อำนาจของราชา
ณ ที่พำนักหมัดมาร
"นายหญิง!'' หมัดมารคำนับข้าอีกครั้งเมื่อมีเเต่พวกข้าเเละเขารวมถึงพวกลูกน้องที่เขาน่าจะไว้ใจ โดยครั้งนี้สรรพนามที่เขาเรียกข้านั้นเปลี่ยนไป
"เจ้าคงจะรู้จักเล่อปิงจริงๆด้วยสินะ'' ข้ากล่าวก่อนจะเเปลงร่างด้วยเวทมานากลายเป็นหญิงสาวในตอนที่เข้าไปช่วยเหลือหนิงเอ๋อ
"ท่าน?'' ทำให้เขาสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของข้า
"ข้ามิใช่เล่อปิง…ข้าเป็นน้องชายฝาแฝดของนาง'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆ ในเมื่อเล่อปิงได้ทำให้คนพวกนี้กลายเป็นลูกน้องแบบลับๆ ข้าก็พอมั่นใจได้ส่วนนึงว่าเขาจะอยู่ฝั่งเดียวกับข้า
“เป็นเช่นนี้…ไม่ว่าอย่างไรพี่ของท่าน…ท่านเล่อปิงก็คือผู้มีพระคุณของเรา”
"เราจะต้องตอบเเทนบุญคุณพวกท่านให้ได้'' หมัดมารกล่าวในขณะที่ทั้งสามคนข้างหลังของเขาเองก็เคารพข้าเช่นกัน
‘เล่อปิง…เกือบหนึ่งปีที่ข้าหายไปเจ้าไปทำอะไรมาบ้างนะ?' ข้าคิดในใจ นี่เล่อปิงออกมาโลกภายนอกด้วยงั้นหรือ?
“บุญคุณนั้นคือสิ่งที่เล่อปิงสร้างไว้…ข้ามิได้เป็นคนช่วยพวกท่าน”
"ในตอนนี้ข้าอยากให้พวกท่านช่วยเหลือฝ่ายของถังเฟยหลง'' เมื่อข้ากล่าวหนิงเอ๋อถึงกับสะดุ้ง
‘ขะ…ข้า' นางตกใจที่พี่ใหญ่หลี่เล่อป๋อเรียกนางว่าถังเฟยหลง ทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นคนกล่าวว่าจะเรียกต่อเมื่อตนได้เป็นประมุขพรรคมารอย่างเเท้จริง
“ไม่มีปัญหา!…เจ้าพวกนั้นมันยื่นข้อเสนอที่ข้ากำลังต้องการอยู่พอดี”
"ข้าจึงต้องเข้าร่วมกับพวกมันชั่วคราวเพื่อรอการมาของท่านพี่ของท่าน'' หมัดมารกล่าวอธิบาย
"ดูเหมือนเล่อปิงจะช่วยพวกเจ้าไว้มาก…'' ข้ากล่าวราวกับเล่อปิงนั้นได้ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาถึงต้องการจะตอบเเทนถึงเพียงนี้
"ใช่!…นางช่วยพวกเราจากการลงโทษของสวรรค์!''
"พลังของนางนั้นเเกร่งกล้าเเละลึกลับเป็นอย่างมาก!'' ลูกน้องของหมัดมารพากันกล่าวออกมา
"เช่นนั้นเเล้ว…ท่านพี่ของท่าน?'' หมัดมารกล่าวถามเพื่อต้องการจะไปตอบเเทนบุญคุณด้วยตัวเอง
"นาง…ไปที่ที่ไกลเเสนไกล'' ข้ากล่าวออกไปทำให้พวกเขาถึงกับนิ่งค้างไปเลย
"รึ…หรือว่านางขึ้นไปบนสวรรค์เเล้ว!?'' ลูกน้องของหมัดมารกล่าวสิ่งที่คิดได้ออกมา
"มิใช่…'' เมื่อข้ากล่าวเช่นนี้สีหน้าของพวกเขาเสียทันที ถ้าหากมิได้ขึ้นไปบนสวรรค์ ก็เเสดงว่า…
"นางยังไม่ตาย…นางเพียงเเค่ไป…ในที่ที่ไกลเเสนไกล'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งการที่ข้ากล่าวเช่นนี้พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าข้าเองก็ไม่น่าจะทราบ ราวกับข้าเเละนางนั้นต้องการเเยกกันเพื่อที่จะไปเติบโตเเละเเข็งเเกร่งขึ้นด้วยตัวของตัวเอง
"เช่นนั้นข้าจะออกตามหานาง'' หมัดมารกล่าวด้วยความมั่นใจ ชีวิตนี้เขาต้องตอบเเทนนางให้ได้!
