ตอนที่ 4.จ่ายด้วยจูบ
EP4. จ่ายด้วยจูบ
นาริกาทำความสะอาดห้องน้ำให้เขาจนเสร็จเรียบร้อยในเวลาเกือบๆครึ่งชั่วโมง ดวงตากลมโตกวาดไปรอบๆห้องน้ำสีขาวสะอาดอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็คให้มั่นใจว่าเธอทำความสะอาดจนครบทุกซอกทุกมุมแล้ว
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างภูมิใจกับฝีมือของตัวเอง ก่อนจะนำอุปกรณ์ทุกอย่างไปล้างแล้วเก็บเอาไว้ตามเดิม ร่างบางเดินออกมาจากห้องนั้น เพื่อตรงไปหาเจ้านายหนุ่มที่สั่งเธอเอาไว้ก่อนหน้าว่าให้เข้าไปหาที่ห้องอาหารอีกรอบหากทำงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อมาถึงนาริกาก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะบนโต๊ะอาหารตอนนี้มันมีอาหารวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะไปหมด มาติเนสนั่งทำหน้านิ่งปรายตามองเธอที่เดินเข้ามาใหม่ในขณะที่มือหนากำลังนั่งเช็คงานผ่านไอแพดอยู่
“งานเสร็จแล้ว?”
“ค่ะ เสร็จแล้วค่ะ คุณเนสมีอะไรจะใช้นาเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ”
“มี นั่งลงสิ”
เขาละสายตาออกจากไอแพดรุ่นที่แพงที่สุดก่อนจะพยักเพยิดหน้าเชิญให้คนตัวเล็กนั่งลง ซึ่งนาริกาก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี
“เอ่อ ค่ะ คุณเนสมีอะไรจะใช้นาอีกหรอคะ”
“กินข้าวให้อิ่ม เสร็จแล้วฉันจะไปส่งเธอเอง” มาติเนสตอบกลับน้ำเสียงเรียบเฉย ระหว่างที่เธอทำความสะอาดห้องน้ำ เขาสั่งให้ลูกน้องซื้ออาหารมาให้เยอะแยะ เพราะไม่รู้ว่าเธอชอบทานอะไรถึงได้สั่งมาเยอะเบอร์นี้
นาริกามองหน้าเขาอย่างงงๆ สรุปแล้วเขาไม่มีอะไรจะให้เธอทำอีก แต่เขากลับสั่งให้เธอทานข้าวให้อิ่มเสียงั้น ร่างบางทำหน้าเหลอหลา เธอทำตัวไม่ถูก เมื่ออยู่ดีๆเจ้านายหนุ่มก็เริ่มทำพฤติกรรมแปลกประหลาด เธอไม่เคยเห็นเจ้านายที่ไหนจะซื้ออาหารราคาแพงมาให้ลูกน้องทานหลังจากที่ทำงานเสร็จแบบนี้เลย ดูจากวัตถุดิบที่อยู่ในจาน แต่ละอย่างมันคงแพงมากเลย
“มะหมดนี่เลยหรอคะ นาคงกินไม่หมด” เธอว่าน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะอาหารที่อยู่ตรงหน้ามันเยอะมากจนละลานตาไปหมด
ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นอาหารงางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเยอะขนาดนี้มาก่อน กลิ่นอาหารหอมๆยั่วน้ำลาย เริ่มทำให้ท้องน้อยๆเกิดอาการหิวขึ้นมา เธอไม่ใช่พวกใส่ใจกับอาหารการกินสักเท่าไหร่ เพราะงบมีจำกัดจึงกินได้เท่าที่กิน แค่กินข้าวกล่องก็หรูมากแล้ว
“กินหมดนี่ก็พุงแตกกันพอดี ทานแค่อิ่มก็พอ เอาสิ ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบอะไรก็เลยสั่งมาหลายๆอย่าง” เขาเอ่ยท่าทางใจดี นาริกาจึงรู้สึกเบาใจขึ้นมาก
“ขอบคุณค่ะคุณเนส จะทานให้อร่อยนะคะ”
