บทที่ 1
กว่าหกชั่วโมงในห้องผ่าตัดที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด บรรดาหมอกับพยายามต่างเพ่งสมาธิไปที่ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงมีเข้มใหญ่ที่เจาะเข้าเส้นเลือดสำหรับให้น้ำเกลือ ข้างเตียงนั้นคือร่างของบุรุษตัวใหญ่ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสะอึกสะอื้น มือข้างหนึ่งเล็กๆ ของคนบนเตียงไว้ มืออีกข้างก็ลูบศีรษะมนชื้นเหงื่อไปมา
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวลูกก็ออกมาแล้ว” แม้จะดูไม่ค่อยมีสติสตังสักเท่าไหร่ ทว่าชายหนุ่มก็ยังไม่วายปลอบภรรยาที่ดูจะเข้มแข็งกว่าสามีเสียอีก และนั่นทำให้ผู้เป็นภรรยาต้องบีบมือของสามีไว้แน่น...เวลานี้เธอเชื่อว่าลูกจะต้องปลอดภัย ในเมื่อเวลานี้หมอสูติฯ ที่ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดของโรงพยาบาลกำลังผ่าคลอดเพื่อช่วยชีวิตลูกของเธอและอีกไม่นานลูกจะได้ออกมาลืมตาดูโลก
“เด็กออกมาแล้วนะครับ” เสียงคุณหมอหนุ่มร้องบอกพร้อมๆ กับเสียงร้องลั่นของเด็กน้อยที่โผล่พ้นจากครรภ์มารดาตัวแดงแจ๋และชุ่มโชกไปด้วยน้ำคร่ำ คุณพยาบาลรีบนำเด็กน้อยไปชำระล้างร่างกายในขณะที่คนที่เหลือรีบจัดการเย็บแผลผ่าตัด ในขณะที่คนเป็นพ่อแม่มือใหม่ต่างถอนหายใจโล่งอก หลังจากที่ต้องทนทรมานกับการลุ้นมาหลายชั่วโมง โดยเฉพาะคนเป็นแม่ที่ต้องทนเจ็บจากการบล็อกหลังกว่าจะได้เห็นหน้าลูกน้องที่คลอดก่อนกำหนดเพราะสายรกพันคอเด็ก
นายแพทย์เขมรัฐ เดินออกจากห้องผ่าตัดด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขหลังจากสามารถช่วยชีวิตเด็กน้อยให้ผ่านพ้นวิกฤติและลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าเจ้าตัวเล็กจะต้องเข้าไปอยู่ในตู้อบสักระยะก็ตามที ชายหนุ่มจัดการเปลี่ยนชุดผ่าตัดเป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสเล็คผูกไทด์อย่างเป็นระเบียบและเดินกลับเข้ามาในห้องตรวจโรคซึ่งเป็นห้องประจำตัวของเขา กะจะขอพักงีบเสียสักสิบนาทีสิบห้านาทีก่อนจะลุยงานต่อ แต่พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกับเรือนร่างระหงของหญิงสาวในชุดกราวด์ซึ่งนั่งรออยู่ที่เก้าอี้อยู่ก่อนแล้วกำลังส่งยิ้มมาให้พร้อมเสียงใสๆ ที่ส่งมาทักทาย
“ไงคะคุณหมอคนเก่ง ช่วยชีวิตเด็กไว้ได้อีกรายแล้วนะ” แพทย์หญิงเนตรนภาเอ่ยทักทายชายหนุ่มอย่างสนิทสนม ตาคมเฉี่ยวกรีดอายส์ไลเนอร์สีเข้มจ้องมองคนตัวสูงสมาร์ทเดินมานั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตรงหน้าเธอ ก่อนที่เสียงทุ้มจะตอบ
“ข่าวไวดีนะ แต่ก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน เพราะคนเป็นแม่มีภาวะป่วยแทรกซ้อนด้วย”
“ก็หวังว่าข่าวดีของวันนี้จะช่วยกลบข่าวเสียๆ ของเขมได้แล้วกันนะ” คำพูดของเนตรนภาทำให้เขมรัฐถอนหายใจและพ่นหัวเราะออกมาหนักๆ เมื่อนึกรู้ว่าที่สาวเจ้ามาหาเขาที่ห้องทำงานนี้ด้วยเหตุผลอะไร...สงสัยข่าวเรื่องศึกชิงชายคงจะกระฉ่อนไปทั่วโรงพยาบาลแล้วกระมัง แต่เขมรัฐซะอย่าง มีหรือที่เขาจะแคร์กับเรื่องพวกนี้ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ในฐานะหมอ เขาก็ถือจรรยาบรรณของหมออย่างเคร่งครัดไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ ฉะนั้นเขาคิดว่าคนเราไม่ควรจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน แต่มันอาจจะแย่หน่อยก็ตรงที่เขาเป็นลูกเป็นหลานของเจ้าของโรงพยาบาลเรืองรัตน์ โรงพยาบาลเอกชนชั้นเยี่ยมโดยการบริหารงานของคุณหญิงวิไลรัตน์ผู้เป็นย่า แถมไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นก็ดันเกิดขึ้นที่งานเลี้ยงเกษียณอายุของท่านทูต และเขาก็ไปในฐานะตัวแทนของโรงพยาบาล และว่าที่ผู้สืบทอดกิจการโรงพยาบาลนี่แหละ “เขมก็ยังเป็นเขม ไม่เคยซีเรียสกับอะไรเลย”
