ตอนที่ 1.ความซวยกระทบหัวไหล่..
เธอกระตุกหนวดและฉีกหน้าใครบางคนเข้า ความพยาบาทนั่นชักพาให้พบูต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์สุดกระอักกระอ่วนยิ่งกว่า
พบูพยามเดินช้าๆ ให้ตัวเองใจเย็นขึ้น เธอเดินมาได้สักพักก็เริ่มหิว เธอกวาดตามองหาอาหารราคาถูก ที่สตางค์ในกระเป๋าของเธอตอนนี้พอจะซื้อได้ แต่คงเป็นเรื่องยาก เพราะไม่ว่าอาหารหรือสินค้าในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็เกินกำลังเธอทุกชิ้น เธอล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จ้องธนบัตรที่เหลือน้อยนิดแล้วคำนวนรายจ่ายจนกว่าเธอจะหางานใหม่ได้ เธอคงต้องรัดเข็มขัดมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
“เชิญทางนี้ค่ะ ถ้าใครกินเกี๋ยวเตี๋ยวชามยักษ์นี่หมดภายในสิบนาที กินฟรีพร้อมกับมีรางวัลใหญ่ให้ค่า”
เสียงเอะอะ กับคนจำนวนมากดึงดูดสายตาพบูเข้าพอดี เธอเปลี่ยนเส้นทางเดิน มุ่งหน้าไปตรงจุดนั้น พร้อมกับความตั้งมั่น เธอต้องการเข้าร่วมเกมนั่น และหากเธอทำสำเร็จเธอจะได้ทั้งรางวัลและอิ่มท้อง
“ต้องจ่ายสตางค์ก่อนร่วมเกมหรือเปล่าคะ?” พบูแหวกคนเข้าไปสะกิดถาม
ชายผู้นั้นเหลือบมองสาวสวยหน้าตาดีแต่รูปร่างบอบบบางผู้นั้น พร้อมกับรีบตอบ “สำหรับคุณผู้หญิง แค่สนใจร่วมเกมนี้ ผมก็ดีใจมากแล้วครับ”
“แน่ใจนะคะว่าฉันไม่ต้องจ่ายสตางค์ก่อน?” พบูถามย้ำเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
“ครับ ต่อให้คุณแพ้ ผมยินดีจะจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวยักษ์ชามนี้แทนคุณก็ยังได้” พบูไม่ได้ตอบโต้ เธอเดินไปตามทางที่ชายผู้นั้นผายมือให้ เสียงท้องของเธอร้องโครกครากแข่งกับเสียงเชิญชวนของชายผู้นั้น บนสแตนมีผู้ร่วมเล่นเกมยืนรออยู่สองคน ทั้งสองคนเป็นผู้ชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วม พบูลดสายตามองมาที่ช่วงเอวของเขาแล้วก็แอบยิ้ม
เธอยืนสงบอยู่ข้างๆ ชายทั้งสองคนที่หันมาสนใจเธอพร้อมกัน สายตาของพวกเขาวนเวียนอยู่ที่เธอบ่อยจนรู้สึกได้ พบูพยายามไม่สนใจ เธอรู้ดีว่าเพราะอะไรผู้ชายเกือบทุกคนในที่นี้สนใจเธอ
แม่ชีพูดให้เธอฟังก่อนนอนทุกครั้ง ‘ความสวยของผู้หญิงเหมือนดาบสองคม’ ใช้ในทางที่ถูกก็โชคดี หากใช้ผิดวิธีจะนำความโชคร้ายมาหาตนเอง
ใช่...โครงหน้าเธอไม่ว่าจะตา ปาก จมูก พอมารวมอยู่บนโครงหน้าของพบูคือความงดงามแบบหาที่ติไม่ได้ แต่พบูไม่อยากใช้ความสวยเป็นใบเบิกทาง เธอตั้งใจไว้เธอจะประสบความสำเร็จด้วยความสามารถ จนบ้างครั้งเธอก็รำคาญสายตาของผู้คนรอบตัว
คนเหล่านั้นมองพบูแค่เปลือกนอก
มีอีกสามคนเสนอตัวเข้ามาร่วมเล่นเกมหลังพบูเดินขึ้นไปบนสแตน เธอหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ มองก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์ที่มีคนยกมาเสิร์ฟด้วยแววตาเต้นระริก มันอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เธอไม่ได้กินเต็มอิ่มสักมื้อ เธออดอาหารบ่อยๆ แต่ไม่เคยชินกับความหิวสักที
“เริ่มได้หรือยังคะ?” พบูถามพร้อมกับปั้นยิ้มหวาน
“รอสัญญาณนะครับ ไม่ไหวก็ให้ยกมือ” มีคนลุมล้อมเข้ามาดูมากขึ้น คงเพราะพบูเป็นเป้าสายตา ผู้หญิงตัวเล็กหนึ่งเดียวท่ามกลางผู้ชายร่างใหญ่ห้าคน การแข่งขันที่โอกาสชนะเป็นศูนย์ แต่รอยยิ้มและท่าทางอยากเอาชนะของพบู คนที่รายล้อมอยู่ด้านล่างสแตนเลยเทกำลังใจให้
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดด...
เสียงสัญญาณดังขึ้น พบูใช้ตะเกียบคีบเส้นยัดใส่ปาก เธอดูดเส้นนุ่มๆ เข้าปากท่าทางไม่น่าเกลียดสักนิด พบูกินได้เรื่อยๆ เธอทำเวลาได้ดี บวกกับความหิวที่มีเป็นทุนเดิม หลังโซยเส้นบะหมี่เข้าไปจนหมดชาม พบูก็เริ่มคีบเนื้อเปื่อยที่ละลายในปากทันทีใส่ปาก การกินของพบูเป็นธรรมชาติ เธอไม่ต้องเร่งสปีดตัวเองเลยสักนิด คงเพราะเธอชินกับการกินที่ต้องแข่งกับเวลามาตั้งแต่เกิด เลยทำให้ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ร้านแห่งนี้กำหนด ไม่ไกลเกินกำลังที่เธอจะทำได้
พบูยกชามขึ้นซดน้ำที่เหลือ กวาดกระทั้งเศษผักที่ติดข้างชามก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์จนหมด จากนั้นก็ยกมือและลุกขึ้นยืนสวยๆ
เธอยิ้มหวาน มองเวลาที่ผนังด้านหลัง เธอใช้เวลาเกินกว่าที่คิดไว้เล็กน้อย
‘8นาที’
มีเสียงครางดังเป็นทอดๆ แม้แต่คู่แข่งที่ยังก้มหน้าก้มตากินยังไม่อยากเชื่อ ผู้หญิงตัวเล็กเพียงหนึ่งเดียวเอาชนะไปได้อย่างขาดลอย
“โอ ไม่คิดว่าก่อนเลยนะครับ ตัวเล็กๆ แบบนี้เอาก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์ไปซ่อนไว้ตรงไหนนะ” มีเสียงแซวดังอยู่รอบตัว พบูยิ้มเขินๆ เธอยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