัก!
“เหตุใดพี่หญิงใหญ่ถึงอยากเข้ามาจัดการเล่าเจ้าคะ ให้ท่านแม่ของข้าดูแลก็ดีอยู่แล้ว พี่หญิงใหญ่จะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย แค่รอรับเงินที่ท่านแม่ส่งมอบให้ทุกเดือนก็สบายจะตายไปเจ้าค่ะ”
เย่ปิงปิงหันมาส่งยิ้มหวานให้กับน้องรองที่แสนร้ายกาจดั่งงูพิษ
“อายุพี่ถึงวัยที่ต้องเข้ามาจัดการงานด้วยตัวเองแล้ว ต่อไปพี่ก็ต้องแต่งงานออกเรือนไป หากบ้านสามีเห็นว่าพี่ทำการทำงานไม่เป็น เอาแต่เล่นสนุกไปวัน ๆ อย่างน้องรอง พี่คงได้ถูกตำหนิเป็นแน่ น้องรองเองก็ต้องเริ่มเรียนรู้งานเอาไว้บ้างแล้วนะ”
เย่ม่านกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความมึนงง นางรู้สึกว่ากำลังถูกพี่สาวตรงหน้าหลอกด่าอย่างไรอย่างนั้น หรือว่านางจะคิดมากไป เพราะนางยังคงเห็นเย่ปิงปิงแย้มยิ้มให้กับนางเช่นเดิม
สองแม่ลูกลอบสบตาส่งความนัยให้แก่กัน ถึงความเปลี่ยนแปลงของเย่ปิงปิง สตรีที่ถูกพวกนางชักจูงได้ง่าย ดูคล้ายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว
“เอ่อ...น้องยังเด็กนัก เมื่อถึงเวลาแม่จะสั่งสอนน้องเอง ว่าแต่เจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องนี้เท่านั้นหรือ”
“ย่อมไม่ใช่เจ้าค่ะ ลูกอยากขอตัดอาภรณ์วันงานชุดใหม่ด้วยเจ้าค่ะ”
“หืม...อาภรณ์ที่ตัดมาไม่ถูกใจเจ้าหรือ”
“ลูกคิดว่าอาภรณ์ชุดนั้นมันงดงามเกินไปเจ้าค่ะ ลูกเป็นเพียงบุตรีของท่านพ่อที่เป็นแม่ทัพใหญ่ หากสวมอาภรณ์สีแดงสดที่เดินดิ้นทองปักลายนกยูงรำแพนหางที่งดงามเช่นนั้น เกรงว่าอาจจะถูกผู้คนต่อว่าเอาได้ว่าไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”
“ผู้ใดจะกล้าต่อว่าพี่หญิงใหญ่เจ้าคะ อาภรณ์ผืนนั้นล้ำค่าเหมาะสมกับพี่หญิงใหญ่ของข้าที่สุดเลยนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นพี่ยกให้น้องรองดีหรือไม่เล่า”
เย่ม่านผงะไปด้วยความตกใจ ถึงแม้อาภรณ์ผืนนั้นจะงดงามจนนางอยากจะได้จนตัวสั่น แต่หากว่ากันตามจริงแล้วฐานะเช่นนางและเย่ปิงปิงดูจะไม่เหมาะสมนัก หากนางเป็นองค์หญิงหรือท่านหญิงก็ว่าไปอย่าง
“จะได้อย่างไรกันปิงเอ๋อร์ เจ้าล้อน้องเล่นเกินไปแล้ว เอาเถอะ ๆ เอาตามที่เจ้าว่ามาก็ได้ เช่นนั้นแม่จะเรียกช่างตัดเย็บมาให้เจ้าเอง”
ลู่เมิ่งรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย หากให้บุตรสาวของนางที่อ่อนหวานแต่งกายด้วยชุดสีแดงร้อนแรงเช่นนั้น เกรงว่าจะดูไม่ดีนัก
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่รอง ลูกคิดจะไปที่ร้านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นตามใจเจ้า”
ลู่เมิ่งลอบจิกเล็บด้วยความเจ็บใจ แผนการที่ต้องการทำให้เย่ปิงปิงถูกชนชั้นสูงในเมืองหลวงด่าทอในวันงานเป็นอันต้องล้มเหลวไป
“ลูกขอตัวนะเจ้าคะแม่รอง ขอบคุณมากนะเจ้าคะที่แม่รองยังคงตามใจลูกไม่เปลี่ยน”
“พูดอะไรเช่นนั้น แม่ย่อมต้องรักถนอมเจ้าอยู่แล้วสิ”
เย่ปิงปิงยอบกายคารวะแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม เรื่องราวในอดีตได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว ชาตินี้นางจะมิยอมทำตัวเป็นสตรีที่โง่งมอีก!!
คล้อยหลังที่เย่ปิงปิงเดินจากไป เย่ม่านก็รีบเข้ามาเกาะแขนมารดาแน่น สีหน้าที่คงความเรียบร้อยอ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดนังปิงปิงถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นแผนการที่ต้องการฉีกหน้ามันในงานวันเกิดก็ล้มเหลวน่ะสิเจ้าคะ ลูกไม่ยอมให้มันโดดเด่นในงานหรอกนะเจ้าคะ มันจะต้องถูกทุกคนก่นด่าสิเจ้าคะ”
ลู่เมิ่งตบหลังมือบุตรสาวให้ใจเย็นลง “อย่าได้ร้อนใจไป แม่ยังมีแผนที่เตรียมรับมือมันไว้อีกมาก แต่ตอนนี้แม่คงต้องไปเตรียมบัญชีของมันเสียก่อน ไม่คิดเลยว่านังโง่นี่จะคิดมาสนใจเรื่องนี้ได้”
“นั้นสิเจ้าคะ หรือมันจะระแคะระคายว่าท่านแม่แอบยักยอกเงินของมัน”
“ม่านเอ๋อร์!!”
