EP 2 หน้ามัธยม นมมหาลัย
ปัจจุบันอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลีญี่ปุ่นคือสิ่งที่สาวๆหลายคนโปรดปรานแม้ว่าจะควบคุมน้ำหนักแทบตายเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายพันธุ์เป็นแม่หมูตัวอ้วนกลมแก้มยุ้ยน่ารักน่าหยิก ก็แหมกลิ่นของเนื้อสัตว์ที่หมักด้วยน้ำซอสสารพัดอย่างยามวางบนเตาย่างมันชวนน้ำลายสอจะตายไป ฉันคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ยอมมองเตาแล้วทำตาปริบๆและท่องบอกตัวเองในใจว่าอย่านะมันอ้วนหรอกย่ะ เพราะหมูแดงคนนี้ไม่ได้ควบคุมน้ำหนักอย่างบ้าคลั่งถึงขนาดนับปริมาณแคลอรี่ในอาหารว่าวันๆหนึ่งสามารถบริโภคนั่นนี่ได้เท่าไหร่ อึ๋ย ขืนเป็นแบบนั้นคงไม่ต้องกินอะไรกันพอดีนอกจากดื่มน้ำเปล่า กินผลไม้ ธัญญพืชบลาๆ ยิ่งอาหารบนโลกใบนี้มันน่ากินไปซะหมดใครมันจะไปอดใจไหวแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีความพอดีไม่มากจนท้องแตกตาย
ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งสวยๆเป็นนางเอกซีรีส์แบบมโนอยู่ภายในร้านอาหารเกาลีกับนายขุนพลที่บังคับและข่มขู่ให้ฉันมาด้วยจนได้ สั่งสิ่งที่อยากกินเสร็จฉันก็นั่งเท้าคางสำรวจตรวจตราใบหน้าผู้ชายฝั่งตรงข้ามอย่างพิจารณา อยู่นิ่งๆนี่มาดคุณชายชัดๆเลยค่ะคุณขา การแต่งตัวก็สะอาดสะอ้าน ผิวพรรณก็เปล่งปลั่งขาวเนียนละเอียดละออม๊ากมาก แถมหมอนี่มีลักยิ้มด้วยแหละ โอยฉันจะบ้าตายถ้าได้เห็นมัน และเกิดความรู้สึกอยากจะใช้นิ้วจิ้มเล่น มันเขี้ยว งื้ออ บ้าๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยที่ฉันมานั่งมองผู้ชายแล้วแอบเคลิ้มแอบเขินทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับแกเลยยัยหมูแดง ฮือ สงสัยช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาฉันเสพติดซีรีส์มากเกินไป เลยเพ้อเจ้อไปเรื่อย
“จะนั่งจ้องเตาอีกนานไหมหมู อ้าปากดิวะ” ขุนพลพูดอย่างหงุดหงิดเมื่อคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอาแต่จ้องเตาย่างตาไม่กระพริบมาเกือบสิบนาทีเข้าไปแล้ว
“อุ๊ย! ตกใจหมดเลย ตะคอกทำไมก็ไม่รู้อยู่ใกล้แค่นี้เอง” คนกำลังคิดอะไรเพลินๆไม่สะดุ้งให้มันรู้ไป
“แน่ะ ยังจะมามองค้อนทำหน้าตาน่ารักน่าฟัดใส่ฉันอีกเดี๋ยวก็โดนฟาดจนได้หรอก ฉันบอกให้เธออ้าปากไงเล่า จะกินไหมไอ้หมูย่างเนี่ย” ขุนพลดุอีกรอบเมื่อปากน้อยๆของฉันยังคงเม้มเอาไว้อย่างไม่ยอมกินง่ายๆดุแบบนี้ฉันก็อยากพยศน่ะสินายบื้อเอ๊ย! แต่ก็ทำได้ไม่นานหรอก เพราะ...
