บท
ตั้งค่า

EP 1 อยากกินหมู

Kunpon Talk

ผมนั่งเท้าคางมองหน้าหมูแดงที่ทำเป็นเมินไม่ยอมสนใจใครนอกจากอาจารย์ประจำวิชาที่กำลังยืนบ่นอะไรสักอย่างที่ผมไม่คิดจะฟัง นึกย้อนไปถึงตอนที่เดินมาหน้าห้องที่จะใช้เรียน ด้วยความที่มันเป็นกระจกใสกั้นเอาไว้และม่านมันก็ไม่ได้ปิดหมดทำให้ง่ายต่อการมองเข้ามาด้านใน ผมจึงได้เห็นคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องเพียงคนเดียวอย่างชัดเจน โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเองนั้นกำลังตกเป็นจุดสนใจมันเหมือนกับว่าผมถูกต้องมนต์สะกดทำให้ละสายตาไปมองอย่างอื่นไม่ได้เลย เรื่องผู้หญิงสวยข้างกายผมมีไม่เคยขาดนับตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มมาจนถึงปัจจุบัน แต่แปลกที่ผมกลับมองว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจกว่าใครทั้งหมดที่เคยสัมผัสมา นานหลายนาทีกว่าผมจะตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้ามาหาเธอแล้วทำทีเป็นชวนคุยทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยที่ทำเป็นประจำเวลาเจอสาว ปกติแทบไม่ต้องขยับตัวก็มีเรียงคิวเข้ามาให้เลือก ด้วยรูปร่างหน้าตาที่พ่อแม่ให้มามันชวนเรียกสายตาให้เพศตรงข้ามมองได้ไม่ยากและมันก็ได้ผลแต่ทุกอย่างมันมีข้อยกเว้นยังไงล่ะ

เท่าที่สังเกตดูยัยหมูแดงตัวน้อยนี่ไม่ค่อยจะอินกับใบหน้าของผมสักเท่าไหร่ทั้งที่ตอนแรกเหมือนจะออกอาการอึ้งไปพอสมควรเมื่อเห็นหน้าผมในระยะประชิดแล้วทำทีเป็นกลบเกลื่อนเหมือนไม่ได้สนใจจริงๆ ผมคิดเข้าข้างตัวเองอย่างนั้น

และถึงจะปลื้มหรือไม่ปลื้มผมในตอนนี้ผมไม่ใส่ใจมากนักหรอก ในเมื่อหมูแดงน่าหม่ำน่าขย้ำคนนี้ถูกตาต้องใจผมเข้าเต็มเปา ไม่ว่าจะเป็น ผม หน้าผาก คิ้ว ตา จมูก ปาก คาง ผิวก็ขาวผ่องอมชมพูน่าลูบไล้เล่น คือเอาเป็นว่าทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นหมูแดงมันน่ามองน่าหลงใหลไปเสียหมด ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้หมูตนนี้หลุดรอดหรือลอยนวลไปได้หรอกอย่าได้หวัง

“มองน้องหมูแดงแล้วเคลิ้มเลยเหรอวะมึง มองมากเดี๋ยวน้องเขาก็สึกเพราะสายตามึงหมดหรอก เบาๆหน่อยดีไหมครับเพื่อนรัก สงสารน้อง” เคนกระซิบข้างหูแซ็วอย่างทะเล้นแต่ผมไม่สนใจเสียงชวนให้ระคายใบหูของมันนักหรอก เพราะในตอนนี้ผมมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าเพื่อนเป็นไหนๆอยู่ข้างกายนี่แล้ว

“หึ”

ถามว่าเคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไหมตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าไม่เคยมีมาก่อน มีแต่แบบไม่ผูกมัด ไม่มีเรียกสถานะชัดเจน เอาแบบเข้าใจง่ายๆคือสนุกแล้วจบกันไปเป็นรายๆ มันก็ไม่แปลกนะเพราะผมยังไม่มีใครเป็นเจ้าของหัวใจ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครทำให้ใจสั่นและอยากหยุดที่คนๆนั้นได้สักที