“เอ่อ...ลูกขอโทษเจ้าค่ะ”
“พูดอะไรระวังปากไว้เสียบ้าง”
“ลูก ผิดไปแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
“ช่างเถอะ ๆ แม่จะไปจัดการเรื่องบัญชีของมันเสียก่อน เฮ้อ...วุ่นวายเสียจริง”
ลู่เมิ่งเดินหายเข้าไปยังห้องทำงานของตน นางยังมีเรื่องมากมายที่ต้องเร่งจัดการ เวลานี้สามีของนางก็ใกล้กลับมาที่จวนแล้ว รวมถึงเจ้าลูกเลี้ยงที่น่าตายผู้นั้นด้วย
เหตุใดไม่ตาย ๆ ไปเสียทีนะ นางกับลูกจะได้มีความสุขเสียที ไม่ต้องมาปั้นหน้าเสแสร้งแกล้งทำดีกับนังเย่ปิงปิงด้วย
เย่ปิงปิงนั่งรถม้ามาที่ร้านขายอาภรณ์ชื่อดังของเมืองหลวง นางได้พาซีซีสาวใช้ตัวน้อยช่างพูดมาด้วย ในตอนที่นางเดินเข้ามาในร้านนั้น คุณหนูและฮูหยินของขุนนางที่มาใช้บริการที่ร้านต่างมองมาทางนางเป็นตาเดียว
“เอ๊ะ! นั้นคุณหนูใหญ่เย่ใช่หรือไม่”
ฮูหยินขุนนางขั้นสามกระซิบถามสหายข้างกาย
“จุ๊ ๆ เจ้านี่ไม่ระวังปากเลยนะ หากเผลอไปทำให้นางไม่พอใจ เจ้าอาจจะถูกนางตบหน้าเหมือนกับคุณหนูสามจวนเว่ยก็ได้นะ”
“ทำไมคุณหนูใหญ่ถึงร้ายกาจนัก ไม่เหมือนคุณหนูรองที่เรียบร้อยอ่อนหวานเลย”
“นางคงไม่มีมารดาให้อบรมสั่งสอนละมั้ง คิกคิก”
ฮูหยินทั้งสองลอบกระซิบกัน พลางมองมาทางเย่ปิงปิงด้วยสายตาดูแคลน ซีซีที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองอยากจะต้องเข้าไปต่อว่านัก แต่จนใจที่นางเป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ ไม่มีอำนาจที่จะไปต่อกรกับคนที่มากล่าววาจาว่าร้ายคุณหนูได้
ซีซีลอบมองสีหน้าของเย่ปิงปิงด้วยความหวาดหวั่น แต่นางกลับต้องแปลกใจ คุณหนูของนางเพียงปรายตามองทั้งสองแล้วเดินผ่านไป ไม่ได้ต่อว่าหรือเข้าไปด่าทอเหมือนกับทุกครา
เย่ปิงปิงปรายสายตามองฮูหยินทั้งสองที่นินทานางอย่างโจ่งแจ้ง แต่นางไม่ได้คิดจะให้ค่าคำนินทานั้น แผ่นหลังเล็กตั้งตรงเป็นตระหง่าน ใบหน้าสวยหวานเชิดขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน
คุณหนูของนางได้เปลี่ยนไปแล้วหรือนี่?
เย่ปิงปิงได้แจ้งแก่หลงจู๊ของร้านว่านางต้องการตัดชุดใหม่ ดังนั้นนางจึงถูกเชิญเข้าไปนั่งรอยังห้องรับรอง นั่งรอไม่นานก็มีคนงานของร้านเข้ามาวัดตัว และนำผ้ามาให้นางเลือกมากมายสำหรับตัดชุด
“ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่เย่ต้องการให้ข้าน้อยปักลายอะไรดีเจ้าคะ”
“ดอกอิงฮวาเดินดิ้นสีทอง”
“เจ้าคะ?”
หลงจู๊มองมาด้วยความแปลกใจ ทุกคราคุณหนูใหญ่เย่จะชอบให้ปักลายนกยูงรำแพนหาง
“ส่วนอาภรณ์ข้าต้องการสีชมพูอ่อนผืนนี้”
เย่ปิงปิงหยิบอาภรณ์สีชมพูอ่อนที่ดูอ่อนหวานออกมาตรงหน้าหลงจู๊
“เอ่อ...คุณหนูใหญ่แน่ใจหรือเจ้าคะ”
“ใช่ จัดการตามนี้ด้วยนะ ข้าต้องการอาภรณ์ที่งดงามอ่อนหวานที่สุด หวังว่าหลงจู๊จะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ”
“คุณหนูใหญ่เย่โปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้คุณหนูต้องผิดหวังเป็นอันขาดเจ้าค่ะ”
“ดี”
เย่ปิงปิงคลี่ยิ้มบางเบา ก่อนจะจ่ายเงินแล้วลุกเดินจากไปพร้อมกับซีซี ในวันงานเลี้ยงวันเกิดปีที่ 18 นี้เอง นางจะทำให้ทุกคนประหลาดใจกับภาพลักษณ์ใหม่ของนาง
สตรีที่เคยสวมใส่อาภรณ์สีแดง และสีน้ำเงินเข้มที่ให้ความรู้สึกสง่างาม และดูน่าเกรงขามจะไม่มีอีกต่อไป นางจะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นสตรีอ่อนหวานดั่งเช่นน้องสาวเจ้ามารยา อยากรู้นักว่าหากเย่ม่านเห็นนางแต่งกายเช่นนี้จะทำสีหน้าอย่างไร?
แค่คิดก็สนุกเสียแล้ว...