ไอติมรสนม
สิบเดือนผ่านไป
"ในที่สุด…ข้าก็มีจิตในระดับเดียวกับท่านพ่อ'' ข้ากล่าวออกมาอย่างดีใจ เพราะตลอดที่ผ่านมาข้าได้เเต่นั่งบำเพ็ญเเละควบคุมปราณเพื่อให้ระดับของข้าไปไกลมากที่สุด ข้าจึงหยุดการใช้ตบะไปในการพัฒนากาย เเละหันมาลงเต็มที่ให้กับการบำเพ็ญซะเเทน ซึ่งมันก็คุ้มมาก ทำให้กายของข้าอยู่ในระดับกายทองคำเช่นเดิม ซึ่งเมื่อจิตของข้าเข้าถึงระดับเเยกจิต การเพิ่มระดับของข้าก็ช้าลงพอสมควร เหมือนที่ผ่านมามันเป็นเพียงการเพิ่มระดับสำหรับเด็ก เเต่ก็ใช่ว่าจะง่าย เพราะขนาดข้ามีบลัฟมากมายจากที่ได้มาจากท่านอาจารย์ เเละทรัพยากรณ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพขั้นบำเพ็ญรวมถึงพรสวรรค์ของข้าเองยังทำได้เพียงไปถึงระดับเเยกจิต
กลับกันข้าพอจะนึกออกว่าถ้าผู้อื่นรู้ถึงการบำเพ็ญของข้า พวกเขาอาจจะช็อคตายเลยก็ได้ ที่จริงคนส่วนใหญ่ที่มีขั้นบำเพ็ญที่ช้าเพราะพวกเขาไม่มีลูกเเก้วนั่นเหมือนข้า เเถมพรสวรรค์ในการบำเพ็ญของพวกเขาก็มีน้อยกว่าข้าหลายเท่า นอกจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้นั่งบำเพ็ญตบะกันตลอดเวลา พวกเขายังคงต้องมีธุระที่ต้องไปทำเช่นการฝึกต่อสู้ เข้าสังคม ต่างจากข้าที่ไม่มีเรื่องพวกนั้น มีเพียงนั่งสมาธิ เเต่สองเดือนมานี้ข้าไม่จำเป็นต้องกินอาหารอีกต่อไป เพราะพลังปราณของข้าเข้าสู่ระดับเหนือมนุษย์ไปเป็นที่เรียบร้อย เเละใช่ ข้าได้หยุดการฝึกควบคุมลมปราณไปบางส่วนทำให้ปราณของข้าอยู่ในระดับเหนือมนุษย์ขั้นที่ 9 ซึ่งข้าก็ยังไม่ทะลวงขั้นต่อไป
โดยตามที่ข้าคาดเดา ต่อให้คนอื่นไม่พูดว่าข้าเป็นอัจฉริยะหรือสัตว์ประหลาดตัวน้อยข้าก็รู้เองอยู่ดี เเละทำให้ข้าได้รู้เพิ่มเติมอีกว่าทำไมสวรรค์ถึงสนใจในตัวข้ามาก ทั้งพยายามช่วยข้าให้รอดพ้นจากคนใหญ่คนโตต่างๆ ส่วนพวกคนใหญ่คนโตพวกนั้นก็จ้องจะกำจัดข้าให้ตาย ซึ่งในตอนนี้ก็เป็นไปตามที่พวกมันต้องการเเล้ว ข้าได้ตายไปด้วยเรื่องโกหก เพราะเเท้จริงเเล้วข้ายังมีชีวิตอยู่นี่ไง เเละอีกไม่นานข้าจะไปตามเก็บพวกมันเเน่ ข้าสาบาน!