“สงสัยเพื่อนของเราสองคงโดนศรรักศักดิ์สิทธิ์ของกามเทพปักอกเข้าให้แล้วว่ะกูว่า อาการมันชี้ชัดหนักมากขนาดนี้กูว่ามันไม่น่ารอดพ้นจากห้วงแห่งความรัก มึงคิดเหมือนกับกูไหมวะเคน” ไอ้จิวเสนอหน้ามาอีกตัวหนึ่งแล้ว

“มึงยังจะต้องให้กูตอบอีกเหรอวะจิว”

เพื่อนผมสองคนนี้ปากมันไวพอกันเลย เราสามคนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนอนุบาลแล้ว และหนึ่งในนี้ก็คือลูกชายของเจ้าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ซึ่งคนๆนั้นก็คือไอ้จิวนี่แหละ ดีกรีมันเป็นถึงลูกชายคนเล็กของอธิการบดี ไอ้เคนบ้านมันทำเกี่ยวกับพวกขนส่งสินค้าทางเรือ ส่วนบ้านผมทำเกี่ยวกับการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ นอกจากธุรกิจของครอบครัวที่มั่นคงแล้ว เราสามคนยังร่วมหุ้นลงทุนทำร้านแต่งรถยนตร์แบบครบวงจร ถือเป็นงานอดิเรกควบคู่กับใจรักไปด้วย เมื่อมีความสุขกับสิ่งที่ทำผลลัพธ์มันเลยออกดีมาก

พออาจารย์ท่านบอกว่าเลิกคลาสได้เท่านั้นแหละ ผมก็เห็นหมูรีบเก็บข้าวของที่เอาออกมายัดลงใส่ในกระเป๋าสะพายอย่างรีบเร่ง เหมือนต้องการจะรีบไปให้พ้นๆจากตรงนี้โดยเร็ว ปากเล็กๆก็ขยับท่องบทสวดอีกตามเคย

“คาบแรกของวันและเทอมก็เรียนไม่เป็นอันเรียนเลยฉัน ตัวก่อกวนก็เยอะจนน่าหงุดหงิดหัวใจที่สุด ฮือ... คนสวยอยากกรีดร้องให้ก้องโลก ไม่ใช่คนรักเรียนเป็นชีวิตจิตใจ แต่แบบนี้มันไม่โอเคเลยสักนิดสำหรับคนหัวเดียวกระเทียมลีบเช่นฉัน โดนลวนลามทั้งทางสายตาการกระทำ และคำพูด ใครมันจะมาฉีกยิ้มหวานได้ลงล่ะ ตัวการไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกเสียจากแก๊งค์หน้าหล่อที่มาวอแวกับหมูแดงคนนี้ไงเล่าคนอื่นอาจจะชอบนะ แต่ฉันไม่ค่อยรู้สึกโอเคเท่าไหร่เลย คาบหน้าฉันต้องหาทางเลี่ยง”

ผมมองคนที่บ่นยาวเหยียดเป็นหมีกินผึ้ง หน้าตาบึ้งตึงหน่อยๆ เสียงหงุงหงิงฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง จะด้วยความลืมตัวหรืออะไรผมก็ไม่อยากจะคาดเดา แต่ผมมองว่าน่ารักมาก ช่างเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติเสียเหลือเกินผู้หญิงคนนี้ เก็บอาการหน่อยก็ไม่ได้เล่นปล่อยออกมาซะหมด

“เอามานี่ ฉันจะช่วยถือให้เธอเอง” ผมแย่งกระเป๋าสะพายใบขนาดย่อมมาถือเอาไว้ในมือของตัวเอง เพราะผมไม่ต้องการให้ยัยตัวเล็กนี่ต้องแบกของหนักไว้บนบ่าด้วย เดี๋ยวจากที่ตัวเตี้ยมากอยู่แล้วจะเตี้ยกันไปยกใหญ่