"เรื่องนั้นข้าจะเป็นคนทำด้วยตัวเอง…ข้าอยากให้เจ้าคอยช่วยเหลือศิษย์น้องเล็กของข้า'' ข้ากล่าวก่อนจะจับไหล่ของหนิงเอ๋อ
"นะ…นางเป็นศิษย์น้องของท่านงั้นหรือ!?''
“นางเป็นศิษย์ของเซียนสวรรค์!?” พวกเขาตกใจมาก เพราะหนิงเอ๋อนั้นก็เป็นลูกสาวคนเดียวของประมุขพรรคมารคนก่อน พรรคมารที่เข่นฆ่ามนุษย์เเละปล้นมนุษย์ด้วยกันเอง เห็นเเก่ตัวจนถึงที่สุด เเล้วเหตุใดนางถึงไปเป็นลูกศิษย์ของท่านเซียนอันสูงส่งได้กัน
"ส่วนเรื่องของเล่อปิง…พวกเจ้าไม่สามารถตามหานางได้อย่างเเน่นอน''
"ข้ามั่นใจ!''
“นางได้มอบสิ่งที่ข้าจะสามารถตามหานางได้เพียงเเค่คนเดียว”
"เเละก็เป็นข้าเพียงคนเดียวที่สามารถใช้มันหานางได้'' ข้ากล่าวออกไปซึ่งทำให้พวกเขาสิ้นหวัง
"ไม่ต้องห่วง…เมื่อข้าหานางพบเเล้วข้าจะพานางมาเยี่ยมพวกเจ้า'' ข้ากล่าวคำสัญญาออกไป
"เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่นี่…ข้าจะสนับสนุนคุณหนูเต็มที่!'' หมัดมารกล่าวออกมาอย่างจริงจัง เขาเชื่อว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้อย่างเเน่นอนถ้าเขาช่วยเหลือนางตลอด
"โปรดหาผู้มีพระคุณของพวกเราให้พบด้วย!'' พวกเขาคุกเข่าขอร้องข้า
"ข้าทำได้…ข้าต้องทำได้เเน่นอน'' ข้ากล่าวกับพวกเขาก่อนจะพยุงหมัดมารขึ้นมา
"!…'' ทำให้หมัดมารตกใจในพละกำลังของข้า เขาเองก็ไม่ได้ตัวเบาเเถมเขายังกดตัวเองให้คุกเข่าอยู่ด้วย เเต่ชายคนนี้กลับยกเขาขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย…
"เช่นนั้น…พวกข้าก็ขอตัว!'' ข้ากล่าวออกไป เพราะธุระของข้ายังคงมีอยู่ นั่นก็คือหลินเฟยเฟิ่ง สถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่ทราบ ข้าคงต้องเข้าไปสมทบนางให้ไวที่สุด เพราะนางกำลังถูกเหล่าองค์ชายเเละขุนนางมากมายกดดันอยู่
"พี่ใหญ่ท่านจะไปไหน?'' หนิงเอ๋อเดินตามข้ามาเเละกล่าวถามเมื่อท่าทางของข้าดูเร่งรีบมาก กงจิ่นอิ่งเองก็เช่นกัน ส่วนเหวินเจี้ยนเขาติดตามข้าอยู่ตลอด
"เจ้าเก็บนี่เอาไว้…ถ้าหากเกิดสถานกาณ์เลวร้ายขึ้นทำลายมันซะ'' ข้ากล่าวก่อนจะมอบกำไลหยกให้กับนาง มันง่ายกว่าเป็นหยกธรรมดา เผื่อนางถูกจับหรือถูกมัดเพียงเเค่นางออกเเรงเคาะพื้นกำไลหยกก็เเตกเเล้ว
"เเล้วพี่ใหญ่?'' นางพยายามกล่าวถามข้าอีกครั้ง
"ข้าจะเข้าเมืองหลวง'' ข้ากล่าวออกไปทำให้หลินเฟยถึงกับยิ้มออกมา เจ้าเด็กนี่ก็ตามข้าตลอดเช่นกัน
"เช่นนั้นข้าต้องฝากท่านดูเเลพี่รองด้วย!'' นางกล่าวออกมาเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ ที่จริงนางเองก็เชื่อใจว่าหลินเฟยเฟิ่งสามารถจัดการสถานการณ์ที่นั่นได้อย่างเเน่นอน เเต่เมื่อได้เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของข้านางเองก็เริ่มหวั่นๆ
"ข้ายังคงต้องอยู่ที่นี่'' กงจิ่นอิ่งกล่าว เพราะเขาเองก็ไม่สามารถละเลยภารกิจที่รับมาได้ เเละจะต้องมีคนอยู่ช่วยศิษย์น้องเล็กสักคนเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเข้าจริงๆ
“ตกลง…ไว้ค่อยเจอกันใหม่”
"ศิษย์น้องของข้า'' ข้ายิ้มออกมาก่อนจะมองหน้าพวกเขาทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้ายเเละเดินออกไปตามทางที่หนิงเอ๋อบอก
