บทที่ 2 เด็กใหม่ 1
“เสร็จแล้ว โห... แกนี่แต่งหน้าขึ้นเหมือนกันนะน่าน หน้าสดแกก็เข้าขั้นสวย พอลองแต่งหน้าจัดๆ แล้วยังรอดอีก แกนี่มันมนุษย์เป็ดเกรดพรีเมี่ยม!”
คนได้รับฉายาใหม่หลุดยิ้มกับสีหน้าท่าทางของพี่เลี้ยงรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมห้องกันอีก น่านนาราไม่คิดเลยว่าอรนีหรือคนในที่ทำงานเรียกว่าอนนี่จะมีมุมเป็นสาวตลกแบบนี้ด้วย เพราะปกติแล้วเธอมักจะเจออีกฝ่ายในมุมของสาวแว่นเด็กเคร่งเรียนตัวตึงในการเข้าชิงเกียรตินิยมของคณะการตลาด
“ยิ้มอะไรยะ” คนมีฐานะเป็นช่างแต่งหน้าและพี่เลี้ยงจำเป็นเอ่ยถาม จริตจะก้านของอรนีในยามนี้ไม่เหมือนยามที่อยู่ในห้องเรียนเลยแม้แต่นิด
“ขอบใจนะนี เธอช่วยฉันได้เยอะจริงๆ” น่านนาราเอ่ยบอก เธอรู้สึกซาบซึ้งใจกับคำชวนของรูมเมทจริงๆ
ในเวลาที่เธอมืดมน หนทางข้างหน้ามีมากมายแต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน อรนีก็เข้ามาและจับมือเธอมาสู่เส้นทางที่มองเห็นเป็นรูปเป็นร่างที่สุด ท่ามกลางเส้นทางอื่นๆ อีกล้านแปดเส้นทาง
ที่สำคัญคือมีอีกฝ่ายร่วมเดินทางอยู่ไม่ไกลด้วย
“มาขอบจงขอบใจอะไรล่ะ ฉันแค่พาเธอมาที่นี่เองนะ ส่วนเรื่องการสมัครงานหรืองานที่จะทำเธอเป็นคนเลือกเองทั้งนั้น ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
“แต่อย่างน้อยเธอก็ช่วยพาฉันมาไง ถ้าไม่ใช่เธอที่พาฉันมา ป่านนี้ฉันก็คงนอนคิดมากอยู่ที่ห้อง เครียดหนักว่าจะเอายังไงกับชีวิตและหนี้ก้อนโตดี บอกตามตรงนะนี ฉันไม่เคยรังเกียจอาชีพใดๆ ในโลกเพราะฉันเข้าใจว่าทางเลือกคนเราย่อมแตกต่างกัน บางสิ่งบางอย่างมันก็ได้ถูกเลือกเพราะความจำเป็นบีบบังคับอะไร แต่มันเป็นความสมัครของคนคนหนึ่งที่จะทำ”
“แล้วเธอไม่กลัวว่าการทำงานเป็นสาวพีอาร์หรือเด็กนั่งดริ้ง จะถูกคนมองว่าขายตัวเหรอ?” อรนีรู้ว่าคำถามที่ตนเองถามไปนั้นมันละเอียดอ่อนมาก
แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกอาชีพล้วนแล้วแต่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป บนถนนเส้นนี้น่านนาราคือมือใหม่ หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอเกรงว่าอาจจะอยู่ไม่ได้นาน
ยิ่งไปกว่านั้นคืออาจจะหายไปพร้อมกับรอยแผลลึกในใจ...ที่มาจากคำพูดของผู้คน
“ไม่” น่านนาราเอ่ยตอบด้วยสายตาที่แน่วแน่ “เรื่องผิดชอบชั่วดีมีแค่ตัวฉันเองที่ตระหนักรู้เป็นอย่างดีก็เพียงพอแล้ว คำพูดหรือวาจาของคนอื่นที่ไม่สำคัญไม่มีผลต่อฉันหรอก” หญิงสาวเอ่ยตอบแล้วส่งยิ้มให้เพื่อน
“นี ก่อนหน้านี้พวกเรามีเวลาคุยกันน้อยเกินไป ทั้งเรื่องเรียนเรื่องงานเยอะแยะเต็มไปหมด แต่หลังจากนี้เราคงจะได้คุยกันมากขึ้น พอถึงตอนนั้นเธอเองก็คงจะได้รู้ว่าฉันไม่ใช่คนแบบที่เธอเห็นก็เป็นได้”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว คนเราไม่ควรไร้พิษสงจนเกินไป เพราะโลกนี้ไม่มีแค่ทุ่งลาเวนเดอร์เท่านั้นที่ใช้เป็นทางเดิน”
