พลังของเล่อปิง?
ผ่านไปสามวัน
‘ข้าไม่สามารถหลบตลอดไปได้…’ หลี่เล่อป๋อคิดในใจ เพราะในเมื่อตนกลับมาเเล้ว คนในครอบครัวก็ต้องระวังเเละระเเวงมากกว่าเดิม จากที่ลูกจะปลอดภัยไหม เป็นบ้านจะถูกบุกรุกหรือจะมีคนมาแอบสอดส่องเมื่อไหร่ซะแทน ซึ่งมันไม่ดีเอามากๆ เเละในตอนนี้เองท่านพ่อเเละท่านเเม่ก็กำลังเถียงกันเรื่องที่อยู่ของข้า ท่านพ่อต้องการให้ข้ากลับไปในป่าหรือไปที่อื่น เเต่ท่านเเม่ต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่หรือที่บ้าน เพราะเข้าใจเเละสงสารข้ามากพอเเล้วที่ต้องผจญภัยอันตรายคนเดียว
"ข้าเชื่อมั่นว่าหลานของข้าสามารถดูเเลตนเองได้'' เเละท่านปู่ที่นั่งฟังอยู่นานก็ได้กล่าวออกมา ทำให้ท่านเเม่ต้องยอมทั้งคู่เเละกำลังจะเดินมาหาข้า
"ข้าอยากให้พวกท่านฟังข้า…'' หลี่เล่อป๋อกล่าวออกมาอย่างใจเย็น ท่าทีของหลี่เล่อป๋อได้เปลี่ยนไปจากเดิมราวกับเขานั้นไม่ใช่เด็กอีกต่อไปน้ำตาที่ซึ่มอยู่เล็กน้อยได้หายไปจนเกลี้ยง
"เจ้าเป็นใคร!?'' ท่านพ่อที่เห็นท่าทางของข้าเปลี่ยนไปถึงกับหยิบดาบมาจี้คอข้า ส่วนท่านเเม่ก็พยายามห้ามท่านพ่อเเละเข้าปกป้องข้าในทันที
"ได้โปรด…ฟังข้าก่อน'' ข้ากล่าวออกไปเเต่ท่านพ่อก็ยังไม่ลดดาบลงยังคงระเเวงข้าอยู่
“ในตอนนี้มีเวลาไม่มาก…ข้าไม่สามารถอธิบายพวกท่านได้ทั้งหมด”
“เเต่ได้โปรด…เชื่อข้า”
“ข้าสามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างเเน่นอน'' ข้ากล่าวออกไปตามความมั่นใจของข้า
"เจ้า…เป็นลูกข้าจริงๆงั้นหรือ?'' ท่านพ่อยังคงระเเวงในตัวข้า เเน่นอนเเหละ เพราะในสายตาของพวกเขาข้ายังเป็นเพียงเด็กห้าขวบ เเต่ทำไมเด็กห้าขวบถึงมีท่าทางแบบนั้นกัน? สงบ เยือกเย็นเเถมคำพูดยังดูเกินเด็กไปด้วย เนื่องจากเมื่อครู่ข้ายังร้องไห้ออกมาเเสดงความอ่อนเเออย่างเห็นได้ชัด เเต่ในตอนนี้ข้ากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“มีเวลาไม่มากเเล้ว…พวกท่านดู”
"ปานนี้…ท่านจงจำมันไว้ให้ดี'' ข้ากล่าวออกไปก่อนจะถกเสื้อขึ้นมาให้เห็นถึงรอยสักใบโพธิ์ดำ พวกท่านตกใจกันพอสมควร เเต่ถึงอย่างนั้นพวกท่านก็สามารถสัมผัสการมาของคนกลุ่มนึงได้ เเละในตอนนั้นข้าก็ได้หายไปในทันที
‘ข้าสัญญา…ท่านพ่อท่านเเม่เเละท่านปู่’
‘ข้าจะกลับมา…ข้าจะกลับมายืนหยัดสู้กับพวกมันทั้งหมด’