เธอยกมือพนมขึ้นไหว้เขาเพื่อขอบคุณจากใจจริงที่เขาเอ็นดูและเมตตาผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเธอ ใบหน้าหวานๆปราศจากเครื่องสำอางค์คลี่ยิ้มออกมาส่งให้คนตรงหน้าหวานหยดย้อย ทำเอาคนตัวโตเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีอีกครั้ง รอยยิ้มของเธอมักทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์เสมอ
“คุณเนสทานด้วยกันไหมคะ” นาริกาเอ่ยถามในขณะที่กำลังใช้มือบางแกะกุ้งเผาตัวโตๆ มันดูน่าอร่อยมาก จนเธออดใจไม่ไหวต้องชิมเป็นอย่างแรก
“แกะให้ฉันสักตัวสิ ฉันไม่อยากมือเปื้อน” เขาหลุดออกจากภวังค์เมื่อโดนเอ่ยถาม
“ค่ะ งั้นคุณเนสกินตัวนี้เลยนะคะ เดี๋ยวนาป้อนค่ะ อ้าปากสิคะ”
ว่าจบกุ้งตัวโตๆที่ถูกแกะออกมาอย่างสวยงามก็ถูกนาริกายื่นเข้าไปจ่ออยู่ตรงหน้าของเขา มาติเนสมองท่าทางนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เกิดมาจนอายุย่างเข้าสามสิบห้าปี ยังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี่กับเขามาก่อน หรืออาจจะเคยมีสมัยป๊อปปี้เลิฟ แต่นั่นมันก็นานมากจนเขาลืมความรู้สึกใจเต้นแรงพวกนี้ไปหมดแล้ว
“จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยสิ ไม่ต้องเยอะนะ ฉันกินเผ็ดไม่ค่อยได้”
“ได้ค่ะ นี่ค่ะเสร็จแล้ว”
ชายหนุ่มอ้าปากรับเอากุ้งที่คนตัวเล็กแกะให้เข้ามาเคี้ยวตุยๆในปาก เขาแยกไม่ออกเลยว่ามันอร่อยที่กุ้งหรืออร่อยเพราะคนป้อน
“กุ้งนี่อร่อยสุดยอดเลยนะคะ โดยเฉพาะตรงนี้”
เมื่อรู้สึกคุ้นเคยกับเขามากขึ้น นาริกาจึงกล้าที่จะพูดออกมามากว่าเดิม หญิงสาวใช้ช้อนตักมันกุ้งสีส้มวาวมาทานอย่างเอร็ดอร่อย มาติเนสเห็นภาพนั้นก็ยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู เธอจะรู้ตัวไหมว่าตอนนี้รอยยิ้มของเธอมันช่างดูสดใสมาก นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้
พักหลังๆมาเขาทุ่มเทพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมันประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่มันก็ต้องแลกด้วยอิสระภาพทางการใช้ชีวิตของเขาที่เเทบจะไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นหรือทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากเดินทางไปคาสิโนเพื่อเคลียร์งาน
“อร่อยก็กินเยอะๆ กินอย่างอื่นด้วยล่ะ”
“รับทราบค่าเจ้านาย”
“เเกะมาให้ฉันอีกสักตัวสิ”
เขาชะเง้อคอมองเธอ เริ่มทำตัวเป็นคนแก่เอาแต่ใจ อยากให้เด็กเอาใจโดยการแกะกุ้งให้กินอีกหลายๆตัว สุดท้ายเขาก็ได้ทานข้าวพร้อมกับเธอ ตอนแรกกะจะนั่งดูเธอกินเฉยๆ กลายเป็นว่าทั้งสองกินอิ่มจนพุงกางกันเลยทีเดียว
“อู้ย อิ่มมากเลยค่ะคุณเนส อร่อยมากด้วย ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับอาหารมื้อนี้” นาริกาเอ่ยพลางลูบท้องตัวเองเบาๆ ปกติเธอกินได้ไม่เยอะเท่านี้ วันนี้จัดหนักเอาซะแทบเดินไม่ไหว