บ้านตระกูลเฟิง
“ในตอนนี้พวกมันคงจะเห็นรัชทายาทเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงเเล้ว”
"ข้าฝากพวกเจ้าด้วย'' ข้ากล่าวกับพวกองครักษ์ ซึ่งทำให้พวกเขาถึงกับกลืนน้ำลายเลยทีเดียว คนในตระกูลเฟิงก็อยากจะปฏิเสธเเต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะมันจะเป็นการช่วยเหลือรัชทายาทโดยตรง เพื่อให้รัชทายาทหลินเฟยไปยังเมืองหลวงอย่างเงียบๆเเละปลอดภัยมากที่สุด
"พวกข้าน้อยเองก็ขอฝากองค์รัชทายาทไปกับท่านด้วย!'' พวกเขาต่างคุกเข่าลงเเละคำนับให้กับข้า ในเมื่อตอนนี้พวกเขาไม่สามารถปกป้องรัชทายาทได้ ศิษย์เซียนสวรรค์ที่เเข็งเเกร่งเเละทรงพลังสามารถทำได้อย่างเเน่นอน เเละยังมีเเม่ทัพเหวินเจี้ยนคอยดูเเลอยู่ด้วยมันดีกว่าไปกับพวกตนมาก
"ในเวลานี้…ข้าคงต้องเร่งรีบไปเสียก่อน'' เมื่อข้าสัมผัสได้ถึงการถูกจ้องมองจากระยะไกล ข้าก็รับรู้ทันทีว่าน่าจะเป็นพวกมัน ซึ่งเฟิงอวิ๋นก็พาพวกข้าไปยังห้องว่างห้องนึง ซึ่งห้องนั้นมันเชื่อมกับห้องลับ โดยที่ในห้องลับนั้นจะมีทางลงไปใต้ดินอีกที
"เจ้าต้องเข้มเเข็ง…เข้าใจหรือไม่?'' ข้ากล่าวกับหลินเฟย เพราะถึงยังไงในตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นเด็กอยู่
"ในเมื่อมีพี่ใหญ่อยู่ข้าก็ไม่กลัวใครทั้งนั้น!'' หลินเฟยกล่าวออกมา เเต่ข้ายังคงสัมผัสได้ถึงความกลัวจากท่าทางของเขา
"เมื่อไปถึงเมืองหลวงเเล้ว…ข้าจะกลายเป็นเงาคอยช่วยเหลือเเละฝึกเจ้า'' ข้ากล่าว ที่จริงข้าอยากจะให้เขาเก็บตัวที่นี่เเละฝึกกับข้าสักเดือน เเต่ข้าเองก็ยังไม่วางใจที่หลินเฟยเฟิ่งจะต้องรับมือจากศึกทุกด้าน
‘ถ้าหากข้าใช้เจ้าเต่าทองได้นะ…’ ข้าคิดในใจ เพราะเจ้าเต่าจะยังไม่ออกมาจนกว่าจะถึงเวลาที่ได้พูดกันไว้
"ท่านโพธิ์ดำ…เราจะไปกันยังไง?'' เหวินเจี้ยนกล่าวถาม เพราะจะไปที่เมืองหลวงมันก็ไม่ไกลนักหรอก เเต่ถ้าหากต้องเดินเท้ากันอาจจะลำบากสักหน่อยเพราะต้องผลัดกับเเบกรัชทายาทไปด้วย
"พุ่งไป'' ข้ากล่าวอย่างจริงจัง ข้าเชื่อว่าข้าเร็วกว่าม้าพวกนั้นเสียอีก เเละด้วยระยะทางเเค่นี้ข้าก็ไม่น่าจะเหนื่อยด้วยมาจากเมืองหลวงด้วยรถม้าใช้เวลาสองวัน เเต่ถ้าหากข้าพุ่งไปด้วยตัวเองก็เกือบๆหนึ่งวัน
"กังวลตัวเจ้าเองดีกว่า'' ข้ากล่าวเมื่อเหวินเจี้ยนคิดว่าข้าอาจจะไม่ไหว เเละต้องการจะช่วยข้าแบกรัชทายาท
เเละเมื่อพวกข้าออกจากเมืองไปสักพักใหญ่ ข้าก็ได้กำจัดอสูรระหว่างทางไปมากมาย เนื่องจากพวกข้าไม่ได้ไปทางหลักเเต่อ้อมเข้าป่าไป ซึ่งข้าก็ได้สั่งให้หลินเฟยหมอบเเละหลับตาไว้ตลอด เนื่องจากเจ้าเด็กนี่มันขี่หลังข้าอยู่เเละเกาะข้าไว้เเน่นด้วย เผื่อหัวเขาจะไปชนกับกิ่งไม้หรืออะไรเข้า
"เหวินเจี้ยนเจ้าไหวหรือไม่!?'' ข้าตะโกนถาม ซึ่งที่ผ่านมาเหวินเจี้ยนจะคอยเคลียร์ทางข้างหน้าให้ข้าตลอด เเต่ในครานี้เขาสู้อยู่นานพอสมควร เเละเมื่อข้าได้เห็นคู่ต่อสู้ของเขาข้าก็พอเข้าใจได้ เพราะเจ้านั่นมันอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดที่ใกล้จะทะลวงขั้นไปถึงภัยพิบัติ!