‘ข้าขอสาบาน!’ ข้าได้เเต่คิดในใจขณะที่กำลังจะกระโดดหลบหนีออกหลังบ้าน
"เจ้าจะไปไหนนะเล่อป๋อ?'' เสียงใสกล่าวถามในขณะที่ข้ากำลังจะกระโดดออกไป เเละเมื่อข้าหันไปหาต้นเสียงก็พบว่าเป็นเล่อปิงปิงพี่สาวฝาแฝดของข้า เธอนั่งอยู่บนต้นไม้เเละนั่นก็คือที่ประจำของเธอ
“ข้าขอฝากดูเเลท่านพ่อท่านเเม่เเละท่านปู่ด้วย”
"เล่อปิงปิง…สักวันข้าจะกลับมา'' หลี่เล่อป๋อกล่าวเเต่ทันใดนั้นเองเล่อปิงปิงก็กระโดดตามน้องชายฝาแฝดของนางไปข้างนอกรั้วบ้าน หลี่เล่อป๋อไม่คิดว่าเล่อปิงจะกระโดดลงมา
ฟึบๆๆ
"เจ้าทำอะไร!?'' ข้ากล่าวถามพร้อมกับเสียงคนกลุ่มใหญ่ที่เดินมาหลังบ้าน ทำให้ข้าต้องวิ่งจากไปในทันที
"เจ้าจะไปไหนกันเเน่?'' ซึ่งเมื่อข้าวิ่งเข้าป่าไปได้สักพัก เสียงเดิมก็กล่าวถามออกมา
"เจ้า!?'' หลี่เล่อป๋อตกใจมาก นี่มันแปลกๆเเล้วนะ นางเรียกข้าครั้งเเรกข้ายังไม่รู้สึกถึงการมาของนางด้วยซ้ำ เเละก่อนหน้านั้นข้ามั่นใจว่าข้าเช็คเเล้วด้วยว่านางไม่ได้อยู่บนต้นไม้ ในครั้งนี้นางตามข้ามาทันได้อย่างไร? ในเมื่อข้าเร่งความเร็วถึงขีดสุด
"เล่อปิงข้าขอร้อง!!เจ้าอย่าเล่นในเวลานี้!'' ข้ากล่าวออกไปอย่างจริงจัง ถ้าพวกเขาหานางหรือข้าไม่เจอ มันจะผิดสังเกตอย่างเเน่นอน เเละอาจจะทำให้ท่านพ่อท่านเเม่เเละท่านปู่เป็นอันตรายได้
“เล่อป๋อ…เจ้ามีเหตุผลของเจ้า”
“ข้าก็มีเหตุผลของข้าเช่นกัน”
"ในตอนนี้เราต่างอธิบายออกมาไม่ได้ทั้งคู่…'' เล่อปิงเริ่มกล่าวออกมาพร้อมกับวาดมือเเนวเฉียงตรงที่นางเล็งไว้ หรือก็คือบริเวณหน้าเเขนขวาของข้า
ฉึบ
"เจ้าต้องการจะทำอะไรกันเเน่!'' เมื่อเลือดค่อยๆไหลออกมาเล่อป๋อกระโดดพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว เเละเตรียมสู้ตามสัญชาตญาณ
‘นางใช้มานา!’ ข้าคิดในใจถึงพลังเมื่อครู่ มานาคือพลังเวทในเกมนิทานของโลกใหม่ ข้าจำมันได้ เเละทำไมนางถึงใช้มันได้กัน!?
"เล่อป๋อ!…พ่อเเม่กำลังจะเป็นอันตราย!''
"เลือดนั่นฉันขอ!…ถ้ามีมันฉันสามารถเห็นนายได้!'' เล่อปิงกล่าวด้วยความเร่งรีบทำให้ข้าไม่มีทางเลือก เพราะคำพูดแปลกๆของนาง
"เธอ…'' เล่อป๋อนิ่งค้างในขณะที่เล่อปิงเข้ามาใกล้เเละเก็บเลือดเข้าไปในขวดที่เพิ่งจะปรากฏออกมาจากกล่องสีฟ้่า เเละไม่ว่านั่นจะเป็นอะไร ถ้าหากเธอคือพี่สาวฝาเเฝดของข้าจริงๆ เเสดงว่าเธอก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับข้า!