มาติเนสมองภาพนั้นอย่างตลกขบขัน มีอย่างที่ไหน ผู้หญิงกินอิ่มแล้วทิ้งตัวลงพิงกับเก้าอี้โดยไม่ห่วงสวยเลยสักนิด เธอช่างแปลกคน ไม่ห่วงสวย ไม่กลัวอ้วน ขืนเป็นแบบนี้กระเป๋าเขาคงฉีกเพราะอยากซื้อแต่ของกินมาประเคนเธอแน่ๆ เขาชอบคนกินเก่ง
“กินเก่งเหมือนกันนี่ อาหารยังเหลืออีกตั้งเยอะห่อกลับไปกินสิ พรุ่งนี้เธอไม่ได้มาทำงานนี่”
มาติเนสว่าพลางเลื่อนสายตาไปมองจานอาหารที่ยังมีอาหารหลงเหลืออยู่มาก หลังจากนี้เขาคงไม่กินอะไรอีกแล้ว หุ่นแบบนี้กว่าจะได้มาเขาเองก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆหรอกนะ เขาทานอาหารเป็นเวลาแถมยังเข้าฟิตเน็ตอยู่เป็นประจำ ถึงได้มีซิกแพ็คกับกล้ามบึกบึนมาเป็นรางวัล
“ได้หรอคะ คุณเนสจะไม่กินอีกแล้วหรอคะ”
“อืม ฉันไม่กินแล้ว เธอห่อกลับหมดได้เลย”
“ขอบคุณมากค่า งั้นนาไม่เกรงใจนะคะ”
เธอยิ้มยิงฟันจนตาหยี ทำเอาคนตัวโตส่ายหัวออกมาให้กับความน่ารักและความทะเล้นของเธอเบาๆ
( ยิ่งได้รู้จัก ยัยเด็กนี่ยิ่งดูน่ารักแฮะ ชักเป็นเอามากเเล้วเรา )
ชายหนุ่มนั่งมองนาริกาเตรียมอาหารจนเสร็จ จากนั้นเขาก็เป็นคนอาสาไปส่งเธอเอง ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าหอพักของเธออยู่ตรงไหน แต่เขาก็เอ่ยถามเธอเป็นพอพิธี หากเธอรู้ว่าเขาแอบไปตามสืบประวัติเธอมาจนหมด เธออาจจะมองเขาเป็นโรคจิตก็เป็นได้
นาริกาพักอยู่หอเล็กๆเเถวๆหน้ามอเพราะคนไม่มครถจักรยานยนต์อย่างเธอ พักอยู่แถวนี้จะสะดวกแก่การไปเรียนมากกว่า หอพักของที่นี่เป็นหอธรรมดาๆ เดือนละสี่พันบาท ถ้าเทียบกับค่าครองชีพในเมืองกรุงแล้ว มันก็ราคาถูกมาก ส่วนสภาพห้องก็ตามอรรถภาพและการใช้งาน
“คุณเนสขับรถเหมือนรู้ทางมาก่อนเลยนะคะเนี้ย”
คนเอ่ยไม่ได้คิดอะไร เธอแค่อยากชมว่าเขาขับรถคล่องทางราวกับเคยมาหอเธอมาก่อน คนตัวโตหัวเราะหึหึ ในลำคอ ก็ใช่น่ะสิ เขาเคยเห็นภาพหอเธอรวมไปถึงภาพถนนเส้นทางทั้งหมดผ่านทางกูเกิลแมพหมดแล้ว
“ฉันเคยมาแถวนี้”
“อ่อค่ะ”
เพียงไม่นาน รถยนต์สีขาคันหรูก็ขับมาจอดบริเวณหน้าทางเข้าของหอที่เป็นตึกสีฟ้า มันค่อนข้างทรุดโทรมหน่อยๆ มองปร๊าดเดียวเขาก็รู้ว่าตึกนี้คงสร้างมามากกว่าสิบปีแล้ว สภาพจริงมันดูแย่กว่าในภาพที่ลูกน้องส่งมาให้เขาดูเสียอีก
“ขอบคุณมากนะคะคุณเนสที่มาส่งนา”
หญิงสาวยกมือไหว้เขาอีกครั้ง ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าอย่างชอบใจ เขาชื่นชอบที่เธอเป็นคนมีมารยาทและมีกริยานอบน้อมกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ ซึ่งเรื่องนี้มันแสดงถึงการที่เธอถูกทางบ้านอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป เธอยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารที่กินไปเลยนะ”
นาริกาหยุดชะงักเมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวทำหน้าเหว๋อไปชั่วครู่ เท่าที่เธอจำได้ เขาเป็นสั่งให้เธอกินข้าวเองไม่ใช่หรอ อาหารตั้งมากมายขนาดนั้นมันจะราคาเท่าไหร่! แล้วเธอจะเอาตังที่ไหนจ่าย เธอนึกว่าเขาจะเลี้ยงเสียอีกให้ตายเถอะ!