"ข้า!-'' ในขณะที่เขากำลังจะกล่าว เสือขาวก็ได้หมอบให้กับข้า เเต่มิใช่สายตาของมันนั้นมองหลินเฟยอยู่
‘มันหมอบให้หลินเฟย?’ ข้าคิดในใจด้วยความสงสัย
"มันเป็นมิตร!'' หลินเฟยกล่าวก่อนจะกระโดดลงจากหลังข้าไปเมื่อข้าหยุดวิ่ง
"เดี๋ยว!'' ข้าพยายามจะห้ามเขาในขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปหาเสือขาวตัวนั้น
"งั้นหรือ?…เจ้ามาช่วยข้า?''
"อยากจะเป็นพาหนะให้ข้า?'' เจ้าเด็กนี่กำลังคุยอยู่กับเสือขาว ซึ่งมันก็ทำให้ข้าอึ้งไม่น้อย เเละในที่สุดหลินเฟยก็ขึ้นหลังเสือขาวตัวนั้นไปเเละหันมาจ้องมองข้า
‘นี่คงจะเป็นอำนาจของราชา…’ ข้าคิดในใจ มันคือพลังอำนาจที่ติดตัวหลินเฟยมาตั้งเเต่เกิด เป็นอำนาจที่สามารถพูดคุยกับสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งบนโลกได้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตพวกนั้นส่วนใหญ่เเล้วก็จะช่วยเหลือเขาตลอด
"หรือที่สัตว์อสูรมากมายพุ่งเข้ามาหาพวกเรา?'' ข้ากล่าวออกไปก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย เเสดงว่าเป็นเจ้าเด็กนี่นี่เอง ข้าก็นึกว่าพวกมันหิวเลือด เเละมันทำให้ข้าพอเข้าใจเเล้วว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงเลือกเขาเป็นรัชทายาท เขาไม่ได้ต่อสู้เก่งเเต่มีทั้งเนตรหยั่งรู้เเละอำนาจของราชา เขาไม่ได้ฉลาดเป็นกรดเหมือนพี่สาวของเขาเเต่เขามีจิตใจที่ดีงามเเละมุ่งมั่น
"หลินเฟย…เจ้ารู้จักผู้อาวุโสที่คอยช่วยเหลือเจ้าอยู่หรือไม่?'' ข้ากล่าวถามในขณะที่กำลังพุ่งไปอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้ข้าได้เร่งความเร็วขึ้นพอสมควร เพราะเจ้าหนูนี่ได้ขี่เสือขาว สัตว์มากมายก็ไม่ได้มาขวางเขาอีกต่อไป สัตว์พวกนั้นต่างก้มหัวให้กับพวกเรา
"เขา…น่าจะเป็นน้องชายของท่านราชครู'' หลินเฟยกล่าวตามปราณที่เขาเห็น ถึงเเม้เขาจะอยู่ไกลๆเนตรหยั่งรู้ก็สามารถมองเห็นได้อยู่ดี
"งั้นก็มิแปลก'' ข้ากล่าว เพราะพี่ของผู้วุโสท่านนี้คือราชครูที่คอยสอนเเละคิดหลายๆเรื่องให้กับฮ่องเต้ ส่วนน้องชายของเขาก็เป็นบุคคลที่คอยช่วยเหลือฮ่องเต้มาตลอด เป็นคนที่เเข็งเเกร่งอย่างมาก ในตอนที่ข้าเคยสู้กับเขาในเกมข้าเเพ้อยู่หลายครั้ง เขามีขั้นบ่มเพาะอยู่ในระดับเทพยุทธ เเต่ในตอนนี้น่าจะยังไม่ถึง