"เจ้าเห็นเเล้วใช่หรือไม่…ข้ายังคงมีชีวิตอยู่'' ข้ากล่าวออกไปเมื่อรับรู้ถึงการจ้องมองจากใครบางคน ข้าเชื่อว่านางเองก็ต้องการให้ข้าไม่เหงา อย่างน้อยไม่สามารถคุยด้วยได้ก็ขอให้รู้ว่ามีนางคอยดูอยู่ เล่อปิงหลายครั้งนางพยายามจะสื่อสารกับข้า เเต่ข้าก็ไม่สามารถที่จะฟังนางได้ ด้วยเสียงที่เบาสุดๆเเละยังติดขัดอีกด้วย ข้าเองก็ไม่เเน่ใจว่าเป็นเพราะข้อจำกัดของทักษะนางหรือว่าเป็นเพราะตัวข้าเองกันเเน่ที่ไม่ได้ยินนาง เพราะข้าเริ่มสามารถรับรู้ว่านางสื่อสารกับข้าได้เรื่อยๆเมื่อพลังของข้าเริ่มสูงขึ้น
"สิบเอ็ดเดือนเเล้ว…มันคงถึงเวลาที่ข้าจะกลับไปตามคำสัญญา'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งนางก็เเสดงเสียงที่พอใจกลับมา ถึงเเม้มันจะฟังดูติดขัดเเต่ข้าก็มั่นใจว่านางกำลังดีใจอยู่อย่างเเน่นอน ซึ่งสักพักนางก็หายไปจากการจ้องมองข้า
“ถึงเเม้ข้าอยากจะเข้าไปให้ลึกกว่านี้ก็ตาม…'' ข้ากล่าวอีกครั้งเมื่อรับรู้ว่านางไม่ได้ใช้ทักษะนั่นสอดสองข้าเเล้ว ซึ่งที่ข้าพูดถึงก็คือพื้นที่ของสุสานมังกร มันมีลึกกว่านั้นอีกเเต่ข้างในนั้นมีพายุไต้ฝุ่นหนาอยู่พอสมควรทำให้ข้าไม่สามารถมองเห็นอะไรในนั้นได้ ซึ่งเเน่นอนว่ามันไม่ใช่พายุธรรมดาๆ มันคงจะมีพลังอะไรคอยซ่อนพื้นที่ข้างหลังพายุนั่นอย่างเเน่นอน เเต่ข้าก็รู้ตัวเองว่าข้ายังไม่พร้อมจึงไม่ขอเสี่ยงจะดีกว่า เพราะในตอนนี้ไม่ว่าข้าจะทำอะไรข้าต้องคิดหนักกว่าเดิม คิดเเล้วคิดอีกให้ตัวเองเเละครอบครัวปลอดภัยมากที่สุด ถึงเเม้ข้าจะพูดกับตัวเองไปหลายครั้งเเล้วก็ตามเเต่ข้าก็จะพูดอีกว่านี่มันไม่ใช่เกม ประโยคนี้มันจะคอยเตือนข้าอยู่เสมอ
"ลาก่อน…ถ้ำเเสนรักของข้า'' ข้ากล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพุ่งกลับไปเมืองของข้า เเละใช่ ในครั้งนี้ข้าใช้เวลาไม่นานในการกลับไปด้วยพลังเเห่งปราณ มันทำให้ข้าสามารถเคลื่อนตัวได้ว่องไวขึ้นมาก
ผ่านไปหนึ่งวัน
"มันเร็วขึ้นมาก…'' ข้ากล่าวกับตนเองเมื่อถึงบริเวณหลังเมืองเเละข้าจะเข้าทางหลังเมืองนี่เเหละ โดยที่ครั้งก่อนที่ข้าไปยังสุสานมังกร ข้าใช้เวลาเกือบสามวัน เเต่ในครั้งที่ข้ากลับมามันใช้เวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น หรือครั้งที่เเล้วข้าจะเดินคิดอะไรหลายๆอย่างไปด้วยนะ?
