บทย่อ
เพราะในอดีต เขาเคยปล่อยเธอให้หลุดมือไปแล้วครั้งหนึ่ง หากเมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยความรักที่ยังฝังลึกในใจ มีหรือที่เขมรัฐ จะยอมปล่อยพวงชมพูให้หลุดมือไปอีกครา “ไม่มีสปิริตเอาซะเลยนะ เจอหน้าแฟนเก่าแค่นี้ถึงกับต้องลุกหนีเลยหรือไง” เขมรัฐเปรยออกมาดังพอให้หญิงสาวได้ยิน ก่อนจะยิ้มกวนๆ ใส่นัยน์ตากลมโตลุกวาวของเธอที่หันมาจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “คุณคงไม่เคยได้ยินมั้งคะว่า แฟนเก่าน่ะมันเหมือนของแสลง” คำพูดของสาวเจ้าเล่นเอาหมอหนุ่มถึงกับสะอึก “แต่เธอก็เคยเกือบได้ลิ้มลองของแสลงอยู่ไม่ใช่หรือไง ทำมาเป็นจำไม่ได้” “ทุเรศ!”
บทนำ
คุณหญิงวิไลรัตน์ เรืองรัตนกร อยากจะส่งเสียงกรีดร้องให้ลั่นบ้านหลังใหญ่เมื่ออ่านข่าวบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าวเกี่ยวกับประเด็นสองหญิงหนึ่งชาย...สองหญิงที่กำลังตบตีแย่งชิงชายหนุ่มหล่อไฮโซโปรไฟล์เลิศภายในงานเลี้ยงเกษียณของท่านเอกอัครราชทูต...ความจริงนางอาจจะเฉยๆ หรือไม่ก็ส่ายหน้าอย่างระอาในพฤติกรรมดังกล่าว แต่ที่ทำให้นางต้องหัวร้อนขนาดนี้ก็เป็นเพราะ...เป้าหมายในศึกชิงชายครั้งนี้คือนายแพทย์เขมรัฐ เรืองรัตนกร หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของนางเอง
“เฮ้อ...ตายๆ ลูกชายของแกทำเรื่องขายหน้าอีกแล้วมั้ยล่ะนุกุล โอ๊ย...ฉันอยากจะเป็นลม” คุณหญิงบ่นอย่างหัวเสียพลางโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอาหารหลังใหญ่ตรงหน้านายแพทย์นุกุล ลูกชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งจิบชาร้อนกับขนมปังเป็นอาหารมื้อเช้าพลางกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างหัวเสีย “ให้ไปงานเลี้ยงเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลแต่เจ้าเขมมันกลับไปเล่นศึกชิงชายเสียนี่”
“ผมทราบเรื่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะครับคุณแม่” นุกุลกล่าวเสียงเนิบ ทว่าในกระแสเสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความหนักอกหนักใจไม่แพ้มารดา “ข่าวสังคมออนไลน์แชร์กันให้ว่อน เมื่อคืนผมก็เฉ่งมันไปทีหนึ่งแล้ว”
เรื่องวุ่นวายของลูกชาย ใช่ว่าพ่ออย่างเขาจะนิ่งนอนใจ เมื่อคืนก่อนจะนอนเขากะจะเปิดอินเทอร์เน็ตหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแพทย์สักเล็กน้อย แต่กลับต้องมาเจอข่าวฉาวๆ ของลูกชายตัวดีจนเขาถึงกับข่มตาหลับไปลงนั่งรอนอนรอเพื่อให้เจ้าตัวแสบกลับบ้านแล้วติเตียนเสียให้สำนึก
