ท้อง?? แท้ง??
หลายอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ฉันกลับมาอยู่ที่ห้องของตัวเองเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีอาการอะไรบางอย่างที่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร ฉันโทรหาอิมเมจในวันรุ่งขึ้นที่ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเวียนหัวจนลุกไม่ขึ้น ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองเครียดมากเรื่องเสือจนทำให้เกิดอาการแบบนี้แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่
"แกจะทำยังไงต่อไปเดียร์"
"ฉันไม่รู้"
"แกควรบอกเสือนะ"
"อย่านะ"
"ทำไมล่ะเรื่องนี้เสือต้องรู้หรือเปล่า"
"แกอย่าลืมว่าตอนนี้ฉันกับเสือเลิกกันแล้วนะ"
"แล้วเธอจะยอมอุ้มท้องไปเรียนแบบนี้งั้นเหรอเดียร์"
"อีกไม่กี่เดือนก็ปิดเทอมแล้ว"
"หมายความว่าไงอ่ะ"
"ก็หมายความว่าฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับเสือ เขาจะไม่รู้ว่าฉันท้อง"
"ทำไมวะ"
"เพราะเขาไม่ได้รักฉันแล้วไงแกก็ได้ยินที่เขาขอเลิกกับฉันวันนั้น แกจะให้ฉันบากหน้าไปบอกเขาเหรอว่าฉันท้อง ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเคยพูดว่าเขาไม่อยากมีลูกเขากำชับฉันตลอดเรื่องกินยาคุมแต่ช่วงหลังมานี้ฉันยุ่งหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องของเสือฉันก็เลยลืมกินไปบ้างในบางวัน แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะท้องง่ายขนาดนี้"
"แล้วแกจะบอกพ่อกับแม่แกว่าไงเรื่องนี้"
"ก็คงต้องบอกไปตามตรงนั่นแล่ะ"
"แล้วพ่อแม่แกจะไม่โกรธไม่เสียใจเหรอวะ"
"ก็คงจะเสียใจก็คงจะโกรธแต่จะให้ทำไงได้ฉันทำตัวเองนี่นา ถ้าจะผิดก็ผิดที่ฉันเองฉันผิดทุกอย่าง"
"แกอย่าเอาแต่โทษตัวเองแบบนี้สิ แต่ไม่ว่ายังไงแกก็ยังมีฉันอยู่นะฉันจะอยู่ข้างแกเองจะเป็นกำลังใจให้แกจะคอยช่วยแกดูและเจ้าหนูน้อยในท้องของแก"
"แกอย่าลืมว่าแกต้องไปเรียนต่อ"
"เอออ จริงด้วยดิลืมไปเลยว่ะ เอางี้ฉันจะบอกป๊ากับม๊าว่าฉันจะไม่ไปเรียนต่อแล้วดีไหมฉันจะเรียนต่อที่นี่จะได้ดูแลแกได้"
"เห้ยยย อย่าทำแบบนั้นนะฉันขอร้องแกอย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่หรือผิดไปมากกว่านี่้ อนาคตของแกสำคัญมากเลยนะแกต้องไปเรียนต่อเอาปริญญากลับมาให้ได้เข้าใจไหมฉันกับลูกจะอยู่ที่นี่รอดูความสำเร็จของแกเข้าใจไหมอิม"
"อื้อออ"
เราสองคนนั่งกอดคอกันร้องไห้อย่างไม่อายสายตาคนไข้หรือหมอพยาบาลที่มองมาที่เราสองคน ส่วนเสือหลังจากที่เราสองคนเลิกกันเรื่องนี้ก็เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากเพราะไม่มีใครคิดว่าเราสองคนจะเลิกกันได้เพราะเราคบกันมานาน แต่คนที่ดูจะดีใจกับข่าวนี้ก็คงหนีไม่พ้นกระแตที่ตอนนี้ยังแสร้งทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของเสือและทุกคนที่ฉันเห็นแล้วก็ได้แต่ข่มใจไม่ให้โมโหมีบางครั้งกระแตเข้ามาหาเรื่องมาเยาะเย้ยถากถางด้วยคำพูดต่างๆ นาๆ แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปเพราะตอนนี้ฉันไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้วจะให้ไปตบไปตีมีเรื่องมีราวแบบเมื่อก่อนคงจะไม่ได้ตอนนี้ฉันทำได้แค่เดินเลี่ยงออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะตามหลังเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ฉันใจเย็นไม่วีนไม่เหวี่ยงก็คือลูกในท้องของฉันนั่นเองซึ่งตอนนี้ฉันไม่รู้หรอกนะว่าลูกของฉันจะเป็นชายหรือหญิงแต่ฉันก็รักแก รักตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้า เรื่องที่ฉันท้องฉันได้โทรไปบอกพ่อกับแม่แล้วซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ได้ดุหรือต่อว่าอะไรฉันทั้งนั้นท่านบอกให้ฉันดูแลตัวเองให้ดีกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อลูกในท้องฉันร้องไห้กับท่านขอโทษท่านที่ทำให้ท่านผิดหวังแต่ท่านก็บอกว่าท่านไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับฉันเลยสักครั้งท่านดีใจมากกว่าที่ฉันไม่คิดสั้นเอาเด็กออก ท่านบอกว่าถ้าเรียนจบก็ให้ฉันรีบกลับมาอยู่ที่บ้านถ้าฉันคลอดท่านก็จะช่วยฉันเลี้ยงเองไม่ต้องให้ฉันเครียดหรือกังวลใจอะไร ฉันโชคดีมากที่มีพ่อกับแม่ที่เข้าใจมีเพื่อนที่ดีอย่างอิมเมจแม้ว่าพ่อของลูกเขาจะไม่ได้รักฉันแล้วก็ตาม