"สัญญากับข้า!…เจ้าต้องกลับมาก่อนหนึ่งปี!'' เล่อปิงเขย่าตัวข้าเเล้วกล่าว
"ข้าสัญญา!'' ข้าที่คิดคำพูดของนางก่อนหน้าว่าท่านพ่อเเละท่านเเม่กำลังจะเป็นอันตรายจึงตอบรับสัญญาในทันที ซึ่งนางก็ยิ้มให้ข้าราวกับนางเชื่อคำพูดเเละมั่นใจว่าข้าจะกลับมาได้อย่างเเน่นอน ก่อนที่นางจะเดินเข้าไปในประตูมิติ ประตูมิตินี้จะว่าไปมันก็คุ้นๆ มันไม่ใช่ประตูมิติของบัญชาเทพที่เป็นสีม่วงฟ้า หรือจะเป็นของท่านอาจารย์ม่วงดำ เเต่เป็นสีฟ้าน้ำเงินซะเเทนมันช่างคล้ายกับประตูมิติของเมอร์ลิน NPC พิทักษ์ของกิลด์ซะจริง
ฟึบๆๆๆ
เเต่ในตอนนี้ข้าไม่สามารถยืนคิดอะไรได้อีกเเล้ว ข้าต้องรีบไป รีบไปให้ไกลจากที่นี่ ไปให้ไกลจากบ้านของข้า เมืองของข้า เเละไปในที่ที่ข้าไม่คุ้นเคยซึ่งเเน่นอนว่ามันจะมีอันตรายซ่อนอยู่เต็มไปหมด เเต่ข้าเองก็รู้ถึงอันตรายพวกนั้นดีเช่นกัน
ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน
ข้าสามารถหาที่หลบภัยได้ด้วยความทรงจำของข้าที่ว่าสถานที่นี้มันน่าจะปลอดภัยเเละไม่มีใครมา เพราะไม่ค่อยมีใครรู้จักมัน ซึ่งมันน่าจะเป็นบ้านของข้าไปอีกนานเพราะสถานที่นี่ไม่มีใครกล้าเข้ามาเช่นเคย ข้าได้ไปยังเมืองข้างๆเเละไปในสุสานมังกร ที่นี่มีเเรงกดดันทางปราณเเละทางจิตอย่างมหาศาล ถ้าหากเป็นทางจิตเเล้วเเน่นอนว่ามันไม่สามารถทำอะไรกับข้าได้ เพราะเเรงกดดันทางจิตของที่เเห่งนี้อยู่เพียงระดับตำนานขั้นกลาง ส่วนเเรงกดดันทางปราณมันมีผลกับข้า เเต่ว่าเจ้าลูกเเก้วของท่านอาจารย์ทำให้มันไม่ค่อยมีผลกับข้าสักเท่าไหร่ ข้าจึงสามารถเข้ามาหลบซ่อนที่นี่ได้
ในตอนเเรกข้าเองก็กลัวๆอยู่เช่นกัน เมื่อข้าได้มองซากมังกรที่ยังเป็นตัวอยู่เหลือเพียงกระดูก มันอาจจะใหญ่ไม่เท่ากับมังกรคลั่งเเต่อย่างน้อยมันก็เกินครึ่ง ซึ่งความใหญ่ของมันนั้นถ้าหากมันยังคงมีชีวิตคงจะน่ากลัวไม่น้อย เเละข้าเองก็ไม่มีทางเลือกถ้าหากต้องปะทะกับมัน เเน่นอนว่าข้าอาจจะต้องตาย…
“ไม่ได้พูดกับตัวเองนานเเล้วสิ”
"ตั้งเเต่ได้เข้าร่วมกิลด์ MVP…'' ข้ากล่าวเพราะที่ผ่านมาข้าเอาเเต่นั่งพูดนั่งบ่นอยู่คนเดียว ซึ่งถ้าถามว่าอาหารเเละน้ำข้าหามาจากไหน ในตอนเเรกมันก็เป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับข้าเช่นกัน เเต่เมื่อได้พบกับเเหวนมิติที่อยู่ในประเป๋าเสื้อของข้ามันก็ทำให้ข้าโลกใจทันที เพราะในนั้นมีอาหาร น้ำเเละทรัพยากรณ์เต็มไปหมด! เเต่ทำไมกัน ทำไมมันถึงมาอยู่ที่ข้าได้?
