ตอนที่ 2.ล่องเรือหนีตาย
ตอนที่ 2.ล่องเรือหนีตาย
พบูเดินทางมาถึงท่าเรือก่อนเวลาเรือออกหลายชั่วโมง เธอมองหาที่นั่ง นั่งกอดกระเป๋าเหมือนเด็กหลงทาง พบูไม่กล้าเดินเพ่นพ่าน เธอพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด และพยายามไม่ให้ตัวเองตกเป็นเป้าสายตา เธอใช้ฮู๊ดคลุมหน้าไว้ ปกปิดร่องรอยของตัวเองด้วยแว่นกันแดดราคาถูกอีกครึ่งหน้า
เสียงท้องพบูร้องดังโครกคราก เธอหลับตาพึมพำปลอบใจตัวเอง
“อดทนไว้ไอ้บู บนเรือนั่นมีอาหารอร่อยๆ รออยู่ หากทนถึงตอนนั้นได้ จะกินให้พุงแตกเลยก็ได้”
พอใกล้เวลาที่เรือจะออก ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วไว้ก็ทยอยเดินทางมาถึง พอเรือเทียบท่า สะพานเรือทอดลงมาที่ฝั่ง ผู้โดยสารที่ตั้งตารอก็เดินไปอออยู่ใกล้ๆ รวมทั้งพบูด้วย
ในกลุ่มคนแปลกหน้าแต่งตัวสวยงาม แต่ละคนเตรียมตัวมาเที่ยวเต็มที่ มีทั้งแบบเป็นกลุ่มและมาเป็นคู่ คงมีแค่พบูที่ฉายเดี่ยว แถมยังแต่งตัวปิดมิดชิด
พบูเดินตามคนกลุ่มใหญ่ขึ้นไปบนเรือ หลังตรวจตั๋ว พบูก็ได้ห้องพักแคบๆ ห้องหนึ่งเป็นที่พักตลอดการท่องเที่ยวทางทะเลครั้งนี้ เธอถอดเสื้อแขนยาว ถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะอเนกประสงค์ตัวเดียวในห้อง มองผ่านบานหน้าต่าง พร้อมกับถอนใจแรงๆ
เจ็ดวันต่อไปนี้ เธอปลอดภัยแน่ๆ
ช่วงนี้เธอควรใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่า เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแสนพิเศษให้ได้เยอะๆ ไหนๆ เธอก็มีเวลาช่วงสั้นๆ ที่มีความสุขสักครั้ง
พบูทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียงนอนแคบๆ เธอมองเพดานสีขาว กำแพงสีขาว และเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่เป็นสีขาวทั้งหมดตาลอย
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดึงความสนใจของพบู
“อาหารมื้อแรกเริ่มตอนสิบนาฬิกานะคะ” เสียงที่ดังเล็ดลอดเข้ามา คงเป็นใครสักคนที่เป็นพนักงานบนเรือนั่นแหละ ตอนนี้พบูหิวจนแสบท้อง เธอยกข้อมือมองเวลา เหลืออีกหลายชั่วโมงเลยกว่าเธอจะมีอาหารตกถึงท้อง
เธอไม่ควรมานอนโง่ๆ อยู่ตรงนี้
พบูควรไปสำรวจเรือ และชมทิวทัศน์ที่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสด้วยตาตัวเอง
ตอนนี้เธออยู่บนเรือที่กำลังเคลื่อนที่ช้าๆ แต่ออกจากท่าเรือมาได้สักพัก พบูไม่ต้องกังวลเรื่องกลุ่มคนที่ไม่หวังดีกับตัวเอง เธอกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ฉวยกระเป๋าที่วางอยู่บนพื้นมาวางข้างตัว แล้วก็ควานหาชุดใส่สบายสักตัว อย่างน้อยก็ไม่แปลกตาสำหรับคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่
น่าจะเป็นชุดเก่งของพบู กางเกงขาสั้นใส่สบายกับเสื้อยืดสีสรรสดใส พบูโคลงศีรษะ นอกจากรองเท้าผ้าใบเก่าๆ แล้ว เธอไม่เคยมีรองเท้าแบบอื่นเลย ทั้งที่ตัวเองทำงานเป็นพนักงานร้านขายรองเท้าแท้ๆ นั่นเป็นเพราะราคารองเท้าที่เธอขาย มันแพงเกินไปสำหรับเธอ
ภายนอกห้องพัก ทางเดินจากที่พักวกวนนิดหน่อย
แต่พบูพอจะจำทางได้ เธอเดินตามเส้นสีขาวสะท้อนแสงบนพื้น จนกระทั่งมาโผล่ที่ดาดฟ้า มีผู้คนนั่งเล่นเดินเล่นพอสมควร แต่ที่น่าสนใจกว่าคือสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีผู้คนนอนเล่นบนเก้าอี้สนามที่เรือสำราญมีให้บริการ
พบูเดินเข้าไปใกล้ แต่เก้าอี้นั่งเต็มเสียแล้ว เธอเดินเลยไปที่ริมสระ เอื้อมมือไปแตะน้ำใสเย็นฉ่ำ แล้วก็ทรุดนั่ง ใช้ปลายเท้าเขี่ยผิวน้ำเล่นๆ
“นี่เธอ!! เขาไม่ให้คนไม่สวมชุดว่ายน้ำลงสระ ไม่รู้หรือไงหะ!!” ใครบางคนพูดเสียงดังอยู่ด้านหลัง
พบูสะดุ้ง!! เธอชักเท้าขึ้นมาจากน้ำ เธอไม่ได้ตั้งใจจะลงไปในสระสักหน่อย เธอแค่อยากสัมผัสน้ำใสๆ ที่มองจนเห็นก้นสระแค่เล็กน้อย เธอแค่อยากนั่งแช่ขาเล่นน้ำเท่านั้นเอง
“ขอบคุณค่ะ ฉันฟังภาษาคนรู้เรื่อง” พบูเปรยเสียงแข็ง ยืดตัวยืนตรง
เธอเชิดหน้าแล้วหรี่เปลือกตามองต่ำ เธอรู้ตัวเองดีว่าการทำกริยาแบบนี้ในสายตาคนอื่นคือการยั่วโทสะดีๆ นั่นเอง แต่ครั้งนี้พบูกลั้นความไม่พอใจไว้ไม่อยู่ ผู้ชายตรงหน้า และแววตาของเขาแฝงการดูแคลนที่เจ้าตัวจงใจให้เธอเห็น ดังนั้นเธอเลยอยากตอบโต้ไปบ้าง
การที่เธอจนมันหนักส่วนไหนของคนอื่นหรือไงหะ?
พบูอยากตะโกนถาม แต่เธอยั้งปากไว้ทัน เธอปรามตัวเองในใจหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่เคยทำได้สำเร็จ ตั้งแต่เหยียบขึ้นมาบนเรือสำราญลำนี้ นี่เป็นอีกครั้งที่คนแปลกหน้าสะกิดต่อมโมโหของเธอ