“แค่เรื่องงานก็เครียดมากพออยู่แล้ว นี่คิดว่าเดี๋ยวอีกไม่กี่นาทีคงจะต้องรับมือกับคุณย่าอีกแน่ๆ เมื่อคืนก็โดนพ่อเฉ่งมาแล้ว เดี๋ยวเตรียมตัวรอโดนคุณย่าเฉ่งอีกรอบ” คนพูดว่าอย่างรู้ชะตากรรมตัวเองก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ เมื่อจู่ๆ มือเรียวนุ่มนั้นก็เอื้อมมาจับมือเขาพร้อมกับติงกึ่งขำน้อยๆ อย่างไม่จริงจังนัก
“ก็เลิกเห็นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องสนุกสักทีสิเขม กี่ปีๆ คุณก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
“ไม่มีใครเปลี่ยนผมได้หรอกเนตร คุณก็รู้ดี” เขมรัฐว่า และคงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องแล้วน้ำเสียงของคุณหมอหนุ่มจริงจังมากขึ้น จริงจังเสียจนเนตรนภาหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อยแม้จะพยายามฝืนยิ้มก็ตาม
นั่นสิ...กี่ครั้งกี่คราแล้วนะที่เธอพยายามจะเปลี่ยนเขา เปลี่ยนผู้ชายกะล่อน เจ้าชู้ และทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายไปมาไม่คิดจะหยุดที่ใครสักทีอย่างเขา จำได้ว่ามันนานมากแล้วที่เธอพยายามจะเปลี่ยนเขา ทำทุกวิถีทางให้เขาหยุดที่เธอ และสุดท้ายก็กลายเป็นเธอที่ล้ำเส้นจนในที่สุดเขากับเลือกตัดความสัมพันธ์
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นก่อนประตูห้องจะแย้มเปิดน้อยๆ ปรากฏร่างของนางพยาบาลสิริน นางพยาบาลตัวเล็กดวงหน้าละม้ายคล้ายตุ๊กตาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบางเบาที่มุมปาก ตาหยีเล็กนั้นมองสบตาคุณหมอหนุ่มเพียงเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนลงมาจับจ้องที่มือของเนตรนภาซึ่งเกาะกุมมือของเขมรัฐไว้แบบ...ไม่คิดจะปล่อย...
“มีอะไรหรือเปล่าครับสิริน” เสียงห้าวเอ่ยถาม และนั่นก็ทำให้คุณพยาบาลได้สติและละสายตากลับมามองดวงหน้าคมคายของคุณหมอหนุ่มทันที
“เอ่อคือ...”
“ก็บอกไปสิว่าย่าของมันมาหา” ยังไม่ทันทีสิรินจะตอบอะไร เสียงทรงอำนาจและดูจะเยือกเย็นก็ดังลอดเข้ามาในห้องทำงาน เล่นเอาเนตรนภาถึงกับสะดุ้งรีบปล่อยมือจากมือของเขมรัฐทันที ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็รีบเดินเข้ามารับหน้าผู้เป็นย่าที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าเอาเรื่องอย่างที่สุด ตาดุจัดนั้นจ้องมองไปที่คุณหมอสาวคนงามที่รีบก้มหน้างุดและว่า “ขอโทษนะจ๊ะเนตรนภา แต่ฉันขอคุยกับหลานชายเป็นการส่วนตัว”
ประกาศิตนี้มีหรือที่เนตรนภาจะกล้าขัด หมอสาวรีบเดินออกจากห้องและปิดประตูทันทีพร้อมๆ กับนางพยาบาลสิรินที่รู้ดีว่าเวลานี้พายุกำลังเข้า แต่ก่อนที่สิรินจะได้แยกตัวไปทำหน้าที่ของตน หญิงสาวก็ถูกเนตรนภาเรียกไว้เสียก่อนด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเป็นคำสั่งเสียด้วย
“เดี๋ยวก่อนสิริน”