“ห๊าา นะนาต้องจ่ายด้วยหรอคะ”
“ใช่ ฉันไม่ได้บอกเธอนี่ว่าจะให้กินฟรีๆน่ะ” คนพูดกระตุกยิ้มร้าย เขาจะให้เธอจ่ายค่าอาหาร แต่ไม่ใช่ด้วยเงิน
“เอ่อ ละแล้วมันเท่าไหร่ละคะ อาหารแพงๆแบบนั้น นาจะมีตังจ่ายหรอคะ ถ้าคุณเนสจะไม่เลี้ยงก็ควรจะบอกก่อนกินสิ” เธอร่ายยาวเป็นหางเว้า แก้มกลมๆเริ่มออกลายตุ๊บป่อง เพราะเครียดเรื่องที่เธอต้องจ่ายเงิน ปกติเธอเป็นคนทำรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระเบียบ หากมีรายจ่ายเกินมาแบบกระทันหันเธออาจจะตกที่นั่งลำบากได้
“นาริกา ฉันไม่ได้บอกว่าเธอต้องจ่ายด้วยเงิน” เขาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ส่วนนาริกาก็เริ่มงง เพราะเธอไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
“แล้วคุณเนสจะให้นาจ่ายยังไงคะ ผ่อนจ่ายได้ไหม หรือหักเอาจากเงินเดือนนาก็ได้”
“ฉันขอจูบ….จ่ายฉันมาด้วยจูบของเธอ”
“ห๊ะ….คะคุณเนสพูดว่าอะไรนะคะ!” นาริกาตะโกนเสียงดัง เธอไม่แน่ใจว่าเขาพูดแบบนั้นออกมาจริงๆหรือเธอหูฝาดไปเองกันแน่
( จูบเนี้ยนะ! บ้าไปแล้ว เธอเคยทำแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ )
“เธอจะเสียงดังทำไม ฉันบอกว่าฉันจะจูบเธอ”
“คุณเนส พูดจริงหรอคะ จะให้นาจ่ายค่าอาหารด้วยจูบหรอคะ” เธอทวนคำถามใส่เขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้เข้าใจผิดพลาด ซึ่งมาติเนสก็พยักหน้าตอบกลับมา
หัวใจดวงน้อยๆเริ่มเต้นกระส่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงแค่จิตนาการว่าได้จูบกับเขา เธอก็มือไม้อ่อนไปหมดแล้ว เมื่อเห็นร่างเล็กนิ่งคิดไปนานมาติเนสก็ไม่อยากจะเสียเวลารอช้า เขาดึงไหล่เธอเข้ามาใกล้ก่อนจะฉกริมฝีปากลงไปประกบกับปากเธออย่างเนิบนาบ
นาริกาตัวนั่งแข็งทื่อให้กับสัมผัสอันแปลกใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ลิ้นหนาเริ่มต้อนให้ริมฝีบางรูปกระจับเผยอออกจนเข้าสามารถส่งลิ้นเข้าไปดูดดันลิ้นของเธอได้อย่างหื่นกระหาย ท่าทางอันไร้เดียงสาทำอะไรไม่ถูกของเธอทำเอาเขาแทบคลั่ง
น้ำลายของคนทั้งสองประสมปนเปกันจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร ริมฝีปากบางถูกดุนดันจนมารีน่ารู้สึกเจ็บแปล๊บพร้อมกับตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน ในขณะเดียวกันมังกรยักษ์ก็ค่อยๆเริ่มตื่นตัวขึ้นมาภายในเป้ากางเกงที่คับตุง
“เห่อ เห่อ อะเอ่อ พะพอแล้วใช่ไหมคะ”
เมื่อเขาผละออกเพราะเธอเกือบจะขาดอากาศหายใจ ใบหน้าหวานที่บัดนี้แดงเเปร๊ดก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธออายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี!