'บ้านของข้า…ช่างเงียบสงบซะจริง' ข้าคิดในใจก่อนที่จะค่อยๆปีนกำเเพงเข้าไปในบ้าน
"หึหึ'' เเละเมื่อข้าได้ยินเสียงหัวเราะข้าก็หันไปทันทีเเละพบว่าเป็นเล่อปิง นางสามารถทำได้ยังไงกัน? ข้ามั่นใจในเขตเเดนของข้ามากนะ ข้าละสงสัยจริงๆ นางคือใครกันเเน่…
“เจ้ามาได้ทันเวลาพอดีจริงๆ'' เล่อปิงกล่าวพร้อมกับข้าที่เดินไปหานาง เเละนางก็พาข้าไปยังต้นไม้ที่นางชอบปีนบ่อยๆ
วึบ!
“นะ…นี่มัน!?” นางผลักข้าใส่ต้นไม้ เเต่กลับกันข้าไม่ชนกับไม้ข้าเข้าไปในต้นไม้?
“เช่นเดิม…ข้าไม่มีเวลาพอจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด”
"เจ้าเก็บนี่เอาไว้!'' เล่อปิงกล่าวอย่างร้อนรน ซึ่งนางก็ยื่นไพ่มาให้กับข้า มันเป็นไพ่ที่มีสัญลักษณ์โพธิ์ดำอยู่ เป็น ACE โพธิ์ดำ ซึ่งในโลกก่อนเมื่อบัญชาเทพออกจากกิลด์ไป ตำเเหน่งหัวหน้ากิลด์เเละตำเเหน่ง ACE ก็ว่างอยู่ ข้าได้เข้าไปประจำตำเเหน่งเเละคนที่ชอบรอยสักของข้าก็ต่างเรียกข้าว่า ACE โพธิ์ดำ เเต่เดี๋ยวนะ!?
"เธอ!'' ข้าเปลี่ยนสรรพนามในทันที เมื่อรู้ว่านางน่าจะมาจากยุคเดียวกัน เพราะยุคนี้ประเทศจีนยังไม่รู้จักไพ่ หน้าไพ่แบบนี้อย่างเเน่นอน เเล้วเรื่อง ฉายาของข้าล่ะ? หรือนางก็รู้!?
"มันเหมือนกับ GPS''
"ถือมันไว้…ลองหลับตาเเล้วเพ่งสมาธิไปที่มันดู'' เล่อปิงกล่าวโดยไม่สนใจอาการตกใจของข้า ซึ่งข้าก็ทำตามที่นางบอก
"ข้าก็มีมันเช่นกัน…ไม่มีเวลาเเล้ว…เเล้วเจอกันใหม่น้องชายฝาแฝดของข้า!'' เล่อปิงกล่าวจบก็มีประตูมิติโผล่มาทันที เเรงกดดันในประตูมิตินั้นแทบจะสามารถกดดันข้าที่มีจิตไร้ระดับได้เลยทีเดียว ซึ่งก็มีชายผิวซีดคนนึงเดินออกมา เขาคว้าร่างของเล่อปิงเเละเดินเข้าไปในประตูมิติโดยที่เล่อปิงไม่ขัดขืนใดๆทั้งสิ้น ข้าเองก็กำลังอึ้งอยู่ก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อเช่นกัน
“ไม่ว่าจะเป็นเหตุอันใด…เจ้า…พาคนในครอบครัวของข้าไป”
"ข้าขอสาบาน…ข้าจะไปทำลายพวกเจ้าอย่างเเน่นอน'' ข้ากล่าวออกไปในขณะที่มันกำลังเดินเข้าไปในประตูมิติ ซึ่งเมื่อข้าเห็นสีหน้าของเล่อปิง สีหน้าของเธอบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเธอไม่สามารถทำอะไรได้ เเละเธอก็ไม่ต้องการจะไปด้วย ราวกับเป็นการบังคับ ซึ่งเมื่อชายที่อุ้มร่างเล่อปิงไปได้ยินข้ากล่าวเช่นนั้น เขาหันมาเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองข้าพร้อมกับใส่เเรงกดดันมาที่ข้า
คลื่นน คลื่นนน
