หวงก้าง | EP.5 จูบเบาๆ สั่นทั้งหัวใจ
ริมฝีปากหยักบดจูบดูดเร้าอย่างดูดดื่มแทบไม่เว้นว่างให้หายใจ คนที่อ่อนประสบการณ์เพราะเพิ่งเคยมีจูบแรกถึงกับเข่าอ่อนแทบยืนไม่อยู่ หัวสมองขาวโพนนึกอะไรไม่ออกนอกจากพยายามหอบลมหายใจเข้าออกให้มากที่สุด
กลีบปากอวบอิ่มกับกลิ่นหอมกุหลาบในปากเล็กทำให้เขาไม่อยากหยุด ลิ้นสากไล่ต้อนดูดดึงลิ้นนุ่มสลับขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มอย่างเอาแต่ใจโดยไม่มีท่าทีจะหยุด
มือเล็กกำแน่นทุบอกแกร่งเบาๆ เพราะเธอเหลือเรี่ยวแรงแค่นั้น เมื่อหญิงสาวอ่อนแรงลง ร่างสูงค่อยๆ ก้าวถอยหลังนั่งลงโซฟาพร้อมกอดคนตัวเล็กนั่งคร่อมตักโดยที่ริมฝีปากไม่ยอมผละออก
ยิ่งเกรซตอบรับจูบอย่างเงอะงะ เฟรดริกยิ่งพอใจมอบจูบร้อนแรงปนอ่อนหวานให้ ความช่ำชองมากประสบการณ์ของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวติดกับจนอารมณ์เริ่มคล้อยตามกันอย่างง่ายดาย
เสียงดูดปากดูดน้ำลายดังน่าอาย ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่
“ทะ ทำอะไร...” เอ่ยถามเสียงอ่อน แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
เฟรดริกยิ้มกริ่มมองริมฝีปากอวบอิ่มเปื้อนน้ำลายก่อนเลื่อนมองทั้งใบหน้าสวยที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แก้มนุ่มของเกรซแดงระเรื่อจนเขาอยากสัมผัส
“พิสูจน์ไง”
“พิสูจน์อะไร”
“พิสูจน์ว่าเกรซไม่ได้ชอบผม แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่นะ เมื่อกี้เกรซจูบ...”
“ระ... ร่างกายมันก็เป็นไปตามสัญชาติญาณนั่นแหละ”
รีบชิงพูดขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ มองสำรวจท่านั่งของเขาและเธอในตอนนี้ก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม เธอนั่งคร่อมโอบกอดรอบคอเฟรดริกไว้แบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน!
“จะไปไหน พูดแบบนี้แล้วคิดว่าลุกออกไปง่ายๆ เหรอเกรซ”
กอดคนตัวเล็กไว้แน่น รู้อยู่แล้วว่าเกรซหุ่นดีขนาดไหน แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ยิ่งได้กอดได้สัมผัสมากกว่ามองจึงรู้ว่าส่วนโค้งเว้าแต่ละสัดส่วนชัดเจนมากจนไม่อยากปล่อย
“พี่พูดจริง ใครทำแบบนี้ในเวลาแบบนี้ก็เคลิ้มทั้งนั้นแหละ” มั้ง... ข้อแก้ตัวเธอช่วงเหมือนผู้หญิงใจง่ายที่คล้อยตามผู้ชายได้ทุกเมื่อจริงๆ
เกรซนะเกรซ...
“งั้นขอพิสูจน์อีกรอบหน่อยว่ามันใช่หรือเปล่า ใครก็ได้จริงเหรอ?” นิ้วมือใหญ่เกลี่ยกรอบหน้าสวยมาหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง สายตาคมดุนิ่งแสดงความไม่พอใจกับคำพูดของหญิงสาว
“มะ... อื้อ!”