“นี่! นายบ้ารึเปล่าเนี่ย” เสียงสูงแหลมปรี๊ดของหมูทำเอาผมงงปนแสบแก้วหูครามครัน บ้าตรงไหนวะแค่จะช่วยถือกระเป๋าให้ น่าจะดีใจมากด้วยซ้ำที่คนอย่างขุนพลเอาใจถึงขนาดนี้ นี่อะไรตีหน้ายักษ์ใส่ซะอย่างนั้น ผู้หญิงนี่ช่างเป็นเพศที่เข้าใจยากมาก

“อะไร ทำหน้ายักษ์ใส่ฉันทำไมหมู มีอะไรรีบๆพูดมาเลยจะได้เคลียร์ๆให้จบทีเดียวจะได้ไปสักที” ผมบีบจมูกโด่งน่ารักอย่างมันเขี้ยวปนหมั่นไส้ ขนาดโกรธยังน่ารักเลยให้ตาย ปากเล็กจิ้มลิ้มนี่ก็น่าชิมความหวานนัก

“ก็กระเป๋าสะพายใบใหม่คอลเลคชันล่าสุดที่ฉันเพิ่งถอยออกมาได้สองวันโดนกระชากไปอย่างรุนแรง ฮือ ใบนี้เกือบแสนห้าเชียวนะ คนป่าเถื่อนแบบนายจะไปเข้าใจอะไร และนายมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายลูกสาวของฉันห๊ะ!” โอ๊ย!! ไอ้ผมก็นึกว่าเรื่องอะไรร้ายแรงมากกว่านี้ซะอีก แค่กระเป๋าถูกกระชากแรงนิดหน่อยเท่านั้นเอง

“ถ้ามันขาดหรือสึกหลอเดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่สิบใบเลย พอใจได้ยังอ่ะ แล้วเลิกทำหน้างอสักทีเหอะ มันยังไม่ทันจะขาดจริงสักหน่อยยัยเบ๊อะเอ๊ย! คนมองเธอเยอะแยะไม่อายเหรอทำยังกับเด็กโดนแย่งของเล่นแบบเนี้ย” คนอะไรบอกว่ากระเป๋าคือลูกสาวของตัวเองเด็กน้อยโคตรๆ ไอ้สองตัวที่มองอยู่เงียบๆ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเลย ผู้หญิงหนอผู้หญิง ของสวยๆงามๆนี่แตะกันไม่ได้เลย คนอื่นผมคงมองว่าดัดจริตแต่กับคนนี้ความรู้สึกนั้นไม่มีเลย ยัยนี่ออกแนวบ้าๆบอๆไม่ค่อยจะเต็มเต็งมากกว่า

“หึ! ฉันต้องสำรวจความเสียหายก่อนว่าลูกสาวฉันได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แต่เอ๊ะ! แล้วทำไมนายต้องเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ใส่กระเป๋าของฉันด้วยเนี่ย ของตัวเองก็ดูแลเอาเองสิ ฉันไม่อยากรับฝากของๆใครนะยะ” หมูแดงตั้งท่าจะยื้อแย่งกระเป๋าของตัวเองออกจากมือผม แต่ผมไวกว่าเยอะ ยกขึ้นสูงเหนือหัวยัยนี่ก็เอื้อมมือไขว่คว้าไม่ได้แล้วเกิดมาตัวเตี้ยกว่ามันเสียเปรียบอย่างนี้แหละ ผมยักคิ้วยั่วเลยได้ค้อนกลับมาซะวงใหญ่เลย

“เธอนี่พูดมากจังเลยนะแม่ลูกหมูตัวน้อย ไปกันได้แล้วอยากออกจากห้องนี้มากไม่ใช่ ? ฉันหิวข้าวจะตายอยู่แล้วเนี่ย เราเดินไปถามไป หรือตอบไปก็ได้ปะ ฉันไม่หายหน้าไปไหนหรอก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ซักฟอกฉันหรอกน่า” ผมดึงข้อมือเล็กให้เดินตามมา ขืนยังยืนอยู่ตรงนี้คงจะอีกยาวนาน แค่ฝากของสำคัญไว้ในกระเป๋าจะอะไรกันนักหนา เจ้าของอย่างผมยังไม่คิดมากเลย

