ตอนที่ 7 ใต้จมูกพยัคฆ์
“คุณชายคงเป็นแขกของท่านพ่อ...หลงทางหรือเจ้าคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามบุรุษตรงหน้า
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบกลับนางมา แต่กับมองมาที่นางนิ่งๆ ด้วยสายตาอ่านยาก “ประเดี๋ยวข้าจะเรียกคนให้นำทางคุณชายไปหาท่านพ่อนะเจ้าคะ” หลี่เยว่เล่อเอ่ยบอกเขาอีกครั้ง ในเมื่อเขาไม่คิดจะตอบที่นางเอ่ยถามหญิงสาวก็ไม่คิดที่จะรอคำตอบของเขาอีก นางหันหลังเตรียมตัวจะเดินไปตามบ่าวหรือสาวใช้สักคนที่อยู่แถวๆ นี้ แต่ก็เป็นอันต้องชะงักฝีเท้าเมื่อถูกเรียกจากด้านหลัง
“คุณหนูสามสกุลหลี่ หลี่เยว่เล่อ”
“คุณหนูสามสกุลหลี่ หลี่เยว่เล่อ”
เป็นประโยคเดียวกัน น้ำเสียงเดียวกันไม่ผิดแน่
หรือว่าชายชุดคำที่สวมหมวกปกปิดใบหน้าที่นางเจอในคืนนั้นก็คือบุรุษผู้นี้!!!
ครึ่งชั่วยามก่อน
“เรื่องเขื่อนที่กำลังจะก่อสร้างที่เหอตง ฝ่าบาทต้องการทราบรายละเอียดทั้งหมดของรายการสั่งซื้อและจำนวนเงินที่จะต้องใช้ เสนาบดีหลี่เร่งจัดการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุดได้เมื่อไหร่” เจ้าของน้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยถามขึ้น
“ใช้เวลาไม่เกินสามเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเสนาบดีหลี่เร่งให้เร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ เรื่องสร้างเขื่อนรอช้าไม่ได้ เปิ่นหวางให้เวลากรมคลังท่านทำงานสองเดือนเท่านั้น”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” หลี่เจ๋อจำต้องรับคำสั่ง เมื่อครู่อ๋องสามทำทีเป็นถามความเห็นของเขา ทั้งๆที่ความจริงแล้วทรงไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขาแม้สักครึ่งคำ เพราะในที่สุดท่านอ๋องก็ทรงเป็นผู้กำหนดเวลาด้วยตัวเองอยู่ดี
“เปิ่นหวางมารบกวนที่จวนโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เป็นการเสียมารยาทแล้ว”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนเล็กๆ ของกระหม่อมได้มีโอกาสต้อนรับการมาเยือนของท่านอ๋องถือว่าเป็นเกียรติพ่ะย่ะค่ะ” เขารีบเอ่ย พลางยิ้มแย้มแม้ในใจจะเกิดการโต้แย้งสุดๆ แต่ก็จำต้องยิ้มรับผู้มีอำนาจสูงกว่าอย่างเสียมิได้
ท่านอ๋องมาเยือนในวันหยุดโดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าคนก็เสด็จมาถึงหน้าจวนแล้ว นอกจากเชื้อเชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์นี้เข้าจวนมาแล้วเขาผู้เป็นขุนนางยังทำสิ่งใดได้อีก
ปฏิเสธหย่งไห่ชินอ๋องมีแต่คนเขลาเท่านั้นแหละที่ทำ
ยิ่งเรื่องปิดประตูไม่ต้อนรับแขกแล้วยิ่งไปกันใหญ่ หย่งไห่ชินอ๋องมีผู้ใดปฏิเสธได้ด้วยหรือ