“งืออออ ชิ้นนี้ดีงามมาก มีอีกไหมอ่าแบบนี้อ่ะ” ดวงตาฉันเป็นประกาย จ้องหมูในตะเกียบที่ขุนพลคีบมาตรงหน้าตาเป็นประกาย พลางรีบอ้าปากงับหมูติดมันน่าหม่ำเข้าปากแต่โดยดีไม่มีอิดออดให้คนป้อนต้องอารมณ์เสียอีกรอบ
“คนอะไรกินเนื้อตัวเองได้น่าอร่อยขนาดนี้ หมูกินหมูโคตรน่าดูเลยว่ะ” ขุนพลกระตุกยิ้มแล้วเอื้อมมือใช้กระดาษทิชชู่เช็ดมุมปากให้ฉันคงจะเห็นว่ามันเลอะ
“หมูกินหมูแล้วใครจะทำไม ชิ!” คนปากไม่ดีว่าฉันกินตัวเองงั้นเหรอ เชอะ! โทษทีไม่สนใจหรอกตอนนี้อ่ะ ฉันกำลังฟินเฟ่อ เพราะมันอร่อยมากเลยจำต้องยอมอภัยให้ไปก่อน ทะเลาะด้วยเดี๋ยวเสียอรรถรสในการกินหมด
“นี่! ช่วยป้อนฉันมั่งดิวะหมู ฉันย่างให้เธอกินอยู่นะเนี่ย ช่วยมีน้ำใจกับฉันหน่อยสิ” ฉันยู่ปากใส่คนทำหน้าตาหงิกงอเป็นหมาหงอยเวลาเห็นเจ้านายกินของอร่อยแต่ตัวเองไม่ได้กิน แค่คีบเข้าปากตัวเองมันยากเย็นตรงไหนกัน
“อย่ามาทวงบุญคุณนะขุน” แค่ย่างให้ฉันกินทำมาบ่นนั่นนี่ตัวเองเป็นคนบังคบฉันมาแท้ๆยังจะพูดมากอีก “อ้าม อ้าปากสิ เห็นแก่ที่นายบริการหรอกนะเนี่ย” ฉันยื่นแขนไปจนสุดเพื่อป้อนคนบ่น แขนก็สั้นลำบากจะตายยังมาให้ป้อนใส่ปากอีก
“นี่ฉันถามจริงเถอะ ไอ้เสื้อที่มันตัวใหญ่ไม่รัดนมไม่มีแล้วเหรอวะยกแขนทีหนึ่งฉันกลัวว่ากระดุมเสื้อเธอมันจะกระเด็นกระดอนมาดีดใส่หน้าใส่ตาฉัน พอๆเธอไม่ต้องป้อนฉันแล้ว” ขุนพลทำหน้าตาแบบว่าไม่พอใจฉันแรงมาก
“นายก็อย่ามาจ้องนมฉันสิยะ หน้าสวยๆน่ะมองเข้าไปสิโว้ย!”ฉันแทบจะพ่นไฟออกมา เพราะความอายที่หมอนี่มันพูดตรงเกินและทั้งยังสายตาราวกับกำลังประเมินอะไรสักอย่าง ที่สำคัญมันไม่ได้ขนาดนั้นเลยนะ แค่หน้าอกหน้าใจที่ม๊าให้ฉันมามันใหญ่เกินตัวเลยทำให้ดูเหมือนใส่ชุดอะไรมันก็ดูรัดรูปไปเสียหมด ยกเว้นพวกเสื้อยืดตัวใหญ่แบบหลวมๆไซส์ผู้ชายเท่านั้นแหละที่ใส่แล้วไม่เน้นรูปร่าง
“อย่ามาโวยวายเสียงดังใส่ฉันนะ รีบย้ายก้นงอนๆของเธอมานั่งนี่เดี๋ยวนี้เลยยัยหมูปีศาจ อย่าให้ฉันต้องพูดย้ำซ้ำไปมาหลายรอบ ถ้าไม่มามีจูบโชว์คนทั้งร้านแน่นอน” ขุนพลตบเบาะข้างตัวแล้วใช้มืออีกข้างกวักเรียกให้ฉันย้ายไปนั่งที่ว่างข้างตัวเอง
“สาบานนะว่าเราสองคนเพิ่งทำความรู้จักกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทำเหมือนกับว่าเรารู้จักมาสักสองสามปี หรือมากกว่านั้นเยอะอ่ะถามหน่อยฉันไปสนิทสนมกับนายตอนไหนไม่ทราบไอ้คนบ้าปากไม่ดี” ปากฉันบ่น หน้าฉันตูมไม่รื่นเริงใจนะ แต่ก็ต้องจำใจลุกขึ้นจากที่เดิม แล้วเดินมาหย่อนก้นนั่งข้างไอ้คนดีแต่สั่งและสั่ง เพราะไม่อยากถูกจูบโชว์ไงล่ะ นั่นไง นั่งปุ๊บแขนมันก็เลื้อยพาดเกี่ยวรัดรอบเอวปั๊บเลย แหม่อะไรมันจะมือไวปานนี้