เเต่ก็ใช่ว่าข้าจะยอม เเรงกดดันเดียวกับข้าเเล้วมันเช่นไร? หรือต่อให้มากกว่าข้าก็ใช่ว่าเจ้าจะมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นได้! ข้าจ้องมองมันกลับไปพร้อมกับใส่เเรงกดดันที่ทำให้มันถึงกับถอยหลังไปเล็กน้อย ซึ่งมันก็ได้เเสยะยิ้มเเละเดินเข้าไปในประตูมิติจนประตูปิดลง ข้าเชื่อว่าถ้าหากมันต้องการจะฆ่าข้ามันทำได้เเน่ ด้วยห้องอันคับเเคบนี้ข้าไม่สามารถหนีได้อยู่เเล้ว เเละถึงจะหนีได้ข้าก็ไม่รู้ว่าจะออกไปยังไง
“ไม่ต้องห่วง…ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร…อยู่ที่ไหน”
"ข้าจะไปหาเจ้าเเน่…ครอบครัวของข้า…ข้าไม่อยากให้ใครพรากไปอีกเเล้ว'' ข้ากล่าวออกมา ถึงเเม้จะเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้ กำหมัดเเน่นเกร็งด้วยความโกรธเเต่ก็ค่อยๆลดลงเเละหาวิธีออกไปจากห้องนี้ ซึ่งในห้องมันก็มีสิ่งที่คุ้นเคยอยู่หลายสิ่ง เเละที่ข้าสงสัยกว่านั้นก็คือที่เเห่งนี้มันมีหลอดไฟด้วย ทั้งยังมีเเอร์อีกต่างหาก…
ฟึบ
ข้าเปิดตู้เย็นออกมาพบกับของหวานมากมาย ซึ่งถ้าจำไม่ผิดของพวกนี้เป็นของที่เล่อปิงชอบ ทั้งเค้กเอย ไอติมอีก น้ำหวานด้วย ซึ่งก็มีกระดาษอยู่แผ่นนึงติดเอาไว้ที่ช่องฟรีช เเละเมื่อข้าอ่านมันก็ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจเข้าไปอีกว่านางมาจากยุคเดียวกับข้าเเน่ๆ จนเมื่อข้าอ่านประโยคสุดท้ายที่บอกว่ามีของที่ข้าชอบอยู่ในช่องฟรีชข้าจึงเปิดช่องฟรีชออกมา
"ไอติมรสนม…'' ข้าได้เห็นไอติมรสนมเต็มไปหมด ก่อนอื่นเลย นางสามารถสร้างสิ่งพวกนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน? เเต่หลังจากที่ข้าคิดสิ่งต่อไปที่ข้าจะทำก็คือหยิบมันมากิน ไอติมรสนมในนี้มีหลากหลายรูปทรงมาก ทั้งเป็นเเท่ง เป็นวงกลม เป็นก้อน หรือเเม้เเต่เป็นสี่เหลี่ยม ข้าได้หยิบมาสักหนึ่งเเท่งมากินให้หายอยากก่อนจะปิดช่องฟรีชเเละตู้เย็นพร้อมกับเดินวนเวียนหาทางออกต่อ
"มันเป็นไปตามที่ข้าคิดจริงๆ…'' ข้ากล่าวเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในขวดโหล มันคือพลังมานาที่บริษุทธิ์เท่าที่ข้าเคยเห็นมา สีฟ้าสวยงามทั้งดูน่าเกรงขรามเเละอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เเละเมื่อข้าเปิดมันออกมา มานาก็ได้เเบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนนึงเข้าสู่ร่างกายข้า อีกส่วนนึงได้ไปครอบผนังห้องเเละกลายเป็นประตูมิติสะท้อน ซึ่งเมื่อข้ายื่นมือออกไปมือของข้าน่าจะอยู่ข้างนอกต้นไม้
“เล่อปิง…เเสดงว่าเจ้าเองก็มาเกิดใหม่เช่นข้า”
