ตอนที่ 9 อยู่ในกำมือ
เพื่อให้ดูสมจริง หลี่เยว่เล่อจำต้องพักรักษาตัวอยู่แต่ในเรือน ตนเองไม่ได้ออกไปไหนมาไหน แม้แต่ก้าวออกมาจากห้องสักครึ่งก้าวก็ไม่มี อาหารก็รับประทานอยู่ในเรือนตน ไม่ได้ออกไปรับประทานกับพวก ท่านพ่อท่านแม่
นางทำเหมือนว่าแค่ตกใจเล็กน้อยก็ถึงขั้นต้องเก็บตัวรักษากาย ทว่าความจริงแล้วนั้นนางกำลังครุ่นคิดเตรียมตัวจะเผชิญหน้ากับท่านอ๋องอย่างไรต่างหาก
จะเผชิญหน้ากับท่านอ๋องผู้นั้นแน่นอนว่านางต้องเตรียมความพร้อมทั้งกายและใจให้ดีจะไปทำอ่อนแออีกไม่ได้
แม้จะตั้งใจไปขอร้องแต่ก็จะให้อีกฝ่ายเห็นความอ่อนแออีกไม่ได้ นางต้องหลงเหลือเพียงแค่ความซื่อตรงและเปิดเผยเท่านั้น
เพราะแน่นอนว่าผู้สูงศักดิ์อย่างหย่งไห่ชินอ๋องนั้นย่อมไม่เพียงมองความเสแสร้งออกแต่ถึงขั้นมองได้อย่างขาดรอยเลยต่างหาก
อีกหลายวันผ่านไป จึงได้โอกาสนัดพบท่านอ๋องที่ริมทะเลสาบ โดยใช้ข้ออ้างออกมาว่าอยากเดินเที่ยวชมตลาดกลางคืน
“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นอย่างที่หม่อมฉันเล่าให้พระองค์ฟังเพ คะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หย่งไห่ชินอ๋องผู้นี้ หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดที่นางเล่าจนจบก็ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดแต่กลับจ้องมองมายังนางด้วยแววตาอ่านยาก
“หม่อมฉันรู้ว่า เป็นเรื่องที่ทำใจให้เชื่อได้ยาก”
“แน่นอนย่อมเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากจริงๆ เพราะเมื่อครู่เจ้าเพิ่ง บอกว่าตัวเองนั้นย้อนเวลากลับมาก่อนที่ทั้งสกุลจะถูกประหาร”
นางรู้ดีว่าเรื่องที่ตนเองย้อนเวลากลับมานั้นต่อให้พูดออกไปให้ ผู้อื่นผู้ใดฟังก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้โดยง่าย คงจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องที่ นางคิดหรือฝันไปเองเท่านั้น
“หากต้องสาบานด้วยชีวิต หม่อมฉันก็ยินดีเพคะ แต่ทุกสิ่งที่ หม่อมฉันเอ่ยกับพระองค์เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีสิ่งใดปกปิด หม่อมฉันแค่ต้องการปกป้องคนสกุลหลี่เท่านั้นเพคะ ขอท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วย” หญิงสาวเอ่ยขอความเมตตาเสร็จแล้วก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และคุกเข่าลงที่พื้นด้านหน้าท่านอ๋องทันที พร้อมก้มคำนับจนหน้าผากติดพื้น
ด้านชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจเห็นท่าทางของหญิงสาวที่ขอความเมตตาจากเขาก็ได้แต่มองไปที่นางด้วยแววตาครุ่นคิด
นางเอ่ยบอกเขาว่าตัวเองนั้นย้อนกลับมา กาลก่อนสกุลหลี่เกิดหายนะ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเชื่อ การย้อนเวลาจะมีอยู่จริงได้อย่างไร ใจหนึ่งอ๋องหนุ่มไม่เชื่อ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะเชื่อนาง เพราะท่าทีของหญิงสาวนั้นดูไร้หนทางและจนตอกอย่างที่ไม่ใช่ว่าบุตรสาวขุนนางผู้เพียบพร้อมและมีชีวิตสุขสบายตั้งแต่เด็กควรจะเป็น
“เปิ่นหวางไม่เชื่อเจ้า แต่จะขอเดิมพันกับเจ้าดูสักครั้ง” ชายหนุ่มเจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น “จากนี้เรื่องของสกุลหลี่จะมีเปิ่นหวางคอยปกป้อง รวมไปถึงเรื่องของห่านอี้เทียนเจ้าก็ไม่ต้องยุ่งอีก”
“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง” หลี่เยว่เล่อ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ
“เรื่องของสกุลหลี่แม้ว่าจะมีเปิ่นหวางค่อยเป็นกำบังให้อยู่อย่างลับๆ ทว่าหากสกุลหลี่ของเจ้ากระทำเรื่องใดที่ผิดจริง เปิ่นหวางก็ขอบอกเจ้าเอาไว้เลยคุณหนูสามว่าข้าจะเป็นคนบดขยี้ทั้งสกุลหลี่ด้วยตัวเองให้แหลกคามือ”