“แล้วนี่มันตื่นหรือยังล่ะ ฉันจะได้เฉ่งมันให้อีกคน ให้ตายเถอะ อายุอานามก็ปาเข้าเลขสามแล้วยังทำตัวเสเพลไม่เข้าเรื่อง มันจะคิดบ้างมั้ยว่าทำให้พ่อให้ย่าอับอายขายขี้หน้าเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” คุณหญิงยังบ่นไม่เลิก ข้าวต้มกุ้งร้อนๆ ที่ท่านมักชอบทานเป็นประจำในมื้อเช้าก่อนไปทำงานก็แทบไม่แตะไม่ต้องเสียสักนิด ทั้งยังหันไปหาแม่ปราง แม่บ้านอาวุโสที่อายุไล่เลี่ยกับนาง หรือจะพูดให้ถูกคือ แม่ปรางคือพี่เลี้ยงของนางตั้งแต่เด็กยันแก่และก็เลยมาเลี้ยงนุกุล ลูกชายของนางกับเขมรัฐ หลายชายของนางเสียด้วยเลย “ว่าไงแม่ปราง พ่อตัวดีสุดที่รักของแม่ปรางยังไม่ตื่นอีกหรือ”
“ออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเลยค่ะคุณหญิง” คำตอบของแม่ปรางทำเอามือที่หยิบช้อนหมายตักข้าวต้มเข้าปากถึงกับวางกระทบถ้วยกระเบื้องลายวิจิตรทันที เสียงทรงอำนาจบ่นเข้าให้อีกครา
“เหอะ...หนีไปแต่เช้า อย่าคิดว่าจะหนีพ้นนะ ฉันจะตามไปเฉ่งมันถึงโรงพยาบาลเลยคอยดู ไอ้หลานคนนี้มันแสบ คิดว่าย่ามันไม่กล้าด่ามันที่โรงพยาบาลเพราะอายพวกพนักงานกับพยาบาล แต่บอกเลยว่ามาถึงขั้นหลานตัวเองเป็นข่าวหน้าหนึ่งขนาดนี้แล้ว อย่าคิดว่าฉันจะอายอะไรอีก”
“เห็นคุณเขมเธอว่ามีเคสผ่าตัดด่วนน่ะค่ะ เธอว่าอะไรนะกิ่ง...” แม่ปรางรีบแก้แทนนายน้อยสุดที่รักทันที แต่นางก็คิดว่านางไม่ได้แก้ตัวให้เพราะความรักเท่านั้น แต่เจ้านายน้อยของนางมีเหตุจำเป็นจริงๆ ต่างหากที่ต้องออกจากบ้านแต่เช้า
“อ๋อ...รกพันคอเด็ก...อะไรทำนองนี้แหละจ้ะยาย” กิ่ง เด็กสาววัยสิบหก หลานสาวของแม่ปรางตอบตามที่ได้ยินเจ้านายหนุ่มรูปหล่อราวเทพบุตรบอกไว้ก่อนจะออกจากบ้าน
“เฮ้อ...นี่ถ้าพรรณเข้ายังอยู่ก็คงดีนะครับคุณแม่ พรรณคงจะปรามตาเขมได้บ้าง” พรรณวดี คือภรรยาผู้ล่วงลับ แม่ของเขมรัฐที่จากไปเป็นเวลาหลายสิบปี จำได้ว่าตอนนั้นลูกชายยังเด็กนัก อายุยังไม่ถึงสิบขวบเลยด้วยซ้ำ นุกุลเพียงแค่คิดว่าหากพรรณวดียังอยู่ อย่างน้อยเขมรัฐก็คงไม่ทำตัวเหลวไหลขนาดนี้ ภรรยาของเขาเป็นแม่ที่ดีและมีวิธีรับมือกับลูกชายจอมซนจอมแก่นได้อย่างชะงัด
“แม่เองก็คงแก่เกินไปที่จะติจะเตือนอะไรตาเขมแล้ว” แม้แต่มารดาก็ยังคิดไม่ต่างกัน แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมภายในโต๊ะอาหารเมื่อต่างคนต่างคิดถึงสตรีผู้ล่วงลับไกลไปนานหลายปี ต่างคนต่างสะท้อนในอกด้วยความเศร้าที่จู่ๆ ก็ถาโถมเข้ามา แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น คุณหญิงวิไลรัตน์ก็นึกฮึดขึ้นมา...
ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะต้องจัดการกับตาหลานชายตัวแสบให้เด็ดขาด คิดดูเถอะ ก่อนที่พรรณวดีจะจากไปก็ได้ฝากฝังนางให้ช่วยดูแลเขมรัฐและนางก็รับปากไว้แล้วว่าจะเลี้ยงดูเขมรัฐให้ดีที่สุด ถ้าเกิดลูกสะใภ้เห็นว่าลูกชายตัวเองเสเพลขนาดนี้ไม่วายจะต้องมาโทษนางเป็นแน่ ไม่ได้...นางจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ หลายครั้งหลายหนแล้วที่เขมรัฐก่อเรื่อง คราวนี้ถึงคราวที่นางจะต้องเด็ดขาดเสียที!