เเละเมื่อได้ได้นำกระดาษที่อยู่ในเเหวนมิติออกมาอ่าน ข้าก็ได้รู้ทันทีว่าเเหวนวงนี้ใครเป็นคนให้ข้ามา นั่นก็คือเล่อปิง! พี่สาวฝาเเฝดของข้า! ในกระดาษมีเเต่คำว่าขอโทษ ขอโทษที่แอบฟังการพูดคุยของข้ากับท่านพ่อเเละท่านเเม่รวมถึงท่านปู่ เเละขอโทษที่ทำร้ายข้า ในตอนนั้นข้าเองก็ประมาทไปไม่คิดว่านางจะมีวิชา เเละไม่รู้ด้วยว่านางมีวิชา…. มานานั่นได้ยังไง ข้ายังคงเชื่อว่าไอพลังสีฟ้าๆน้ำเงินๆที่นางใช้เป็นมานาของนักเวทอย่างเเน่นอน เเต่นางมีมานาได้อย่างไรกัน?
“ท่านพ่อท่านเเม่ต่างสงสัยข้า…เเต่ข้ากลับสงสัยพี่สาวฝาแฝดของข้า…”
"นางเป็นใครกันเเน่?'' ข้ายังคงพูดคุยกับตนเองเเละนั่งบำเพ็ญตบะใบด้วย ที่จริงเจ้าลูกเเก้วนี่มันทำให้ข้าเหมือนตัวบัคของโลก มันเหมือนออโต้ฟาร์มให้กับข้าซะยังไงอย่างงั้นซะจริงๆ ที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องนั่งบำเพ็ญควบคุมสมาธิเลยก็ได้ ข้าสามารถไปทำอย่างอื่นเช่นฝึกทักษะการต่อสู้หรือฝึกกายให้เจ้าลูกเเก้วคอยบำเพ็ญให้ข้าไปเอง สมเเล้วจริงๆกับของที่ราคาเเพงที่สุดในเกม เเย่งประมูลกันทั้งโลก เพราะนอกจากมันจะเพิ่มประสิทธิภาพในการบำเพ็ญเเล้วมันยังซื้อเวลาให้เราได้อีกด้วยเหมือนร่างเเยกดีๆนี่เอง เเละใช่ถ้าข้านั่งบำเพ็ญไปด้วยจะทำให้เร็วขึ้นอีกเท่าตัว นอกจากนี้ข้ายังสามารถควบคุมปราณไปได้ด้วย เพราะเเรงกดดันปราณของที่นี่มันเยอะมากๆทำให้ข้าสามารถฝึกควบคุมไปได้ในเวลาเดียวกัน
"เเล้วเหล่าพี่น้องของข้าจะเป็นเช่นไรกันบ้าง?'' เเละใช่ข้าก็ยังคงพูดกับตนเองอยู่ ข้าได้มีเวลาคิดทบทวนสิ่งต่างๆ ทั้งกับตนเองเเละคนรอบข้าง รวมถึงโลกนี้เเละโลกก่อนหน้า เเต่ยังมีเพียงเรื่องเดียวที่ข้ายังไม่อยากคิดถึงมัน… เเต่มันก็ไม่สามารถห้ามได้ ความคิดถึงมันทำให้ข้ากลับไปคิด เฮียบัญชาเทพ ในตอนนี้ท่านจะเป็นเช่นไรบ้าง ใครจะเป็นผู้สืบทอด MVP รุ่นที่สาม? ใครจะเป็นตำนานคนใหม่? ในเวลาที่ข้างนั่งรวมปราณเเละบำเพ็ญทำให้ข้าต้องคิดเรื่องพวกนี้วนไปวนมา พูดกับตนเองนับไม่ถ้วน