แต่งหน้าเสร็จอรนีก็หาเสื้อผ้าของตนเองมาให้เพื่อนได้ลองใส่ โชคดีที่พวกเธอมีส่วนสูงและรูปร่างใกล้เคียงกัน น่านนาราจึงใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นเหนือเข่าสีดำของอรนีได้อย่างพอดิบพอดี
“แหมๆ ฉันเพิ่งรู้นะน่านว่าแกซ่อนรูป โวะ! ลูกเท่าโตแมงแตงโมเลยอะ” อรนีเอ่ยเกินจริงทั้งยังทำหน้าทำตาตื่นตะลึง
“เว่อร์ ขนาดนั้นเมื่อไหร่กัน ฉันมีเยอะกว่าเธอนิดเดียวเอง” น่านนาราว่า น้ำเสียงนั้นไม่ดังมากเพียงพอแค่ให้ได้ยินกันสองคน อีกทั้งตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว พนักงานคนอื่นๆ ในตำแหน่งเดียวกันที่ควรไปทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อรายได้ของตัวเองก็ออกไปหมดแล้ว ในห้องแต่งตัวเวลานี้จึงเหลือเพียงคู่เพื่อนหญิงสองคนเท่านั้น
แต่โบราณกล่าวไว้ว่า...พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา แต่งานนี้โจโฉไม่ได้มา แต่กลับเป็นคนที่ไม่ค่อยเป็นมิตรมาแทน
“นี่น่ะเหรอเด็กใหม่ที่เจ๊แขพูดถึง...ก็งั้นๆ” คนมาใหม่เอ่ยพร้อมกับมองเด็กใหม่ด้วยสายตาเชิงเหยียด
“...” น่านนารานั่งนิ่งไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเธอ แต่เธอไม่มีความเป็นที่จะต้องเดือดร้อน ผู้หญิงทุกคนมีความงามที่แตกต่างกัน ซึ่งจุดนี้มันก็แล้วแต่คนจะมอง และสิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับการทำงานในอาชีพนี้นั่นก็คือความพึงพอใจของลูกค้าผู้เป็นเจ้าของเงิน ไม่ใช่คนที่ทำหน้าที่ในตำแหน่งเดียวกันจะมาตัดสินอะไรแทนได้
“ไปกันเถอะ” อรนีเองก็เป็นอีกคนที่เลือกจะไม่ตอบโต้คนมาใหม่ ด้วยเพราะเธอคิดว่าการต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายนั้น...ช่างเป็นการสิ้นเปลืองเวลาสิ้นดี
ใครๆ ก็รู้กันทั้งร้านว่าแอรินเคยเป็นดาวดวงเด่นของเรอเนส คลับแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นที่นิยมมากในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทว่าหลังจากที่เกิดกรณีลูกค้าทะเลาะวิวาทกันเพื่อแย่งตัวเธอ แอรินก็ไม่เคยได้กลับมาป๊อปปูล่าในหมู่ลูกค้าวีวีไอพี หรือวีไอพีอีกเลย
ซึ่งสาเหตุก็เพราะลูกค้าที่เคยทะเลาะกันแย่งเธอนั้น นอกคลับเขาได้กลายเป็นพี่เขยกับน้องเขยกันไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นภรรยาของพวกเขาทั้งสองยังรู้เรื่องที่พวกมาเขาแอบมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ เพราะเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ด้วย