“ไม่เอานะนายขุน ฉันไม่อยากไป ยังไม่หิว กินข้าวมาแล้วด้วย เลิกเรียนแล้วก็สมควรแยกย้ายทางใครทางมันกันสิ นายจะมาบังคับให้ฉันไปไหนมาไหนตามใจของนายได้ยังไงกันขุน เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” หมูแดงทำเอาผมหงุดหงิดคูณสอง ทางใครทางมัน และยังจะมาตอกย้ำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันอีก

“ทำไมเธอชอบดื้อด้านกับฉันนักวะหมู” ผมถามเสียงเนือยๆ แล้วเปลี่ยนจากจับข้อมือเล็กมาเป็นกอดคอหมูเอาไว้แทน ก้าวเดินไปพร้อมๆกัน เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะเผลอตัวบีบข้อมือแรงไปลูกหมูดื้อจะเจ็บตัวเอาเปล่าๆ ผมไม่ชอบให้ใครขัดใจและน้ำอึดน้ำทนมีไม่ค่อยมากอยู่ นับว่าตอนนี้มีมากกว่าปกติเยอะเลย

“เอามือออกไปไอ้บ้าขุน!! นายเอาแขนมาคล้องคอฉันทำไม”เออ!! พยศมันเข้าไป พยศยังไงก็ไม่มีทางปล่อยหรอกโว้ย!! ดื้อด้านแบบนี้ไอ้ขุนชอบนักแหละ

“ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่อุ้มเธอเดินเองยัยขาสั้น”

“อะ...ไอ้บ้าขุน! ไอ้คนปากไม่ดี ล้อเลียนเพศแม่”

“หึ”

Kunpon End

ณ โรงอาหาร

โรงอาหารติดแอร์แสนไฮโซโก้เก๋ที่มานั่งจ่อมอยู่มีนักศึกษาค่อนข้างหนาตา ถามว่าฉันเต็มใจมาไหม ไม่เลยสักนิด ไม่เลยจริงๆ เหอะๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย เวลานี้ฉันควรไปหาเพื่อนรักที่นัดกันไว้สิถึงจะถูก แต่ติดที่ยังไปไม่ได้ไง เพราะโดนไอ้บ้าขุนพลมันยึดกระเป๋าเอาไว้แล้วฉันจะไปไหนได้ยังไง

“อ้าปากดิหมู” ฉันปรายสายตาอันขุ่นขวางมองคนพูดเล็กน้อย ข้าวหน้าหมูเกาหลีอยู่ในช้อนที่ตักเอาไว้แบบพอดีคำถูกยื่นมาจ่อที่ปากฉัน ทั้งที่ไม่ได้ร้องขอ สายตากึ่งบังคับของขุนพลทำให้ฉันอ้าปากกินอย่างไม่เต็มใจ รสชาติมันแม้จะอร่อยแต่มันฝืดเคือง เพราะฉันไม่มีอารมณ์อยากกินอะไรทั้งนั้น

“ไม่เอาแล้วนะ ไม่อยากใช้ช้อนร่วมกับนาย” ฉันบอกตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม ซึ่งมันทำให้นายขุนชักสีหน้าใส่ฉันราวกับว่าอยากจะขย้ำคอฉันให้ตายคามือมันซะเดี๋ยวนี้เลย โหดร้ายป่าเถื่อนไปไหน คนเขาไม่อยากก็คือไม่อยากปะ

“สงสัยหมูตัวนี้อยากโดนขย้ำ ถึงได้กล้าพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา” ไม่อยากใช้ช้อนร่วมกันอย่างนั้นเหรอ หึๆ รอยยิ้มร้ายกระตุกขึ้นตรงมุมปาก พลางจับยึดปลายคางหมูแดงที่ทำท่าเลิกลักไว้มั่น โน้มหน้าลงต่ำจนหน้าผากแตะกัน ปากเล็กอ้าอย่างต้องการประท้วง และเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่รอจังหวะได้เสียบทันที