“หมอเนตรมีอะไรจะใช้ฉันหรือเปล่าคะ” สิรินตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เธออยู่คนละแผนกกับฉัน ฉันไม่กล้าใช้เธอหรอก ประเดี๋ยวแผนกสูติฯ เขาจะว่าฉันเอา” เป็นกฎของโรงพยาบาลทีเดียวว่าห้ามหมอทุกคนเรียกใช้พยาบาลที่ทำงานอยู่กันคนละแผนกกับตน เนื่องจากแต่ละแผนกมีคนไข้เข้ามารับการรักษาค่อนข้างมาก และทางโรงพยาบาลก็ได้จัดสรร จัดตารางเวรให้แก่พยาบาลทุกคนไว้เป็นที่เรียบร้อยเหมาะสมตามความจำเป็นของแต่ละแผนก ดังนั้นเมื่อเธอทำงานอยู่แผนกแพทย์ทั่วไป เธอจึงไม่สามารถเรียกใช้พยาบาลที่อยู่แผนกสูติฯ ได้จนกว่าพยาบาลคนนั้นจะเวียนมาประจำอยู่แผนกทั่วไป “ฉันก็แค่อยากจะเตือนเธอสักนิด เมื่อกี้ฉันเห็นนะสายตาที่เธอมองเขม...แค่จะบอกว่าอย่าคิดฝันอะไรให้มันมากนัก ผู้ชายอย่างเขมเขาไม่มีวันมองคนอย่างเธอหรอก คนอย่างเธอไม่สามารถที่จะหยุดเขาได้”
“คือ...ฉันว่าหมอเนตรน่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ” พูดแล้วก็ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้คุณหมอสาวที่เวลานี้กำลังมองจิกเธอ ยิ่งเห็นเธอตีหน้าซื่อ เจ้าหล่อนก็ดูจะยิ่งไม่พอใจ
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดยังไงกับเขม อย่าหวังว่าความใกล้ชิดจะทำให้เขมเขาหวั่นไหวกับเธอ อีกอย่างถ้าคุณหญิงวิไลรัตน์รู้ว่าเธอหวังจะจับหลานชายท่าน คุณหญิงจะต้องไม่พอใจแน่ๆ”
“ก็คงเหมือนกับที่คุณหญิงก็คงจะไม่พอใจ หากรู้ว่าหมอเนตรคิดจะกลับมาหาหลานชายของท่านใช่หรือเปล่าคะ” ในเมื่อเนตรนภายังจิกไม่หยุด ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องทนให้เจ้าหล่อนดูถูกเช่นกัน เธอน่ะรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้าหล่อนตั้งแต่แรกเห็นแล้ว ยิ่งรู้ว่าเคยคบหากับหมอเขมรัฐก็ยิ่งไม่ชอบใจใหญ่ ผู้หญิงคนนี้ต่อหน้าก็ทำเป็นดีทำเป็นอ่อนหวาน แต่ลับหลังก็คือนางมารร้ายดีๆ นี่เอง
“นี่เธอ...” อยากจะตวาดและปรี่เข้าไปกระชากคนตรงหน้าเสียให้สาแก่ใจ แต่ก็ติดที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจนักเพราะอยู่ในที่สาธารณะและมีทั้งเจ้าหน้าที่ นางพยาบาล รวมทั้งคนไข้พลุกพล่านเต็มไปหมด ทำให้เนตรนภาจำต้องอดกลั้น ในขณะที่สิรินยังคงยิ้มเรื่อยราวกับกำลังพูดคุยกับสาวเจ้าอย่างเป็นมิตร
“ฉันว่าเราสองคนก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมายหรอกนะคะ ฉันว่าหมอเนตรน่าจะเอาเวลาที่มาคอยเตือนฉัน ไปหาทางที่จะ ‘จับ’ หมอเขมให้อยู่มือดีกว่านะคะ เพราะเท่าที่รู้หมอเนตรเองก็เคยพยายามทำให้หมอเขมหยุดที่หมอเนตรแต่ก็ไม่สำเร็จ คนในโรงพยาบาลเขาลือกันให้แซ่ดว่าหมอเนตรล้ำเส้นจนหมอเขมตัดสินใจบอกเลิกเลยไม่ใช่หรือคะ นี่ถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงไม่มีหน้ากลับมาให้คนเขานินทาอีกเป็นรอบที่สองหรอกค่ะ แต่ฉันก็เห็นใจหมอเนตรนะคะว่าไอ้ที่ต้องกลับมาหาหมอเขมเนี่ย เพราะความจำเป็นบังคับ”
“สิริน!” เนตรนภาเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างแค้นเคืองเมื่อถูกนางพยาบาลสาวจี้จุดให้เธอดิ้นพล่านๆ ตาคมจิกมองร่างเล็กของสิรินเดินจากไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจสมกับเป็นนางฟ้าในชุดพยาบาล...คอยดูเถอะ สักวันเธอจะกระชากหน้ากากใสซื่อของนังนี่มาประจานให้เขารู้กันทั่วโรงพยาบาลให้ได้...