“สกุลหลี่ภักดีต่อฝ่าบาทและบ้านเมือง อย่างไรก็ไม่มีกระทำผิดแน่นอนขอท่านอ๋องวางใจเพคะ”
“ตัวของเปิ่นหวางไม่ได้ขาดตัวหมากที่ใช้งานได้ เพิ่มตัวหมากเช่นเจ้ามาอีกตัวถือว่าเป็นการฝึกฝนฝีมือเพิ่มความรื่นรมย์ในตัวเองเสียหน่อยก็แล้วกัน”
“ได้เป็นตัวหมากในมือท่านอ๋องถือเป็นเกียรติของหม่อมฉันเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี หวังว่าคุณหนูสามหลี่จะรู้ว่าตัวหมากที่ดี ย่อมยึดตามคำสั่งของผู้ถือตัวหมาก”
“หม่อมฉันทราบดีเพคะ ต่อจากนี้คำสั่งของท่านอ๋องถือเป็นคำประกาศิต ทุกคำสั่งหม่อมฉันย่อมทำตามโดยไม่บิดพลิ้ว”
“เช่นนั้นก็ดี”
ต่อรองกับพยัคฆ์มีสิ่งใดที่ทำได้นอกจากก้มหัวยอมรับแต่โดยดีเสียที่ไหน
หลังจากที่หลี่เยว่เล่อกลับมาถึงเรือนของตนก็ตรงเข้าไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างไม่เหลือมาดของคุณหนูบุตรสาวสกุลขุนนางเลย
นางปล่อยให้อาหวนเข้ามาช่วยถอดรองเท้าและเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้โดยที่ตัวเองไม่ได้ขยับเขยื้อน
“คุณหนู ท่านอยากจะทานอะไรรองท้องเสียหน่อยไหมเจ้าคะ มื้อเย็นท่านทานไปนิดเดียวเท่านั้น”
“ไม่ต้องหรอก ข้าอยากจะนอนเร็วหน่อยน่ะ”
“เช่นนั้นบ่าวจะช่วยท่านเปลี่ยนชุดนะเจ้าคะ”
“อือ”
อาหวนกับสาวใช้คนอื่นๆ ออกไปกันหมดแล้วในห้องนอนของ นางยามนี้มีเพียงแสงไฟสลัวๆ เท่านั้นที่สาดส่องออกมาจากตะเกียงที่อยู่ ไกลออกไปจากเตียงนอนของนาง
เมื่อรอบข้างเงียบสงบแล้ว ตัวนางได้อยู่คนเดียว สมองถึงนึกคิด เรื่องที่อยู่ในใจออกมา เรื่องนั้นก็คือเรื่องที่วันนี้ในที่สุด สกุลหลี่ก็ได้รับ การปกป้องจากหย่งไห่ชินอ๋องผู้มากด้วยอำนาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้จะต้องแลกด้วยการทำงานบางอย่าง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นงาน อะไรให้ท่านอ๋องก็ตามที
แต่หญิงสาวเองก็รู้ดีว่า สิ่งที่แลกเปลี่ยนกับสกุลหลี่ทั้งสกุลได้ ไม่มีทางเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยหรืองานง่ายๆ เพียงไม่กี่เรื่องอย่างแน่นอน
ณ จวนหย่งไห่ชินอ๋อง
เซียวหลิงหลางที่เพิ่งกลับมาจากวังหลวงหลังถูกรั้งให้อยู่รับประทานอาหารค่ำกับเสด็จพี่และเสด็จแม่แล้วนั้น พอมาถึงจวนก็ตรงเข้าไปที่ห้องหนังสือของตนในทันที
วันนี้เสด็จแม่กับเสด็จพี่ต่างก็กำลังหาทางรั้งเขาให้อยู่ที่เมือง หลวงให้นานอีกหน่อย ทั้ง ๆ ที่เขามาเมืองหลวงในครั้งนี้ก็เพื่อมาร่วมงาน วันคล้ายวันพระราชสมภพของฝ่าบาทเพียงเท่านั้น
ทว่ากลับมาถึงก็ถูกโยนงานเร่งอย่างเรื่องเขื่อนที่กำลังจะ ก่อสร้างมาให้อีกทั้งๆ ที่ฝ่าบาทเองก็รู้ดีว่าแค่เรื่องของเมืองศักดินาที่เขา ครอบครองอยู่ก็ดูแลได้อย่างเกือบจะตรึงมือแล้ว
“น้องพี่เขื่อนที่กำลังจะสร้างอยู่ติดกับพื้นที่ศักดินาของเจ้า ถือ ว่าเจ้าเข้าใจพื้นที่ได้ดี เจ้าก็ช่วยพี่ดูเรื่องนี้หน่อยเถิด”
ในสายตาของผู้อื่นต่างก็คิดว่าฝ่าบาทรักใคร่น้องชายอย่างเขา มากถึงขั้นยกศักดินาเมืองใหญ่มากมายให้ ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเพราะ ต้องการให้เขาช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์ต่างหาก
ภาษีส่วยต่างๆ ส่วนหนึ่งก็ต้องเก็บส่งเมืองหลวงอยู่ดีมิใช่หรือ ให้เขาครองทางใต้ทั้งปลอดภัยและมั่นคง เรื่องเล็กน้อยใหญ่ต่างก็ต้องผ่านตาของเขาก่อน เหนือหัวอย่างฝ่าบาทก็จะสบายขึ้น
รู้ว่าเขายุ่งยังยัดงานใหม่ให้ไม่หยุด ไม่พอยังจะรั้งตัวเขาเอาไว้ อยากให้อยู่เมืองหลวงต่อไปสักพักหลังจบงานเลี้ยงที่กำลังจะจัดขึ้น
เสด็จพี่องค์นี้ได้ทีจะเอาใหญ่เสียแล้ว ชายหนุ่มไม่คิดให้เป็นไป ตามพระประสงค์แต่อย่างใด หลังจากเสร็จงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพแล้วก็จะเดินทางลงใต้โดยเร็วทันที