อุ๊บส์

หวานอย่างที่คิดเอาไว้เลย ปากเล็กๆน่ารักของลูกหมูน้อยตัวนี้หวานและหอมชวนให้อยากลิ้มรสนานๆ เรียวลิ้นเล็กอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีพยายามหลบหลีกมันเงอะงะไม่เป็นงานยิ่งกระตุ้นให้เกิดความอยากสอน สัญชาติญาณบอกให้รู้ว่านี่มันคือจูบแรกของเธอ ความลำพองใจบวกอิ่มเอมใจส่งผลให้ผู้มีประสบการณ์มามากมายเรียกร้องตักตวงน้ำผึ้งหวานอย่างดูดดื่ม

“อ่าส์”

สองมือน้อยเกาะบ่าหนาเอาไว้มั่นทั้งจิกทั้งเกร็ง ใบหน้าจิ้มลิ้มกลายเป็นสีชมพูจัดในเวลารวดเร็ว อาการเหมือนคนกำลังขาดอากาศหายใจบวกสำลักน้ำ ทำไมมันช่างทรมานปนซาบซ่านและรู้สึกดีแบบแปลกๆ หัวใจก็เต้นแรงมากจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมาเต้นโชว์ข้างนอก จูบแรกของฉันไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นที่โรงอาหารท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนอื่นไอ้บ้าขุน!

“เหยด นานไปแล้วนะเว้ยไอห่าขุน กูกลัวว่าน้องหมูแดงจะขาดใจตายคาอกมันก่อนจริงๆ พอเหอะว่ะ เอาตามตรงเลยนะ กูเนี่ยอิจฉามึงหนักมากขอรับท่านขุน กลางโรงอาหารไม่ว่า แต่ต่อหน้าต่อตากูเนี่ยรับไม่ได้” จิวร้องครางพลางหันหน้าไปสบตากับเคนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคนทั้งคู่เอาไว้

“เออ ทำงามหน้าจังเลยเพื่อนกู ดูดปากแลกลิ้นกันเข้าไปชุดใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้ เล่นทำเอาหนุ่มสาวแถวนี้นั่งหนาวสั่นกันหมดเลย” เคนยิ้มล้อเลียนเมื่อสบกับสายตาขุ่นขวางของขุนพลที่ตวัดมองและชูนิ้วกลางให้เป็นของแถม ฉันล่ะอายมากจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปให้ไกลจากตรงนี้เลย

“อยากโดนจูบอีกไหม”

“ไอ้ขุนคนบ้าหน้าด้าน นายกล้าดียังไงมาจูบฉันต่อหน้าคนเป็นร้อยห๊า!” ฉันอยากจะกางมือข่วนหน้าหมอนี่นัก โอยเหนื่อยเป็นบ้าเลย ร่างกายอ่อนปวกเปียก ลมหายใจหอบสะท้านราวกับเพิ่งวิ่งรอบสนามฟุตบอลขนาดใหญ่มาหลายรอบ จูบบ้าจูบบออะไร แถมยังต้องมาอับอายด้วยเนี่ย ฮือ หมูแดงอยากตายจริงๆเลย อยากเกิดเป็นตัวตุ่นขึ้นมากะทันหันเลยจะได้มุดดินหนีออกไปจากตรงนี้ ไอ้พวกเพื่อนนายขุนพลบ้านี่ก็ช่างหยอดช่างแซ็วให้คนสวยได้อับอายขายขี้หน้าจนไม่กล้าโงหัวงามๆขึ้นมาสบตากับใครแล้วเนี่ย แง...