ไวกว่าความคิด ริมฝีปากหยักของเฟรดริกกระแทกจูบลงปากนุ่มอย่างรวดเร็วจนเลือดซิบแตกต่างจากจูบครั้งก่อนลิบลับ
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ จูบเร่าร้อนเอาแต่ใจไม่ปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอกำปั้นน้อยๆ จึงทุบอกแกร่งระรัวแต่โดนมือหนาจับรวบไปไว้ข้างหลังด้วยมือเดียว
การจู่โจมที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว มันกะทันหันมากตั้งแต่ตอนบ่ายจนถึงตอนนี้
“เคยชอบก็ชอบอีกได้ เกรซคอยดูแล้วกัน”
ถอนจูบออก หญิงสาวถึงสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนัก ส่งสายตามองค้อนคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
“...”
“อีกอย่าง อย่าพูดแบบนี้กับผมอีก”
“ไอ้เด็กบ้า!”
ร่างอรชรรีบลุกจากตักกำยำ ยืนเอามือปิดปากตนเองพลางมองชายหนุ่มด้วยความสับสน อยากจะทุบรอยยิ้มมุกปากนั่นซะจริงๆ
เฟรดริกลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มมุมปากเหมือนคนชนะที่รู้ทันคู่ต่อสู้
“ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากเลย ผมเองก็พึ่งรู้ตัวเหมือนกัน”
เอ่ยพูดด้วยสายตาที่มองพี่สาวคนนี้เปลี่ยนไปโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้มันชัดเจนมาก
หญิงสาวมองตามแผ่นหลังกว้างจนเดินพ้นประตูบ้านด้วยหัวใจที่เต้นแรง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง สมองพยายามคิดหาความหมายกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมาเมื่อครู่อย่างหนัก
“มาปิดประตูบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
“ฮึก! ไปแล้ว!” เสียงทุ้มเข้มบอกเสียงดังจนเธอสะดุ้งตกใจ กำปั้นยกมือใส่ถ้าอยู่ใกล้จะทุบให้หลังหัก
เฟรดริกยิ้มมุมปากรอหญิงเดินมาปิดประตูบ้าน เกรซรีบปิดประตูลงกลอนแน่นหนาปิดม่านใส่หน้าคนที่อยู่ข้างนอกอย่างแรง ก่อนเดินเข้ามานั่งบนโซฟา ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความสับสนปนตกใจแต่ในขณะเดียวกันก็เห่อร้อนขึ้น
เฟรดริกเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางอารมณ์ดี ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปากอยู่ตลอดเวลา แววตาของชายหนุ่มที่ใครๆ ก็ว่ามันนิ่งสนิทตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกหลายหลายอย่าง แต่โดยรวมแล้วไปในทางที่ดีซะมากกว่า
“อารมณ์ดีจังนะเรา ทานข้าวแล้วยังลูก” วิเวียนเอ่ยถามลูกชายเสียงหวาน เห็นยิ้มหน้าบานมาก็อดสงสัยไม่ได้ คงไปบ้านข้างๆ มาแน่ๆ ยิ้มมาซะขนาดนี้ ไม่ว่าจะตอนเด็กหรือตอนโตก็ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ
ลูกชายของเธอชอบไปเล่นบ้านคุณนพพลกับคุณกานดามากตั้งแต่เด็กๆ หวงลูกสาวบ้านนั้นมากกว่าพ่อแม่เขาอีกล่ะมั้ง
“นิดหน่อยครับแม่ แล้วแด๊ดล่ะครับ” มือหยิบองุ่นบนโต๊ะทานอาหารเข้าปาก
“เดินยิ้มมาโน่นไงลูก”
