ตอนที่ 8 ใต้จมูกพยัคฆ์ 2
หลี่เยว่เล่อผู้นี้ลงทุนถึงขั้นแกล้งเป็นลมหมดสติล้มลงไปกับพื้น พระองค์ดูออกในทันที แต่ผู้ที่เป็นบิดาของนางอย่างเสนาบดีหลี่เจ๋อกับตกใจและมองไม่ออกว่านางไม่ได้หมดสติไปจริงๆ
พระองค์อาสาอุ้มคุณหนูหลี่ไปที่เรือนพักของนาง โดยไล่ให้เสนาบดีหลี่ไปตามคนเรียกหมอมาดูบุตรสาว ส่วนพระองค์ตามสาวใช้ที่นำทางไปส่งคุณหนูสามที่เรือนของนาง
สองเท้ามั่นคงก้าวตามสาวใช้ที่นำทางไปทิ้งระยะไม่ใกล้ไม่ไกลนัก สาวใช้ที่ทำหน้าที่นำทางก็คงร้อนใจไม่น้อยจึงไม่ได้หันมาสนใจพระองค์กับคุณหนูของนาง ทำเพียงนำทางไปเท่านั้น
“คุณหนูหลี่ แสร้งทำได้ไม่เลวทีเดียว ทำเอาเสนาบดีหลี่ร้อนใจไปหมด” เซียวหลิงหลางเอ่ยขึ้นเสียงเบาพอที่จะให้ตนและสตรีที่พระองค์อุ้มเอาไว้ในวงแขนได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น
“ท่านอ๋องโปรด...อย่าเพิ่งเอ่ยสิ่งใดกับท่านพ่อเลย” เจ้าของร่าง เล็กเอ่ยขึ้นอย่างต้องการขอความเมตตา
นางไม่รู้ว่าอ๋องสามผู้นี้รู้เรื่องอะไรของนางแล้วบ้างจึงได้เอ่ยครอบคลุมเอาไว้ก่อน
“สิ่งใดที่เจ้าว่า หมายถึงเรื่องที่เจอเจ้าที่ตรอกนั้นหรือเรื่องที่เจ้าจ้างนักฆ่าไปสังหารศิษย์ผู้นั้นของเขาล่ะ”
สิ่งที่นางนึกกลัวเป็นจริง ท่านอ๋องรู้ทุกอย่าง…
“...........” หลี่เยว่เล่อเงียบไปครู่หนึ่ง หัวใจนางตอนนี้เต้นระรัวด้วยความกลัวจนแทบจะเป็นลมไปจริงๆแล้ว
“สังหารขุนนางของราชสำนัก มีโทษเช่นไรคุณหนูหลี่คงไม่ต้องให้เปิ่นหวางบอกกระมัง” พระองค์กล่าวเสียงเรียบ
“หม่อมฉันทำไปด้วยความจำเป็นเพคะท่านอ๋อง หากต้องรับโทษก็ขอให้หม่อมฉันรับโทษเพียงคนเดียว ขอท่านอ๋องเมตตาปล่อยสกุลหลี่ไปด้วยเพคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่น ดวงตางามยามนี้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา
ร่างสูงเมื่อได้มองดูใบหน้างามที่เริ่มจะมีหยดน้ำตาไหลรินอาบแก้มนวลก็เอ่ยขึ้น “ปล่อยสกุลหลี่ไป ก็มิใช่ว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เสนาบดีหลี่ทำงานดี เป็นข้าราชการที่ซื่อตรงมาตลอด ยิ่งตอนนี้กำลังรับหน้าที่สำคัญอยู่เปิ่นหวางเองก็ไม่อยากกำจัดเขาในตอนนี้ แต่ก็ไม่อาจปล่อยเรื่องที่เจ้าทำไปได้เช่นกันคุณหนูหลี่ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าทำไปด้วยความจำเป็นเรื่องจำเป็นแบบไหนถึงได้ต้องจ้างสังหารขุนนางคนหนึ่งกัน”
“หม่อมฉันยินดีบอกท่านอ๋องทุกอย่างเพคะ หากจะแลกกับความเมตตาจากท่านอ๋องได้”
“เช่นนั้นเปิ่นหวางก็จะรอฟังคำของคุณหนูหลี่ก็แล้วกัน จากนี้เจ้าพักรักษาตัวดีๆ เรื่องนั้นเปิ่งหวางจะยังไม่บอกบิดาของเจ้า”
“ขอบคุณเพคะท่านอ๋อง”
เซียวหลิงหลางอุ้มนางมาถึงเรือนพักพอดี หลังจากที่วางนางลงที่เตียงก็กลับออกไปในทันที ปล่อยให้ร่างบางอยู่กับสาวใช้ที่ตอนนี้ตามกันมาเป็นขบวน
