ตอนที่ 7 ใคร 1
ศลิษานั่งเล่นอยู่นานจนเฟรเดอริคลงมาตามด้วยตัวเอง พนักงานหลายคนที่ไม่ค่อยได้เห็นผู้เป็นเจ้านายลงมาข้างล่าง ส่วนใหญ่เขาจะสั่งงานผ่านผู้ช่วยคนสนิทของเขามาเท่านั้น
หญิงสาวที่ตั้งใจจะหาข้ออ้างไม่กลับขึ้นไปก็เป็นอันต้องล้มเลิกความตั้งใจ เมื่อเขาตรงมาจับข้อมือเล็กแล้วดึงเธอจนแทบจะลากให้ขึ้นไปชั้นสองด้วยกัน
ธาวินมองตามร่างลูกมือของตัวเองก็ได้แต่ถอนใจ เขายอมรับว่าศลิษาสวยมาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะถึงขนาดที่เฟรเดอริคจะมาถูกใจ
“อะไรเหรอพี่วิน” พนักงานเสิร์ฟสาวที่เห็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อประจำร้านมองตามหลังผู้เป็นเจ้านายไป ถามเขาด้วยความสงสัย
“พี่ว่านะ ยัยลิษารอดมือนายยากแล้วล่ะ”
“หือ พี่ลิษาทำไมนะ”
“ช่างเถอะ ไปทำงานไป คนเยอะแยะ”
ค่าๆ ขี้บ่นจัง”
“ถ้าไม่ให้ฉันทำงานก็ให้ฉันกลับบ้านได้แล้วค่ะ ฉันจะกลับไปนอน” ศลิษาพูดอย่างหงุดหงิด เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง
“กลับไม่ได้แล้วล่ะ ตึกที่เธออยู่ฉันซื้อแล้ว”
“.....!!!!!”
“กลับกับฉัน”
“คุณจะบ้าเหรอ” หญิงสาวร้องวี้ดอย่างไม่เข้าใจ
“รอเงียบๆจะดีกว่านะ..... คุณรออยู่ในห้อง ปิดล็อกให้สนิท ถ้าผมไม่ได้เปิดเข้าไปคุณห้ามเปิดเด็ดขาด ห้องนี้เปิดได้จากข้างในกับลายนิ้วมือผมเท่านั้น” เฟรเดอริคพูดเสียงเรียบ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นในกล้องวงจรปิดที่หน้าจอโชว์อยู่ ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังเข้ามาภายในผับ
ชายหนุ่มดึงให้คนตัวเล็กกว่าเดินตามเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวที่จะเปิดประตูได้จากในห้องทำงานเท่านั้น เขากำชับหญิงสาวน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะออกไปโดยไม่ลืมหยิบปืนจากลิ้นข้างประตู
“อะไรวะ” ศลิษาพึมพำเบาๆสีหน้าไม่เข้าใจ
ศลิษามัวแต่หงุดหงิดเลยไม่ทันได้มองว่าชายหนุ่มได้หยิบปืนออกไปด้วย เธอมองไปรอบๆห้องก็เห็นจอขนาดใหญ่จึงเดินไปกดเปิด คาดเดาว่าน่าจะเป็นหน้าจอที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วเธอก็คิดถูก ภาพที่ปรากฎขึ้นจอให้เธอเห็นคือภาพของจุดต่างๆของผับ
ดวงตากลมโตมองหน้าจอผ่านๆ แต่ก็ไปสะดุดตาตรงภาพที่ฉายภาพชั้นล่าง บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นมายังชั้นสอง ราวกับตอนนี้กำลังมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ชายชุดดำใส่สูทหลายคนกำลังยืนอยู่เต็มบริเวณ แขกถูกกันออกไปยังอีกฝั่งของผับ ที่หน้าบันไดขั้นสุดท้าย ร่างของเขากำลังเดินลงไปด้วยท่าทางสบายๆแต่แฝงความน่าเกรงขามเอาไว้
“อย่างกับพวกมาเฟียอย่างนั้นแหละ.....” เจ้าของเสียงหวานใสพึมพำ ก่อนจะเอะใจ มองภาพที่เห็นอย่างพิจารณาอีกครั้ง
หญิงสาวลุกขึ้นเดินสำรวจภายในห้อง เธอเปิดลิ้นชักต่างๆ ตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง จนมาหยุดอยู่ที่ลิ้นชักชั้นวางของที่อยู่ข้างประตู มือเล็กเปิดมันโดยไม่ได้คาดหวัง ของสีดำวางเรียงอยู่หลายชิ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ปืน!!!”
ศลิษามีอาการตื่นตระหนก ในสมองหวนนึกไปถึงอาการที่เขาแสดงออกและสิ่งต่างๆที่เขาทำ เธอคิดว่าเป็นเพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมากคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดที่เขาจะเป็นมาเฟีย
ที่ด้านล่างของผับ หลังจากที่เฟรเดอริคเดินลงมาถึงด้านล่างก็เผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขัดขากันอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยไประรานอีกฝ่าย ที่สำคัญคือปกติตัวเขาจะไม่ออกหน้าเองอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน อีกฝ่ายมาบุกถึงถิ่นเขา อีกทั้งตัวของ ‘แอชตัน’ ก็มาหาเขาด้วยตัวเอง
“ไง” เสียงแหบห้าวทักทายก่อนสมกับเป็นผู้มาเยือน
“มีธุระอะไร” เฟรเดอริคกลอกตาเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทีของผู้มาเยือน
“ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ต้อนรับดีๆหน่อยเหรอ” แอชตันยังคงยียวนอยู่
ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วโบกมือเป็นเชิงสั่งให้ลูกน้องแยกตัวกันกลับไปทำงาน ส่วนตัวเขาพยักหน้าเรียกให้แอชตันเดินตามเขาขึ้นไปที่ชั้นสอง และตรงไปยังห้องวีไอพี
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงใหญ่ก็ตรงไปหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา สายตาคมดุมองร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายที่เป็นลูกครึ่งเหมือนกับเขานั่งลงแล้ววางปืนลงบนโต๊ะกระจก
“ฉันมาเจรจาสงบศึก”
“หืม กินยามาผิดเหรอ หรือเมียทิ้งมา”
“ปากหมา ยังไม่มีเมียโว้ย”
“แล้วนึกยังไงจะสงบศึก”
“ฉันได้ข่าวมา ตอนนี้ทางเยอรมันมีเด็กใหม่เพิ่งเปิดตัว ห้าวจนเหยียบเท้ารุ่นใหญ่ไปหลายราย ฉันคาดเดาว่าหลังจากเด็กใหม่โดนเล่น มันจะเริ่มหันมาข้ามเส้นกันเอง เก็บกวาดเพื่อขึ้นเป็นใหญ่” แอชตันอธิบายให้เฟรเดอริคฟังด้วยความหนักใจ
“ฉันไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร นายก็รู้” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ฉันรู้ แต่องค์กรของนายกับฉันรวมกัน มันใหญ่พอที่จะโค่นพวกนั้น หากพวกมันคิดจะล้ำเส้น”
“อ้อ เอาฉันเป็นแบ็ค ว่างั้น” เฟรเดอริคเริ่มคิดตาม แต่ก็ยังแกล้งกวนประสาทแอชตัน
“นายก็คิดเยอะไป ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”