“คุณครับ ทำอะไรทานเหรอ หอมจัง” ฮาลเดินมากอดภรรยาจากทางด้านหลัง หอมแก้มวิเวียนเอาอกเอาใจเพราะตอนนี้เขาหิวข้าวมาก
ตอนประชุมช่วงบ่ายเสร็จแล้วไปทานข้าวกับหุ้นส่วน คุยเรื่องงานไปด้วยทานอาหารไปด้วยเขารู้สึกว่าไม่อร่อย กลับบ้านมาวิเวียนเลยโชว์ฝีมือทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กิน
“เพราะหิวล่ะสิ อ้อนใหญ่เลย”
“หนุ่มน้อย ถ้าอยากกอดเมียแบบนี้ก็รีบๆ หาซะนะ” ฮาลแกล้งพูดกับลูกชายพลางกอดเอวเกาะติดภรรยาโดยไม่อายลูก
เฟรดริกได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้าส่งเสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกัน ตั้งใจจำความได้ก็เห็นพ่อกับแม่คลั่งรักแบบนี้กันตลอด บางทีเขาก็คิดว่าอายุมากแล้วพวกท่านไม่เบื่อกันบ้างหรือไง
“ผมไม่รีบครับ”
“จะรอดูแล้วกันนะไอ้ลูกชาย ว่าแต่ได้คุยกับหนูเกรซบ้างแล้วยัง”
“น่าจะคุยแล้วนะคะ ยิ้มหน้าบานมาเชียว พี่เขาสวยใช่มั้ยล่ะ” วิเวียนอดแซวลูกชายไม่ได้
“ก็สวยครับ เกรซทำงานกับเรามานานแล้วเหรอ” ตอบเขินๆ บ่ายเบี่ยงถามเรื่องอื่นแทน
“ตั้งแต่เรียนจบเลยล่ะ หลังจากจบปริญญาตรีก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย พึ่งจบปริญญาโทเมื่อปีที่แล้วเอง เก่งใช่มั้ยล่ะ” วิเวียนเอ่ยอย่างชื่นชม
“ครับ...”
ก็พอรู้ๆ มาบ้างว่าเกรซเรียนจบแล้วเข้าทำงานที่บริษัทของเขาแล้วก็เพิ่งจบโทเมื่อปลายปีที่แล้ว แค่ถามเพราะไม่มีอะไรให้ถามมากกว่า
“มาๆ ทานข้าวกัน”
“แด๊ดครับ จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมจะขอรับผิดชอบโปรเจกต์ที่ประชุมวันนี้”
“ถามแม่สิ เจ้าของโปรเจกต์คือแม่ไม่ใช่พ่อนะ ใช่มั้ยคุณ” ถามจบก็หอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่
“ได้สิลูก ว่าแต่ทำไมอยากทำล่ะ เฟร็ดไม่อยากพักก่อนเหรอ” เรียนหนักมานานเธอก็อยากลูกพักทำงานก่อน แต่ถ้าจะหาแฟนหาสาวก็พอได้อยู่
“ผมไม่อยากว่างงานน่ะครับ มันน่าเบื่อ”
“ตามใจ ทำงานแล้วอย่าลืมหาแฟนด้วยล่ะ” พูดจบก็เดินเอาอาหารไปเสิร์ฟบนโต๊ะ เวลาเธอลงครัวทำอาหารกับสามี คนรับใช้จะไม่ค่อยเข้ามายุ่งยกเว้นหาอะไรไม่เจอแล้วพวกเธอเรียกหาถึงจะมา
“ขอบคุณครับแม่” ยิ้มกริ่มมากอดแม่ก่อนหอมแก้มฟอดใหญ่
“ว๊าย! พ่อลูกคู่นี้ แก้มช้ำหมดแล้วเนี่ย”
“เดี๋ยวนี้หวงแก้มตัวเองแล้วเหรอครับ” เฟรดริกยิ้มขำ
“หวงสิ เป็นหนุ่มแล้วไปหาหอมแก้มสาวนู่น มาหอมแก้มแม่อยู่ได้”
“นั่นสิ ไปหาสาวนู่น” ฮาลโบ้ยหน้าไปทางบ้านเกรซ ทำไมเขาจะดูลูกชายคนเดียวของตัวเองไม่ออก จ้องเขาขนาดนั้นไม่จีบซะเลยล่ะ
“แค่พี่น้องกันตอนเด็ก ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ สักหน่อย” ฮาลพูดลอยๆ เฟรดริกยิ่งยิ้มขำหัวเราะในลำคอ
เฟรดริกกลับขึ้นไปบนห้องนอน ความรู้สึกหอมนุ่มละมุนยังติดอยู่ลายลิ้นสากทำให้ชายหนุ่มนึกติดใจอยากลิ้มลองความหวานนั่นอีก มือหนาลูบคางตนเองพลางนึกถึงจูบเมื่อกี้อย่างชอบใจ