"ถือว่าข้าไปได้ไวกว่าคนอื่นเป็นสิบๆเท่า'' ข้ากล่าวเมื่อได้ดูสถานะของตนเอง โดยที่ข้านั้นมีขั้นบำเพ็ญอยู่ที่ขั้นจินตันระดับ 8 ในขณะที่เด็กวัยเท่าข้ายังอยู่ในขั้นชำละล้างเเละยังคงอยู่ขั้นนี้กันอีกนานในบางส่วน เเต่กำลังภายในของข้านี่สิ มันกลับเติบโตมากกว่าขั้นบำเพ็ญของข้าซะอีกซึ่งอยู่ในระดับยอดฝีมือ ซึ่งระดับปราณนั้นขึ้นยากมากกว่าการบำเพ็ญเสียอีก เเต่ท้ายสุดเเล้วถ้าหากข้าทุ่มตบะไปที่จิตข้าอาจจะอยู่ในขั้นสมบูรณ์หรือเเยกจิตเเล้วก็ได้ เเต่เพราะข้าเริ่มเอาตบะไปฝึกกายา ซึ่งกายของข้าอยู่ในขั้นกายทองคำระดับ 7
ถึงคนอื่นไม่พูดข้าก็รู้ตัวเองดีว่าข้ามันเป็นสัตว์ประหลาดอย่างเเท้จริง มีไอบ้าที่ไหนกันเป็นเพียงเด็กห้าขวบเเต่กลับมีขั้นบำเพ็ญ กาย เเละปราณในระดับที่สูงพอๆกับวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่บางคน เเต่ข้าก็ต้องยอมรับที่มันสามารถเติบโตได้ไวขนาดนี้นอกจากจะเป็นลูกเเก้วนั่นเเล้วก็ต้องเป็นพรสวรรค์ของข้าด้วย พรสวรรค์ของข้ามันอาจจะมากกว่าสายเลือดของฮ่องเต้สวรรค์ด้วยซ้ำ!
“เเต่มันอาจจะไม่ดีมากๆถ้าเขามาเจอข้า”
“เพราะเเค่เขาหายใจข้าก็ตายเเล้ว…” ข้ากล่าวออกมาด้วยความกลัว ในตอนนี้มันไม่ใช่เกมที่ต้องกลัวตายเพราะจะต้องสร้างตัวใหม่ ไอเท็มหายหรือเลเวลลด เเต่กลัวเพราะถ้าตายเเล้วข้าจะตายจริงๆนี่สิ!
“เล่อปิง…ถึงข้าจะไม่เเน่ใจก็เถอะ”
“เเต่ข้าเชื่อว่าเป็นเจ้าอย่างเเน่นอน” ข้าจับผัสได้ถึงการถูกสอดเเนมหรือถูกจ้องมองอยู่ ซึ่งมันก็หลายครั้งเเล้วที่ข้ารู้สึกเช่นนี้ เเละเมื่อข้าคิดเกี่ยวกับเลือดของข้าที่ถูกเล่อปิงเก็บไปรวมถึงคำพูดที่เธอกล่าวว่าสามารถเห็นข้าได้ ข้าก็มั่นใจว่านี่อาจจะเป็นเล่อปิง เเละด้วยเหตุผลบางอย่างนางอาจจะยังไม่สามารถสื่อสารกับข้าหรือความสามารถทักษะที่นางใช้อาจจะจำกัดไว้เพียงเเค่เห็นข้า?