อีกอย่างเขารู้ดีว่าไม่ควรรั้งอยู่ในเรือนของสตรีนานไปแม้จะเป็นการช่วยเหลือเองก็ตาม
คิดว่าหลังจากวันนี้คนในจวนก็คงไม่พ้นถูกเรียกไปกำชับให้ปิดปากเงียบเรื่องที่เขาอุ้มคุณหนูของจวนกลับมาส่งถึงเรือนนอนของนางอย่างแน่นอน
“ท่านหมอ บุตรสาวข้านางเป็นอย่างไรบ้าง” หลี่เจ๋อเอ่ยถามขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าท่านหมอที่ตนเชิญมาลงมือตรวจบุตรสาว
“ท่านพี่ใจเย็นๆ ก่อนให้ท่านหมอตรวจดีๆ ก่อนเจ้าค่ะ” หลี่ฮูหยินเอ่ยกับสามีแม้ว่านางเองก็จะเป็นห่วงบุตรสาวไม่ต่างกัน
“ท่านเสนาบดีกับฮูหยินโปรดวางใจ คุณหนูนางไม่ได้เป็นอะไร มากเพียงแค่ตกใจเท่านั้นขอรับ ข้าจะจัดยาสงบใจให้นางต้มดื่มสักสอง ครั้งก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”หลี่ฮูหยินเอ่ยออกมาอย่างโล่ง ใจ
“ขอบคุณท่านหมอ ข้าจะให้พ่อบ้านส่งท่านหมอกลับ” หลี่เจ๋อ เอ่ย “พ่อบ้านเหลียงตามท่านหมอกลับไปแล้วนำยาของคุณหนูกลับมาด้วย”
“ขอรับนายท่าน”
หลังจากที่พ่อบ้านเหลียงพาท่านหมอออกไปแล้ว ในห้องจึงเหลือเพียงพวกเขาสามีภรรยาและบุตรสาวที่นอนไม่ได้สติ
“ไม่รู้ในสวนเมื่อครู่อาเล่อเห็นอะไร นางถึงขั้นตกใจจนหมดสติไปเช่นนี้” หลี่ฮูหยินเอ่ย
“ในสวนไม่แน่อาจมีงูหรือแมลงทำให้อาเล่อของพวกเราตกใจกลัวกระมัง ข้าจะสั่งให้คนตรวจดูสวนทั่วทั้งจวนให้หมด”
กว่าที่หลี่เยว่เล่อจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นช่วงค่ำ ตื่นมาก็เจอท่านแม่ที่อยู่เฝ้านางไม่ห่าง
ท่านแม่กล่าวว่าท่านหมอบอกว่านางหมดสติไปเพราะตกใจ ท่านแม่ยังถามอีกว่าตัวนางนั้นตกใจอะไรเป็นงูหรือตัวอะไรในสวนใช่หรือไม่
หญิงสาวตอบออกไปว่าตัวนางนั้นตกใจงูที่อยู่ๆ ก็เลื้อยมาจากไหนไม่รู้จนหมดสติไป แท้ที่จริงแล้วเหตุผลที่นางตกใจจนหมดสติไปก็เพราะว่าหย่งไห่ชินอ๋องผู้นั้นต่างหาก
ยามที่ต้องแข็งใจสนทนากับท่านอ๋องในยามนั้นหลี่เยว่เล่อแทบหยุดหายใจไปแล้วจริงๆ ในตอนนั้นที่นางแบกอยู่ไม่ใช่เพียงชีวิตตัวเอง แต่เป็นชีวิตของทุกคนในสกุลหลี่ที่นางรัก
เขาจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
หย่งไห่ชินอ๋องผู้นั้นสามารถทำได้จริงๆ แค่เพียงคำสั่งเดียวหากออกจากปากท่านอ๋องสกุลหลี่ก็จบสิ้นได้ทั้งสกุล จุดจบย่อมไม่ต่างไปจากครั้งก่อนที่นางแสนจะหวาดกลัว
นางรู้ตัวเองดีว่าตนเองนั้นไม่อาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินด้วยตัวเองได้ นางไม่ได้มีอำนาจอยู่ในมือยิ่งไม่เชี่ยวชาญเล่ห์เหลี่ยมกลโกงใดๆ มากพอ เพียงแค่นางคนเดียวคงเป็นไปได้ยากที่จะข้ามผ่านโศกนาฏกรรมนั้นไปได้
คงมีแค่หนทางเดียวแล้วที่อาจทำให้เรื่องราวทุกอย่างเปลี่ยนไป
ตัวแปรสำคัญที่แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าต้องเสี่ยงเดิมพันดูสักครั้ง อย่าง หย่งไห่ชินอ๋องผู้มากไปด้วยอำนาจบารมีผู้นั้น นางผู้นี้มีแต่ต้องหาทาง เกาะต้นไม้ใหญ่ต้นนี้เอาไว้ให้จงได้