"เจ้าต้องพบเจออะไรมาบ้างนะ?'' ข้ากล่าวออกมาก่อนที่จะปิดขวดโหลเพราะข้างในยังมีมานาเหลืออยู่อีกไม่มาก ข้าวางมันไว้ที่เดิมเเละเดินออกจากห้องนี้ไป ซึ่งตามที่ข้าเข้าใจคือนางไม่ต้องการอธิบายให้มากความ เเต่ให้สิ่งที่ข้าน่าจะเข้าใจไว้เเทน เเละมันก็ถูกของนาง ในตอนนี้ข้ารับรู้เเล้วว่านางมาจากยุคเดียวกันกับข้า เเละใช่พี่สาวของข้าจริงๆอย่างเเน่นอน ถ้าหากพูดเเล้วนางน่าจะมีความคิดที่ซับซ้อนพอๆกับบัญชาเทพหรือมากกว่าซะด้วยซ้ำ ข้าเองก็ยังตามนางไม่ทันเช่นกันในหลายๆเรื่อง ทำให้ข้าเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อรู้ว่าเล่อปิงก็ไม่ใช่เด็กเเล้วถึงเเม้ร่างกายยังคงเป็นเด็กอยู่ก็ตาม เเละนางจะต้องสามารถเอาตัวรอดได้อย่างเเน่นอน
หลังจากนั้นข้าก็ได้ไปหาท่านพ่อเเละท่านเเม่ เเต่พบว่าท่านกำลังคุยธุระอยู่กับพวกคนใหญ่คนโตในเมือง ซึ่งน่าจะตึงเครียดพอสมควร ถึงเเม้จะมีน้องชายของท่านพ่ออยู่ด้วยก็ตาม ทำให้ข้าไม่สามารถปรากฏตัวออกไปได้ เเละเมื่อการประชุมได้จบลงข้าได้ไปรอท่านพ่อที่ห้องทานอาหารครอบครัว
“ท่านพี่เล่อปิง~" เมื่อหลี่ซินเหมยลูกพี่ลูกน้องของข้าเดินเข้ามาในห้องครัวข้าถึงกับสะอึกทันที เเล้วทำไมกัน ทำไมนางถึงเรียกข้าว่าเล่อปิง? ถึงเเม้หน้าตาของข้ากับเล่อปิงจะคล้ายกัน เเต่ก็ใช่ว่าทรงผมเเละรูปร่างจะคล้ายกัน
"พี่เล่อปิง'' เสียงเด็กชายอีกคนกล่าว ซึ่งคนคนนี้ก็คือหลี่ซินหยาง ถ้าหากข้าได้ตายไปเเล้ว คนที่จะถูกเเต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองคนถัดไปก็น่าจะเป็นเขานี่เเหละ โดยที่ซินหยางนั่นคือน้องชายของหลี่ซินเหมย เเล้วทำไมเทียนหลงถึงถึงเรียกข้าว่าเล่อปิงอีกคน?
"ข้า!-'' ข้าออกเสียงไปเพียงคำเดียวก่อนจะหยุดชะงักเเละปิดปากตนเองด้วยความตกใจ ทำไม่เสียงของข้ามันเป็นของเล่อปิงกัน!?
"ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าท่านพี่?'' ซินเหมยกล่าวถามด้วยความสงสัย เเละสักพักท่านพ่อท่านเเม่ท่านน้าเเละท่านอาก็ได้เข้ามาในห้องครัวเพื่อรับประทานอาหาร เหมือนจะเป็นการพบปะญาติ ซึ่งข้าก็ได้เเต่นั่งนิ่งๆ พยายามคิดหลายๆอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากันเเน่? เเละก็ตอบคำถามของพวกผู้ใหญ่ไปด้วย
"ผู้รอบรู้ตัวน้อยวันนี้มีท่าทางแปลกๆนะ'' ท่านน้ากล่าวเมื่อข้าไม่ค่อยพูดกับซินเหมยเเละเทียนหลง เเละการที่ท่านน้าชมข้าเช่นนี้เเสดงว่านางจะต้องรับรู้เกี่ยวกับความคิดของเล่อปิงเเล้วอย่างเเน่นอน หรือทั้งครอบครัวจะรู้เเล้ว?