“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะได้ยินไปหลายอย่างเเล้วที่ข้าพูดกับตนเอง”
“มันออกจะโกงไปหน่อยไหม…พี่สาว…” ข้ากล่าวออกไป ซึ่งจากหลายๆอย่างที่ข้าคิด ด้วยความคิดของนาง เเละคำพูด นางอาจจะมาเกิดใหม่เช่นเดียวกับข้า เเต่ข้าเพียงเเค่มั่นใจราวๆสามในสิบเท่านั้น
"เเละถ้าให้ข้าเดา…พี่น่าจะกำลังหัวเราะอยู่'' ข้ากล่าวอีกครั้งซึ่งในครั้งนี้เหมือนเธอจะหายไปจากการจ้องมองข้า ซึ่งในตอนนี้ข้าเองก็เริ่มรู้สึกเหงาๆบ้างเเล้ว เพราะข้าเองก็เก็บตัวฝึกฝนอยู่คนเดียวมาเป็นเวลานานเช่นกัน คู่ต่อสู้ก็ไม่มี ทำได้เพียงฝึกเเต่กับลมหรือกระดูกมังกรที่มันไม่มีรอยเเตกรอยหักเเม้เเต่นิด ขนาดที่ข้าพยายามทำทุกอย่างกับมันเเล้ว เเละเเน่นอนว่าข้าวางแผนไว้หลายอย่างที่ต้องการจะนำมันมาใช้เป็นอุปกรณ์หรืออาวุธ
“เเต่…นิกายเหนือโลกงั้นหรือ?” ข้าคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านอาจารย์ขอให้ข้ารับปาก ว่าจะช่วยสานต่อเจ้าของหนังสือกายาเหนือโลก หรือก็คือผู้นำนิกายเหนือโลกที่ร่วมสู้กับท่านอาจารย์ไป่เทียนหลงจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
'เล่อป๋อ…นิกายเหนือโลก…ข้าอยากให้เจ้าสร้างมันขึ้นมาใหม่"
‘ส่วนสถานที่อยู่ของนิกาย…’ ข้าคิดถึงคำพูดของท่านอาจารย์รวมถึงข้อมูลที่เป็นภาพที่ท่านอาจารย์ส่งเข้ามาในจิตของข้า มันอยู่ที่โลกมนุษย์ในอดีตกาลนิกายเหนือโลกเป็นนิกายอันดับหนึ่งในใต้หล้า เจ้านิกายเคยเป็นเซียนบนสวรรค์มาก่อน เเละด้วยความคิดของเขาที่ต้องการฝึกกายให้ไปถึงขั้นสูงสุดเเต่ทำได้เพียงร่างเทพเท่านั้น ถึงอย่างนั้นเเล้วเขาก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีกายเเข็งเเกร่งที่สุดในโลก ผู้ที่ร่วมต่อต้านพวกนอกโลกกับมังกรขาวอย่างไป่เทียนหลง
สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงจิตของเขาถูกทำลายเขาได้มอบหนังสือต้นฉบับนั่นให้กับท่านอาจารย์ ในขณะที่ท่านอาจารย์เองก็บาดเจ็บสาหัสทางจิตจนเหลือเพียงจิตสำนึกที่ต้องการสร้างพวกข้าหรือทำให้พวกข้าเเข็งเเกร่ง สุดท้ายท่านอาจารย์ก็ต้องการช่วยให้เจตนารมณ์ของเจ้านิกายเหนือโลกที่ต้องการให้มีผู้สืบทอดต่อ โดยการให้ข้าเป็นผู้สืบทอด ที่จริงเรียกว่าตั้งนิกายขึ้นมาใหม่เลยดีกว่า เพราะในตอนนี้สถานที่ของนิกายนั้นได้หายไปหลังจากศิษย์ในนิกายหายไปจนหมด มันถูกซ่อนเอาไว้ มีเพียงผู้สืบทอดคนถัดไปเท่านั้นที่จะหาเจอ…
“มีเรื่องให้ทำเยอะซะจริง”
"หมดกันชีวิตสบายๆของข้า…'' เล่อป๋อคิดในใจ จากตอนเเรกที่ต้องการจะใช้ชีวิตในโลกนี้ราวกับมาพักผ่อน เเต่ต้องมาช่วยสืบทอดตำเเหน่งเจ้าเมืองต่อ ต้องเเข็งเเกร่งเพื่อปกป้องครอบครัว สุดท้ายก็ต้องมาช่วยกู้โลกเเละกูคืนนิกายเเละจะกลายเป็นเจ้าสำนักอีก