( อ๊ากกก นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี้ย แล้วต่อจากนี้ฉันจะมองหน้าเขายังไง )
“ก็ไม่เลวสำหรับจูบแรก” ร่างสูงเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำลายบนปากพร้อมกับเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
“คะคุณ!” เธอเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เขารู้ได้ไงว่าเมื่อกี้คือจูบแรกของเธอ
“จูบไม่เป็นแบบนั้น ฉันเดาออกว่าฉันเป็นคนแรก เอาล่ะ จะลงไหม ถ้าไม่ลงฉันไม่รับประกันว่าจะทำมากกว่าจูบไหม” นั่นไม่ใช่คำขู่ แต่เขาคิดแบบนั้นจริงๆ แก่นกลางกายมันเริ่มปวดหนึบขึ้นมา ขืนเธอยังอยู่บนรถนานกว่านี้ เขาอาจจะจับเธอกดบนรถนี่ก็ได้
นาริกาทำตัวไม่ถูก เมื่อได้ฟังคำพูดที่สองแง่สองง่ามแบบจังๆ หญิงสาวก้มหัวลงให้เขาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถุงอาหารแล้วเปิดประตูเดินลงจากรถไปทันที มาติเนสหัวเราะให้กับท่าทางอันร้อนรนของเธอน้อยๆ พอลงจากรถไปได้ แม่ตัวดีก็รีบวิ่งหายไปในตึกทันที ราวกับว่ากลัวเขาจับกินมากมายเสียเหลือเกิน
“คนอะไรน่ารักชะมัด”
เขาเอ่ยขึ้นมาคนเดียวก่อนจะเลี้ยวรถขับออกไปทั้งๆที่ท่อนเอ็นอันใหญ่หลวงยังคงแข็งขืนไม่ยอมอ่อนลงเสียที นี่คือสัญญาณของการล่าเหยื่อ แม่ลูกแกะน้อยของเขาจะรู้ไหมว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ
อีกด้านของคนตัวเล็ก นาริกาปิดประตูลงพร้อมกับทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง มือเล็กเลื่อนไปกอบกุมหัวใจดวงน้อย ที่กำลังเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาด้วยสมองที่ขาวโพลนไปหมด
( เธอจูบกับมาติเนส ผู้ชายที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา! กรี๊ดดดด )
สาวน้อยอยากจะกรีดร้องออกมาให้สมกับที่เลือดในกายกำลังพุ่งพล่าน แต่เธอเกรงใจข้างห้องจึงได้เเต่นั่งทำใจให้สงบอยู่แบบนั้น เขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง คนปกติไม่มีทางจะมาจูบกันแบบนี้แน่ นาริกาเริ่มรับรู้ถึงสัญญาณบางอย่างที่เขาส่งมาให้ เขาไม่ได้คิดกับเธอแค่เจ้านายกับลูกน้องแน่นอน ต่อจากนี้เธอคงต้องขีดระยะห่างกับเขามากกว่านี้ เพราะเขาคือตัวอันตราย หากถลำลึกไปมากกว่านี้คนที่เจ็บก็คงจะไม่พ้นเธอ คนรวยแบบนั้นคงจะเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นยามเหงาเท่านั้นแหละ
หญิงสาวสะบัดความคิดอันน่าเศร้าใจออกไปจากสมอง ก่อนจะตั้งสติพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ ทำรายงานส่งอาจารย์ในวันต่อไป เธอพยายามจะลืมเรื่องราวที่เกิดในวันนี้ทั้งหมด แต่ก็ไม่รู่ว่าจะทำได้ไหม