ฉันต้องรวบรวมกำลังวังชาที่เหือดหายไปให้รีบกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด นั่งอยู่อย่างนี้มีแต่เสียเปรียบ ไอ้บ้าขุมมันคอยเอาจมูกมาคลอเคลียไม่ห่างเลย ไม่ว่าจะขมับ แก้ม หรือมุมปาก มือไม้ที่สงสัยจะเป็นญาติกับปลาหมึกก็ลูบอยู่ที่เอวฉันอย่างไร้มารยาท ผลักออกแล้วแต่หมอนี่มันไม่ยอมขยับเขยื้อน

“ถ้าเราจูบกันสองคนโดยไม่มีคนอื่นจับจ้องเธอก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมหมู โอ๊ย! ยัยลูกหมูปีศาจ ฉันเจ็บนะ หยิกมาได้ ถ้าเจอกัดคืนแล้วจะร้องไม่ออก” ไอ้บ้าขุนมันแหกปากร้องอย่างกับควายถูกเชือด เจ้ามารยาไม่มีใครเกินหมอนี่อีกแล้ว

“อย่ามาปากดีกับฉันนายขุน! นายทำให้ฉันอับอายต้องรับผิดชอบรู้ไว้ซะด้วย!” ฉันชักเกลียดสายตาของหมอนี่จริงจังแล้วนะ มันเจ้าเล่ห์และน่าตบไปพร้อมๆกันเลย คำอธิษฐานเมื่อเช้าเธอจะไม่ขอถ้ารู้ว่าต้องมาเจอกับไอ้คนบ้านี่

“อืม จะรับผิดชอบทั้งตัวเลยตกลงไหม”

“ฮิ้ววว”

วันนี้เป็นวันที่ฉันเหนื่อยมากเป็นพิเศษเพราะอะไรน่ะเหรอก็เพราะว่าไอ้บ้าขุนน่ะสิที่เกาะติดฉันเป็นปลิงเป็นปลวกเลย ช่วงบ่ายที่มีเรียนอาจารย์ก็งดคลาสเหตุผลคือเปิดเทอมวันแรกไม่มีอะไรมากยังไม่อยากสอน ซึ่งมันจะดีมากเลยไงถ้าไม่มีนายขุนพลตามติดก้นต้อยๆไปทุกที่อยู่แบบนี้ พอถามเขาก็บอกว่าถึงมีก็ไม่เข้าได้มีเพื่อนเป็นถึงลูกชายเจ้าของมหาวิทยาลัยจะกลัวทำไม โถ เออดีเนอะเหตุผลหมอนี่ฟังเข้าท่าซะไม่มี ฉันควรอิจฉาดีไหมเนี่ย เอาล่ะๆพักเรื่องนายขุนคนน่ามึนแล้วมาคิดถึงเรื่องตัวเองบ้างดีกว่า

ฉันน่ะเป็นลูกสาวคนเล็กสุดของป๋าม๊ามีพี่ชายสองคนชื่อเฮียหนึ่งคนที่สองชื่อเฮียสอง สุดท้ายหมวยเล็กที่มีชื่อกิ๋บเก๋ต่างจากพี่ๆคือหมูแดง เป็นครอบครัวคนจีน ทำธุรกิจห้างทองและมีโรงงานผลิตผลไม้กระป๋องส่งออกต่างประเทศ แฟนเฟินอะไรไม่เคยมีหรอกตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้มีแต่คนมาจีบแต่ฉันไม่สนใจไง สวยๆโสดๆมันดีกว่าเยอะ ใครๆก็ชอบบอกว่าฉันเหมือนตุ๊กตาอย่างนั้นอย่างนี้เลยไม่แปลกที่ครอบครัวจะรักและปลื้มปริ่มกับฉันม๊ากมาก แต่ก็นะยิ่งเป็นลูกคนเล็กและลูกสาวคนเดียวของครอบครัวแบบนี้ด้วยคนตามใจก็เลยเยอะมันเลยทำให้ฉันค่อนข้างเป็นคนขี้งอน ขี้น้อยใจหากมีใครทำให้ขัดใจ