“แค่วันเดียวฉันก็สามารถสนิทสนมจนลอกคราบเธอได้แล้วหมู สนใจอยากลองไหมล่ะ ฉันพร้อมเสมอขอแค่เธอบอกว่าต้องการฉัน” จมูกโด่งของขุนกดประทับลงบนแก้มของฉันแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนๆ พออ้าปากเตรียมจะด่าหมูก็ยัดเข้ามาในปากเต็มคำ
ฉันเคี้ยวหมูในปากแต่สายตาจ้องหน้าไอ้คนทะลึ่งที่ลูบเอวฉันเล่นอย่างเพลินมือแล้วฉีกยิ้มหวานหยดย้อย หึๆ ถึงปากไม่ว่างแต่มือน้องว่างนะจ๊ะพี่ขุนจ๋า หยิกมันสิคะจะรออะไรล่ะ ให้หน้าตาดีแค่ไหนฉันก็ไม่เว้นนะจะบอกให้
“ซี๊ด เธอหยิกฉันอีกแล้วนะ จุดเดิมกับเมื่อเช้าด้วยเนี่ย ยัยหมูปีศาจใจร้าย ทำไมทำกับพี่ขุนแบบนี้ล่ะหมู เลือดซิบแล้วมั้งเนี่ย เป่าให้เลยเจ็บจริง” ฉันล่ะอยากจะเอาตะเกียบอุดปากหมอนี่จังเลย ถ้าไม่หยิกให้เจ็บแล้วฉันจะหยิกทำไม
“เจ็บอะไรไม่ทราบยะ โดนแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ นี่ฉันออมแรงแล้วนะ ย่างต่อสิไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งสำออยเลย หิว! ฉันยังไม่อิ่มเข้าใจไหมขุน!” ฉันบอกอย่างหงุดหงิดปนหมั่นไส้สุดๆ แม้เขาจะทำมันออกมาได้น่ารักมากแค่ไหนก็ตาม
“ครับ คุณนายหมู”
Kunpon Talk
พออิ่มท้องแล้วผมก็พาหมูมาเดินเล่นย่อยอาหารในโซนศูนย์การค้าต่อเลยเพราะยังไม่อยากกลับ หมูแดงตัวเล็กน่าทะนุถนอมมากหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือเตี้ยอ่ะเวลาเดินข้างกันความสูงแค่ระดับอกเท่านั้นเอง ส้นสูงที่ใส่อยู่นี่ไม่ได้ช่วยให้ตัวสูงขึ้นมาได้เลยเหอะ เรื่องส่วนสูงไม่ใช่ประเด็นหลักห่าเหวอะไรหรอกแค่คิดขำๆเท่านั้นแต่ที่ไม่ขำนี่คือฟาร์มโคนมยัยบ้านี่ต่างหาก ไอ้ชอบมันก็ชอบนะมองแล้วเพลินเป็นบ้าและทำให้จินตนาการไปถึงความขาวความอวบของเนื้อแท้ภายใต้เสื้อนักศึกษาด้วย แล้วคนอื่นที่เห็นมันจะไม่คิดเหรอวะ
“ทำไมนายชอบถึงเนื้อถึงตัวฉันเรื่อยเลยเนี่ยขุน! เดินเองได้ไม่ต้องประคอง” แม่ตัวดีแหงนหน้าคอตั้งมองหน้าผมอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกกระชากเอวอ้อนแอ้นให้ขยับมาแนบชิดกับร่างกายผมจนแทบไม่มีช่องว่างให้อากาศได้รอดผ่าน แค่จับมือเดินเกี่ยวก้อยมันยังไม่เพียงพอหรอกตอนนี้ นี่ถ้าอุ้มเธอเดินได้ผมอุ้มไปแล้วนะแต่กลัวจะโดนหยิกจนเนื้อหลุดซะก่อนน่ะสิ
“ฉันชอบ จบไหม”
“ไม่ชอบ จบไหมคะพี่ขุน” ลอยหน้าลอยตาพูดเลยก้มฟัดแก้มแม่งเลยอยากท้าทายดีนัก ถึงจะเรียกพี่ก็ไม่ปล่อยหรอก
“อ๊าย ขุนน” มือบางผลักหน้าผมออกพลางเบี่ยงหลบเป็นพัลวัน ผมเหรอจะยอมง่ายๆ ตามฟัดต่อสิครับ ใครมองก็มองไปเถอะไม่สนใจหรอก กว่าผมจะยอมเลิกราหน้าหมูก็งอเป็นจวักตักแกง กระฟัดกระเฟียดบ่นงึมงำยกใหญ่ แต่ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่บ่นเป็นคนเดียวผมก็บ่นเป็นเหมือนกัน
“เธอแม่งเป็นคนชอบโชว์เหรอวะหมู อ้วนก็อ้วนยังจะกล้าใส่เสื้อผ้ารัดรูปอีกนะ ไม่อายบ้างเลยหรือไงโชว์พุง โชว์ขาหมูใหญ่ๆของตัวเองเนี่ย” ผมโกหกทั้งหมดนั่นแหละ ยัยหมูนี่ห่างไกลจากคำว่าอ้วนมาก หุ่นดีน่าจับกลืนกินลงท้องโคตรๆ แต่ที่พูดอย่างนั้นเป็นเพราะหงุดหงิดอยากให้เสียความั่นใจวันหลังจะได้ไม่กล้าใส่เศษผ้าพวกนี้อีก นี่เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองคนจ้องจะให้ยิ้มสดชื่นยังไงไหววะ ในเมื่อพวกมันเอาแต่คอยแอบมองของๆผม
“สายตานายมีปัญหามากเหรอยะถึงมองว่าฉันอ้วนน่ะ หุ่นดีขนาดนี้บ้านนายเรียกอ้วนเหรอประสาท” เสียงใสแว๊ดใส่ผมทันที ยัยนี่ไม่หลงกลผมอย่างที่อยากให้เป็นเว้ย แถมยังมั่นใจในตัวเองอย่างน่าหมั่นไส้ด้วย เออ! หุ่นดี
“เอาเถอะๆฉันยอมแพ้เธอ ว่าแต่มาแล้วอยากได้อะไรไหมหมู เดี๋ยวพาไปซื้อ” ถ้าจับยัยตัวเล็กแต่งตัวคงเพลินเป็นบ้า ชักอยากเล่นแต่งตัวตุ๊กตาแล้วสิ เสื้อผ้าผู้หญิงมีแต่น่ารักๆทั้งนั้นด้วย
“ทำไมนายจะเปย์ฉันเป็นการไถ่โทษเหรอ บอกเลยเปย์ฉันต้องหนักเท่านั้นนะจ๊ะ เพราะว่าฉันมันเป็นพวกโลภน่ะ” รอยยิ้มหวานๆนี่มันทำให้สดชื่นเป็นบ้า บอกเลยว่ายอมเปย์หมดตัวถ้ามันทำให้หมูน้อยตัวนี้อารมณ์ดี
“สำหรับเธอเท่าไหร่ฉันก็ยินดีทุ่ม” ผมพูดเสียงเบาแต่หนักแน่นพลางจุ๊บเหม่งหมูแรงๆ
“ทำมาเป็นพูดดีไปเถอะย่ะพ่อบุญทุ่ม กระเป๋าฉีกขึ้นมาจะกลับคำแทบไม่ทัน” หมูแดงย่นจมูกใส่อย่างน่ารักแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างเขินๆ ผมเลยหันตามไปหวังจะแหย่ให้อายหนักเข้าไปอีกเท่านั้นแหละของขึ้นเลย
“เฮ้ย! มองนมเมียกูทำห่าอะไรวะ ของเมียพวกมึงไม่มีให้มองเหรอเห้ย!” ผมตวาดไอ้พวกถ้ำมองเสียงดังลั่นจนผู้คนแตกตื่นหันมามองทางเราสองคนเป็นตาเดียวเลยถูกยัยหมูปีศาจบิดหัวนมเต็มแรงใบหน้าจิ้มลิ้มมู่ทู่เลยงับปากไปที
“ฉันเกลียดนายชะมัดเลยไอ้บ้าขุน! ฉันไม่ใช่เมียนายสักหน่อยแล้วพูดเสียงดังเรื่องนมแบบนั้นประสาทรึเปล่าห๊ะ! อายเข้าใจไหมว่าอายน่ะ” ยัยตัวเล็กกระทืบเท้าแต่ไม่กล้าแสดงออกมากผมเลยล็อคคอพาเดินไปอีกทางแต่ก็ไม่วายหันไปชี้หน้าไอ้กลุ่มวัยรุ่นมัธยมปลายที่จ้องหมูของผมทิ้งท้ายอย่างโมโห
“เธออายแต่ฉันโมโห!”
Kunpon End
“ว้าย! นายเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ยนายขุน!” ฉันหวีดร้องอย่างตกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ๆก็ถูกอุ้มมานั่งแหมะอยู่บนตักของไอ้บ้าขุนพล โดยที่ฉันนั่งหันข้างขาพาดยาวมาทางเบาะคนนั่ง กระโปรงนักศึกษาทรงเอก็เลิกขึ้นสูงโชว์ขาอ่อนจนน่าหวาดเสียวว่ากางเกงในตัวน้อยๆมันจะโผล่ออกมาให้เห็น ลักษณะท่าทางการนั่งของฉันแบบว่าล่อแหลมสิบแปดบวกมากอ่ะตอนนี้ ที่ทางคับแคบขยับหรือดิ้นก็ลำบากไปหมด เราสองคนนั่งเงียบอยู่ในรถมาสักพักใหญ่แล้วล่ะ แต่หมอนี่มันยังไม่ยอมออกรถสักที ฉันก็เหนื่อยที่จะพูด เดินมานี่ก็เอาแต่ลากๆ ตั้งแต่อาละวาดใส่เด็กวัยรุ่นผู้ชายกลุ่มนั้นแล้ว โคตรจะเพลียร่างเลย
“ฉันโมโหเธออยู่ ควรจะรู้ตัวไว้นะหมูแดง” ขุนพลพูดเสียงเรียบ และเรียกชื่อเต็มเป็นครั้งแรก ฉันควรดีใจไหมที่หมอนี่ไม่หมูอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว แต่ประเด็นคือมันไม่ใช่เวลาไง ความดีใจถูกกลบด้วยความหงุดหงิดไปเสียหมด
“แล้วนายจะมานั่งโมโหฉันอยู่ทำไมไม่ทราบ ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ” นี่ฉันใจเย็นแล้วนะเว้ย ใจเย็นจริงๆสาบานได้ ไม่งั้นป่านนี้เลือดสาดไปแล้ว
“ยัยหมูปีศาจถามมาได้ว่าฉันโมโหทำไมโว้ย! ถามจริงนี่เธอไม่หวงนมของตัวเองเลยเหรอวะถึงชอบให้พวกมันมองตาเป็นมันน่ะห๊า!หมูแดง” ขุนพลเค้นถามฉันด้วยน้ำเสียงห้วนจัด แล้วจิ้มนิ้วลงบนหน้าอกของฉันอย่างหน้าด้านๆ
“อะ...ไอ้บ้าขุนพล ไอ้คนทะลึ่ง ผสมหน้าด้านบวกหื่นกามด้วย นายมาจิ้มนมฉันเล่นทำไมยะ มันใช่ของเล่นเหรอห๊ะ! ฮึ่ย!” ฉันตวาดแว๊ด กลบเกลื่อความอาย และรีบยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไขว้เพื่อปิดบัง แม้มันจะปิดไม่มิดก็ตาม แก้มฉันร้อนฉ่าเลยบ้าจริง
“เลิกโวยวายสักที ฉันหนวกหู เดี๋ยวดูดปากแม่งเลย” ขุนพลปรามให้ฉันหยุดโวยวาย ซึ่งมันได้ผลก่อนจะพูดต่อ “เธอแม่งใช้ประโยคนี้ได้เหมาะเหม็งมากเลยว่ะ หน้ามัธยม นมมหาลัยเนี่ย แต่ถึงจะเหมาะยังไงฉันก็ไม่ปลื้มอยู่ดี เพราะมันทำให้คนอื่นมองเธอตาเป็นมัน” พูดจบก็วางมือลงบนหน้าอกฉัน
“กรี๊ดด เอามือออกไปเดี๋ยวนี้นะนายขุนกล้าดียังไงมาจับนมฉันเนี่ย!” ฉันกรีดร้องโหยหวนเสียงดังแปดหลอดเมื่อมือไอ้ขุนบ้ากามคว้าหมับตะปบเต็มมือ แถมมัน...มันยังบีบด้วย ฮือ... เกิดมาจนอายุยี่สิบยังไม่เคยต้องมือชายใดแบบนี้เลย