‘หรือว่ามานานั่น…’ ข้าคิดในใจ เพราะมานานั่นเข้ามาในตัวข้า มันอาจจะเปลี่ยนร่างของข้า เเล้วข้าจะกลับร่างเดิมได้อย่างไร? เเต่ในห้องนั้นก็มีกระจกอยู่ ก่อนข้าจะออกมาข้าจำได้ว่าในกระจกร่างของข้ายังคงเป็นผู้ชาย นี่มันเรื่องอะไรกันเเน่?
"ท่านพ่อท่านเเม่…ข้ามีเรื่องต้องบอก'' ข้ากล่าวออกไป ทำให้ทั้งโต๊ะอาหารตกใจกับท่าทางของข้า เพราะโดยปกติเเล้วเล่อปิงจะเป็นคนที่ร่าเริงมาก ทำให้พวกเขาคิดว่าข้าจะต้องพบกับปัญหาอะไรที่หนักใจเเน่ๆ เเละต้องการความช่วยเหลือของพวกเขา
"ให้พวกข้าช่วยฟังด้วยไหม?'' ท่านอากล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง
"ท่านพ่อ…โพธิ์ดำ'' ข้ากล่าวออกไปในสิ่งที่ข้ากับพวกท่านเท่านั้นที่เข้าใจ ซึ่งถ้าถามว่าท่านปู่ไปไหน ข้าเพิ่งได้ยินว่าท่านปู่ไปต่างเมืองไปหาเพื่อนสนิท ที่จริงก็ไปพักผ่อนนั่นเเหละเเละหาวิธีช่วยข้าอีกส่วนนึง โดยที่เรื่องของข้าที่ข้ายังไม่ตาย ครอบครัวของท่านอาก็รับรู้เช่นกัน เเละคอยช่วยปิดข่าวมาตลอด เเละถึงเเม้จะเห็นซินเหมยเเละซินหยางเป็นเด็กเเต่พวกเขาฟังรู้เรื่อง สั่งอะไรก็ไม่ทำเป็นเด็กดีมากๆ
"น้องข้า…'' ท่านพ่อหันไปมองท่านอาก่อนที่จะหันกลับมามองข้าเเละพาข้าไปยังห้องทำงานของท่านพ่อ ท่านอาก็มาด้วยเช่นกัน ส่วนท่านเเม่เเละท่านน้าเองก็เข้าใจซึ่งพวกเธอคอยฟังจากสามีของพวกเธออีกครั้งก็ได้ ทำให้พวกเธอต้องคอยอยู่เล่นกับซินเหมยเเละซินหยาง เพื่อไม่ให้ทั้งคู่ตามไปฟังด้วย
ฟึบๆ
เมื่อมาถึงห้องทำงานของท่านพ่อ ข้าได้ดึงเสื้อของข้าขึ้นมาทันที ถึงเเม้ร่างกายของข้าจะเป็นเล่อปิง เเต่ปานของข้าไม่ได้หายไปเพราะเมื่อครู่ข้าได้ลองสำรวจร่างกายดู เเละพบว่าปานโพธิ์ดำยังอยู่ เเละสิ่งที่จะทำให้พวกท่านเข้าใจง่ายมากที่สุดก็น่าจะเป็นปานโพธิ์ดำ มิฉะนั้นคงคิดว่าข้าล้อเล่นอย่างเเน่นอน
"จะ…เจ้าคือ…'' ท่านพ่อตกใจมากพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาเเละพุ่งมากอดข้าในทันที
"ใช่เเล้วท่านพ่อ…ข้าคือหลี่เล่อป๋อ'' ข้ากล่าวออกไปอย่างภูมิใจ ข้าสามารถกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย ตามคำสัญญาทุกอย่างที่ให้ไว้กับครอบครัว
"เเล้วเล่อปิงปิงล่ะ?…ปิงปิงอยู่ที่ไหน?'' ท่านพ่อกล่าวถามด้วยความสงสัย ถ้าหากข้าคือเล่อปิง เเล้วเล่อปิงตัวจริงล่ะ?