“ไม่ต้องมาเงียบเลยนะหมูแดง แกรีบเล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าทำไมแกกับพี่ขุนถึงตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋แบบนี้ นี่เปิดเทอมวันแรกขึ้นชั้นเรียนใหม่แกก็ได้ผู้ชายหน้าตาดีมาเดินตามก้นต้อยๆเลยเหรอยะร้ายกาจมากเพื่อนฉัน” เสียงใสๆของยัยพิ้งค์ขาลุยทำให้สมองที่กำลังคิดอะไรเพลินๆกระเจิดกระเจิง

“ฉันนะคันปากยิบๆตั้งแต่เห็นหน้าพี่เขาแล้วแต่ก็ไม่กล้าถามออกมา ดีที่พี่เขาไปเข้าห้องน้ำเลยพอมีโอกาสซักแกได้หน่อย เร็วๆเลยก่อนที่พี่ขุนของแกจะกลับมา” นี่ยัยมินนี่มาอีกคนแล้ว สองคนนี้ยังไม่รู้อะไรมากเลยออกอาการมากเมื่อไม่มีตัวต้นเหตุแห่งความสงสัยนั่งหน้าหล่อให้หมั่นไส้ชั่วขณะ

“เอาไว้พวกเราโทรคุยกันคืนนี้ได้ไหมเล่าเรื่องมันค่อนข้างยาวน่ะ เล่าตอนนี้เดี๋ยวหล่อนสองคนก็ค้างคาเพราะเดี๋ยวนายขุนก็โผล่มาขัดจังหวะ ฉันไม่อยากเล่าต่อหน้าหมอนั่นเข้าใจหน่อยนะเพื่อนๆจ๋า” ตอนนี้เรานั่งอยู่ในคาเฟ่ที่อยู่ในมหาลัยเพื่อเม้าท์กันตามประสาเพื่อนและอีกหนึ่งรายที่ไม่นับเป็นเพื่อนก็เสนอตัวเองมาร่วมด้วย ไม่เชิญก็เชิญตัวเองมาหน้าตาเฉยเชื่อเขาเลย

“โอเคค่ะเพื่อนเลิฟ คืนนี้ก็คืนนี้ พูดแล้วห้ามคืนคำนะยะยัยหมูแดงไม่งั้นเจอบุกถึงห้องแกแน่แหละ” พิ้งค์กับมินนี่ทำท่าขึงขังแต่ก็ไม่ดื้อดึงบังคับให้เล่าเลยอย่างก่อนหน้า และไม่นานนายขุนพลก็เดินกลับเข้ามานั่งข้างฉันเหมือนเดิม

“หืม” ฉันทำจมูกฟุดฟิดทันทีเมื่อได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมาปะทะเข้าในโพรงจมูกอย่างจังและกลิ่นนี้มันก็มาจากทางนายขุนด้วยสิ ฉันว่าฉันเดาไม่ผิด

“นี่เธออยากจะดมร่างกายของฉันขนาดนี้เลยเหรอหมู” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างกวนๆ

“ประสาท นี่นายไปสูบบุหรี่มาเหรอขุน” คนโดนถามพยักหน้าตอบรับหงึกหงักโดยที่สายตายังจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์แล้วฉวยแขนยาวๆหยิบแก้วชาเขียวปั่นของฉันขึ้นดูดหน้าตาเฉย ของตัวเองก็มี ยัยมินนี่กับยัยพิ้งค์นี่ตาโตแทบถลนออกจากเบ้าเลย แถมทำปากพะงาบๆพูดไม่มีเสียงว่าอะไรยังไงกันจ๊ะ เป็นการแซ็วให้เขิน

“เธอไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ใช่ไหมหมู” ขุนพลถามแล้ววางคางเกยไว้บนลาดไหล่ของฉัน ซึ่งมันทำให้ฉันอายสายตาหยอกล้อของเพื่อนมากคือนายถามฉันเฉยๆไม่ได้รึยังไงคนบ้าเอ๊ย! ทำไมนายจะต้องแสดงท่าทางสนิทสนมกับฉันต่อหน้าเพื่อนด้วย