“หวงเหรอ ทีอย่างนี้มาทำเป็นหวงฉัน คนอื่นหวงได้แต่กับฉันห้ามหวงเข้าใจรึเปล่าลูกหมูน้อย ยืดอกมาให้ฉันฟัดซะดีๆ” ขุนพลมันกัดฟันพูดพร้อมออกแรงบีบเคล้นหนักหน่วงขึ้นจนร่างกายฉันผวาเฮือกอย่างควบคุมไม่ได้ และเผลอแอ่นตัวขึ้นตามแรงมือ ขุนพลมันหลุดยิ้มออกมาแล้วใช้ปากคลอเคลียหลังใบหูฉัน ขบเม้มตรงติ่งหูคล้ายจะหยอกเย้า “สัมผัสเพียงแค่นี้ยังทำให้ฉันแข็งได้ง่ายๆเลย ถ้ามากกว่านี้ไม่เสร็จเลยเหรอวะ”
“อย่าทำบ้าๆนะขุน อือ ฉัน...ฉันเจ็บ ปล่อยสักทีสิโว้ย! ไอ้บ้ากาม!” ฉันดิ้นแล้วดิ้นอีก ขณะนี้ขนทุกเส้นในร่างกายของฉันพร้อมใจกันลุกฮือ แอร์ในรถมันเย็นเกินไปหรือไงไม่รู้ฉันถึงได้หนาวๆร้อนๆคล้ายจะเป็นไข้เข้าไปทุกที ไอ้บ้านี่ก็มือหนักมาก บีบนมจนเจ็บทั้งสองเต้าเลย แล้วไหนจะประโยคล่าสุดที่ทำเอาฉันแทบบ้านี่อีก
“นมเธอมันใหญ่บีบแล้วดีเป็นบ้าเลยหมู แต่จะให้ดีกว่านี้ต้องพิสูจน์ด้วยปากอีกอย่าง” พิสูจน์ด้วยปากงั้นเหรอ ฉันอ้าปากพะงาบๆแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอเลย
“ไม่เอานะ พะ...พี่...พี่ขุนขา ฮือ” ฉันวางมือเกาะไหล่แกร่ง ซบหน้าลงแนบกับซอกคออุ่นแน่น พลางอ้อนเสียงสั่นเครืออย่างหวาดหวั่น นี่ฉันกำลังอยู่กับคนโรคจิตรึเปล่าเนี่ย
“ไม่เอาอะไรไหนพูดสิครับน้องหมูของพี่ขุน” ขุนพลกระซิบถามเสียงแหบพร่า ขณะที่มือยังคงเกาะหนึบกับหน้าอกข้างหนึ่งของฉันไว้ราวกับถูกติดกาวตราช้าง
“ไม่เอา ไม่พิสูจน์ด้วยปากไงคะ นะคะพี่ขุน” ฉันพูดเสียงเบาอย่างกระดากปาก เพราะมันอาย มันเขิน หงุดหงิด และโมโหปนเปกันมั่วซั่วไปหมดแล้ว นาทีนี้ต้องใช้ลูกอ้อนให้เกิดประโยชน์
“ใช้ปากดูดนมแค่นั้นเองไม่ได้ทำมากกว่านั้นสักหน่อยกังวลอะไร” ขุนพลจูบข้างขมับฉัน เขาพูดคุยเหมือนเรื่องสามัญทั่วไปแต่มันไม่ใช่สำหรับฉันไง
“หิวมากก็ไปซื้อนมกล่องมาดูดไป๊!”
“โห่! เออๆ วันนี้ฉันยังไม่ดูดนมเธอก็ได้วะ ขอจับอย่างเดียวพอแต่ถ้าพรุ่งนี้ยังใส่ชุดรัดติ้วอย่างวันนี้ไปเรียนล่ะก็ฉันจะดูดนมเธอให้หลุดติดปากเลยคอยดูไม่ได้แค่ขู่ด้วย”
ฉันสาบานว่าพรุ่งนี้จะไม่โผล่มาให้นายขุนเห็นหน้าโดยเด็ดขาด แค่คิดก็สยองแล้วดูดนมให้หลุดติดปาก โอ๊ยอยากจะบ้าตาย น่ากลัวเกินไปแล้วคำขู่ของหมอนี่