“จวนขุนนางขั้นสองของราชสำนัก ไม่ถือว่าเล็กไปหรอก ระหว่างทางมาที่นี่มีดอกไม้ปลูกเอาไว้หลากหลายสวยงามทีเดียว เห็นได้ชัดว่าเจ้าของเรือนเอาใจใส่ภายในจวนเป็นอย่างดี”
“เรื่องนี้ต้องยกความชอบให้ฮูหยินกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ฮูหยินนางเลือกใช้คนดูแลสวนได้ดี ส่วนเรื่องดอกไม้ต่างๆที่ปลูกก็ล้วนอิงตามความชอบของบุตรสาวคนที่สามขอกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
“บุตรสาวคนที่สาม? เปิ่นหวางคิดว่าเสนาบดีหลี่มีเพียงบุตรชายสองคนเสียอีก”
“กระหม่อมมีบุตรสาวคนเดียวเป็นคนสุดท้อง คนโตและคนรองเป็นบุรุษพ่ะย่ะค่ะ”
“บุตรชายคนโตของท่านคงเป็นรองแม่ทัพหลี่เยว่ถิง เปิ่นหวางเคยได้ยินชื่อเสียงอยู่บ้างเป็นผู้มีความสามารถไม่น้อย คนรองของเสนาบดีหรือเล่ามีนามว่าอะไร”
“นามว่า หลี่เมิงพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่ในกรมคลังเช่นเดียวกับกระหม่อม” หลี่เจ๋อจำต้องเอ่ยตอบคำถามออกไป ทั้ง ๆที่ในใจรู้สึกอดแปลกใจไม่ได้ที่เรื่องลูกๆ ถูกเอ่ยถามขึ้นมาจากชินอ๋องผู้นี้ที่ในยามปกติแล้วไม่สนใจที่จะสนทนาเรื่องอื่นหากไม่ใช่เรื่องงานของราชสำนัก
“บุตรสาวท่าน...”
“หลี่เยว่เล่อพ่ะย่ะค่ะ นางเพิ่งสิบเจ็ดยังซุกซนไม่ต่างจากเด็กน้อย เวลาออดอ้อนแสนน่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง” ผู้เป็นบิดายิ้มกว้างยามเอ่ยถึงบุตรสาว เผลอลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่งว่าเวลานี้ตนนั้นอยู่ต่อหน้าชินอ๋องผู้สูงศักดิ์
เด็กน้อยของบิดาเหตุใดจึงขวัญกล้าจนถึงขั้นจ้างนักฆ่าไปสังหารคนกัน แถมคนผู้นั้นยังเป็นลูกศิษย์ของบิดาตัวเองอีกด้วย
เขาเองก็คิดว่านางไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นได้ หากว่าคืนนั้นไม่ได้พบกับนางด้วยตนเองอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเชื่อ
อะไรกันทำให้นางสามารถสั่งฆ่าคนได้ เหตุผลต้นเหตุคืออะไรกันแน่ เขาจะต้องรู้ให้ได้
ณ ปัจจุบัน
ร่างเล็กใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ บุรุษผู้นี้คือคนชุดดำในคืนนั้นที่ เอ่ยทักนางไม่ผิดแน่ เวลานี้เขาสามารถมายืนในจวนสกุลหลี่ได้อย่างสง่า ผ่าเผยย่อมเป็นผู้ที่นางไม่อาจมองข้ามได้
“คืนนั้น...เป็นท่าน”
“ครั้งนี้คุณหนูหลี่ ไม่ปฏิเสธแล้วหรือ” เซียวหลิงหลางเอ่ย เขา ยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างพอใจ
แค่ปฏิเสธหรือยืนกรานต่อไปใช้ไม่ได้อีกแล้ว
หลี่เยว่เล่อในตอนนี้รู้สึกราวกับว่าตนกำลังติดกับดักที่ไม่อาจหลบหลีกออกไปได้ ครั้นจะให้เผชิญหน้าก็มีเพียงทางเลือกเดียวให้เลือกนั่นก็คือเส้นทางแห่งความตาย
“ชินอ๋องทรงอยู่ที่นี่เองหรือพ่ะย่ะค่ะ อาเล่อเจ้าก็อยู่ด้วยหรือ”
ผู้ที่เพิ่งเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเร่งฝีเท้าก้าวเข้ามาหามิใช่ใครอื่น คือบิดาของนางเอง
เมื่อครู่ท่านพ่อของนางเอ่ยเรียกบุรุษผู้นี้ว่าอะไรนะ
นางไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม
ชินอ๋องอย่างนั้นหรือ ชินอ๋องหนึ่งเดียวแห่งแคว้นต้าเหลียงคือเขาผู้นี้ คนที่ไม่ควรเป็นปรปักษ์ที่สุดรองลงมาจากฝ่าบาท หรือแม้แต่ฝ่าบาทก็ยังรักเอาใจเป็นที่สุด
หย่งไห่ชินอ๋องหรือเซียวหลิงหลาง นามนี้หากเอ่ยออกมาย่อมไม่มีผู้ใดในแคว้นต้าเหลียงที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวอันเล่าลือกันด้วยความเคารพสรรเสริญถึงพระปรีชาสามารถในด้านการรบทัพจับศึก ควบม้าพิชิตสมรภูมิรบอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยวสง่างาม
พระชันษาเพียงสิบห้าหนาวก็นำทัพกำราบศัตรูเหนือใต้มิเคยปราชัย เก่งกาจทุกด้านจนชาวประชาพากันเรียกขานให้สมญานามว่ามัจจุราชเขี้ยวพยัคฆ์
ครั้งสิบปีก่อนฮ่องเต้เซียวหลงตี้เพิ่งขึ้นครองราชย์ก็ได้หย่งไห่ชินอ๋องผู้นี้เป็นกำลังสำคัญช่วยกำราบทั้งศึกในศึกนอกราชสำนักทำให้เกิดความมั่นคงได้อย่างรวดเร็ว
ชินอ๋องนั้นเป็นพระอนุชาร่วมพระมารดาเดียวกันก็คือซุนกุ้ยเฟ ยในอดีตฮ่องเต้องค์ก่อน
องค์ฮ่องเต้นั้นมีอำนาจล้นฟ้าแน่นอนว่าชินอ๋องนั้นก็ไม่ธรรมดา ซึ่งย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เพราะเรื่องหนึ่งที่ทุกคนในแคว้นต้าเหลียงต่าง ก็รู้กันเป็นอย่างดีนั่นก็คือฮ่องเต้เซียวหลงตี้นั้นรักและเอาใจพระอนุชา พระองค์นี้เป็นที่สุด ทรงประทานตำแหน่งชินอ๋องพร้อมประทานนาม นำหน้าให้ อีกทั้งในเมื่อพระอนุชาไม่อยากอยู่ที่เมืองหลวงก็ยังทรง พระราชทานเขตปกครองถึงสี่มณฑลสิบหกเมืองทางใต้ของแคว้นให้เป็น ศักดินาอีกด้วย
หย่งไห่ชินอ๋องผู้นี้ที่ผู้คนควรหลบเลี่ยงเป็นที่สุด แต่กลับเป็นผู้ที่ดูเหมือนจะรู้ความลับสำคัญของนางเข้าให้แล้ว
ไม่รู้เขารู้อะไรถึงขั้นไหน เรื่องที่นางจ้างมือสังหารเขาจะรู้แล้วหรือเปล่านะ
ในหัวของนางยามนี้เกิดคำถามขึ้นมากมาย ท่าทีของท่านอ๋องนั้นยังนิ่งสงบ พระองค์ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงมองมาที่นางเงียบๆ
ดูจากท่าทีของท่านพ่อแล้ว ท่านอ๋องน่าจะยังไม่ได้บอกเรื่องของนางออกไป
พลั่ก
เสียงร่างเล็กล้มลงไปกองกับพื้นในทันที
ใช่แล้ว...หลี่เยว่เล่อตั้งใจแกล้งเป็นลมหนีสถานการณ์ในตอนนี้
“อาเล่อ!!!”