จากวันนั้นที่เราเลิกกันเสือก็เปลี่ยนไปมากไม่เหมือนเสือคนเดิมที่ฉันรู้จัก ฉันเห็นเขาควงคนนั้นคบคนนี้ไม่ซ้ำหน้าโดยไม่สนไม่แคร์ว่าฉันจะรู้สึกยังไง ฉันทำได้แค่มองเขาอยู่ไกลๆ ทำได้แค่มอง มองพ่อของลูกที่กำลังมีความสุขกับผู้หญิงรอบกาย
"แกโอเคมั้ยวะเดียร์"
"อื้มมโอเคสิโอเคมากเลยล่ะ" ฉันพูดไปพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้ง ที่ฉันพูดฉันประชดหรอกนะมันไม่มีใครโอเคหรอกกับสิ่งที่เห็นแต่ฉันทำอะไรไม่ได้ไง
"อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะเรียนจบกันแล้วนะแกไม่ต้องทนเห็นอะไรแบบนี้อีกแล้วล่ะ"
"อื้มมมม ฉันจะทนมันให้ได้นะ โอ๊ะ โอ๊ยย" จู่ๆ ฉันก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาดื้อๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ พอฉันก้มลงไปมองที่ขาก็เห็นเลือดของตัวเองไหลออกมา
"อิม เลือด เลือด" ฉันพูดเสียงสั่นเมื่อเห็นเลือดของตัวเองที่ไหลออกมาจนมันเลอะขาไปหมด
"เห้ยยย เลือดจริงๆ ด้วย ทำไงดี ฮืออออ ฉันไปตามเสือก่อนนะ" อิมเมจกำลังจะลุกไปตามเสือแต่ฉันรีบจับแขนอิมเอาไว้ฉันไม่อยากให้เขารู้เรื่องนี้
"มะ ไม่ อย่าบอกเสือ โอ๊ะ แก แกพยุงฉันไปที่รถแล้วพาฉันไม่โรงพยาบาลที"
"ดะ ได้ ฮือออ ฉันกลัวอ่ะ แกอย่าเป็นอะไรนะเว้ยเดียร์" อิมพยายามที่จะพยุงฉันอย่างทุลักทุเลเพื่อไปที่รถแต่ในระหว่างนั้น
"เป็นอะไรเดียร์ เห้ยเลือด เลือดเธอออก"
"ขะ ขุน" เป็นขุนที่เดินมาเห็นเหตุการณ์พอดีเขาตกใจไม่แพ้กันที่เห็นอาการของฉันตอนนี้
"ขุนนายช่วยอุ้มเดียร์ไปที่รถเราหน่อยได้ไหมฉันจะพาเดียร์ไปโรงพยาบาล" อิมขอร้องขุนซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือฉันต้องไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
และในที่สุดฉันก็มาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเพราะความช่วยเหลือของขุนที่เขาอาสาขับรถมาส่งเพราะเขาเห็นว่ายัยอิมกำลังสติแตกถ้าให้ขับพาฉันมาโรงพยาบาลคงจะไม่ถึงง่ายแน่ๆ
"ตอนนี้คุณแม่ต้องนอนเฉยๆ ห้ามขยับตัวนะคะเพราะอาจจะทำให้แท้งได้เพราะตอนนี้คุณแม่มีภาวะแท้งคุกคาม"
"แท้งคุกคามเหรอคะ" ฉันตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำนี้ แม้จะไม่เข้าใจแต่มันก็ฟังดูน่ากลัวมาก ฉันกลัวมากกลัวว่าลูกจะไม่อยู่กับฉัน ฉันเอามือลูบท้องตัวเองไว้เพื่อให้สัมผัสนี้มันส่งไปถึงลูกที่อยู่ในท้อง ลูกต้องไม่เป็นอะไรนะลูกหนูต้องอยู่กับแม่นะ
"ค่ะ อาการนี้มักจะเกิดกับคุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์แถมร่างกายของคุณแม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงด้วยตอนนี้คุณหมอให้นอนดูอาการก่อนเพื่อประเมินอาการของคุณแม่กับน้องคุณแม่ห้ามเครียดนะคะทำใจให้สบายห้ามคิดมาก ห้ามลุกเดินไปไหนตามลำพังห้ามยกของหนักด้วย ทางที่ดีให้คุณพ่อมาอยู่ด้วยมาช่วยดูแลด้วยก็จะดีมากๆ เลยค่ะ^^"
"คุณพ่อเหรอคะ.." ฉันรู้ว่าคุณพี่พยาบาลหมายถึงพ่อของลูก
"ค่ะ ช่วงนี้คุณแม่ต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ เอ่อไม่ทราบว่าคุณเป็นสามีหรือเปล่าคะ" พี่พยาบาลหันไปถามขุนที่ยังยืนอึ้งกับสิ่งที่เขาเพิ่งรู้
"อะ เอ่ออ คือออว่าาาา"
"คนนี้ไม่ใช่พ่อของเด็กหรอกค่ะคุณพี่พยาบาล เค้าเป็นเพื่อนน่ะค่ะ" อิมเมจตอบแทนฉันไปแล้ว
"อ้าวเหรอคะ เอ่อขอโทษด้วยนะคะ" พี่พยาบาลรีบขอโทษฉันทันทีที่เข้าใจผิดคิดว่าขุนคือพ่อของลูก
สรุปแล้วเรื่องที่ฉันท้องก็มีขุนอีกคนที่รู้และฉันก็ขอร้องไม่ให้ขุนบอกเรื่องนี้กับเสือ