“อือ ไม่ชอบมันเหม็น แล้วก็ช่วยยกหัวนายออกไปด้วยไหล่ฉันด้วยมันไม่ใช่ที่พักพิงหัวหนักๆของนาย” ฉันพูดเสียงรอดไรฟันแล้วผลักออกแต่เจ้าตัวก็ขืนตัวเอาไว้สุดแรง แถมยังจับมือฉันขึ้นจูบหน้าด้านๆอีกด้วย ให้มันได้อย่างนี้สิ

“คิๆ” แล้วดูยัยสองคนนี่หัวเราะสิ ฮึ่ย! เพื่อนของหล่อนๆไม่ได้ยินดีด้วยเลยเห็นไหมเนี่ย

“ขุน! ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ” เสียงแข็งใส่บอกให้รู้ว่ากำลังไม่พอใจแต่แทนที่หมอนี่มันจะสลดเปล่าเลยยกขึ้นจูบซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่สนใจว่าฉันจะมีสีหน้ายังไง

“นี่ยัยหมวย พอดีฉันกับมินนี่คุยกันว่าจะไปเดินซื้อพวกของใช้ในห้างกัน แกสนใจจะไปเดินเล่นด้วยกันไหม” พิ้งค์เอ่ยขัดตาทัพทำให้ฉันละสายตาจากขุนพลมามองเพื่อน

“หมูคงไม่ได้ไปด้วยหรอกครับ เพราะหมูแดงมีนัดกับพี่แล้วน่ะขอโทษด้วยนะครับ เอาไว้สาวๆค่อยไปพร้อมกันสามคนในวันหลังนะ” คือไอ้บ้าขุนชิงตัดหน้า ด้วยความปากไว ตอบแทนฉันด้วยตัวเองเสร็จสรรพเลยจ้า แล้วคือฉันมีนัดกับหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิดจะมัดมือชกฉันงั้นเหรอ

“ค่ะพี่ขุน” แหมเสียงอ่อนเชียวนะเพื่อนฉัน

“งั้นเราสองคนก็รีบไปกันเถอะ ฉันอยากจะกินหมูแล้ว” ขุนพลกระตุกมือให้ฉันลุกขึ้นยืน พร้อมถือกระเป๋าให้ฉันอย่างรู้งาน เสมือนมีพี่เลี้ยงคอยตามดูแลเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เพิ่งจะหลุดออกจากปากของหมอนี่ทำเอาฉันอยากขืนตัวจิกปลายเท้าไว้สุดฤทธิ์

มันหมายความว่ายังไงที่บอกอยากกินหมู สาบานว่าฉันไม่ได้ทะลึ่ง คิดอกุศลนะ แต่ความหมายมันแปลได้ในแง่นั้นเหมือนกันจริงไหม ไม่เว้นแม้แต่ยัยมินนี่และยัยพิ้งค์ที่นั่งมองตาปริบๆ คำพูดแบบสองแง่สามง่ามฉันเกลี๊ยดเกลียด

“กะ...กินหมูอะไรของนาย” ฉันถามอย่างไม่ค่อยไว้ใจในคำพูด เพราะสายตาของนายขุนนี่แหละที่จะทำให้สติฉันแทบแตก ไหนจะรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอีก

“ก็กินหมูไง อยากกินหมู”

จุ๊บ

“นะ...นี่ อะ...ไอบ้าขุน” ฉันโดนจุ๊บปากโชว์ชาวบ้านชาวช่องอีกแล้ว ฮือ ฉันยกมือขึ้นตะครุบปิดเอาไว้ไม่ทัน นอกจากมือไวแล้วปากยังไวอีกต่างหาก

“คิดอะไรของเธอ ฉันอยากกินหมูย่าง ไม่ได้อยากกินหมูแดง หึๆ”

อยากกินหมูย่างอย่างนั้นเหรอ หมูย่างจริงๆน่ะเหรอที่หมอนี่อยากกิน ฉันจะพยายามเชื่อดูละกันว่าหมูย่างคือสิ่งที่ขุนพลอยากกินจริงๆ ไม่ใช่หมูอย่างอื่น อ๊าย

ขุนของเรารุกแรงนะฮะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel