รัชทายาทเสด็จ
"เจ้าจงจำไว้…ตัวตนของศิษย์น้องข้าในตอนนี้มีเพียงเจ้าที่รู้กับพวกของหนิงเอ๋อ'' ข้ากล่าวย้ำไม่ให้เหวินเจี้ยนหลุดพูดในขณะที่กำลังจะไปพบพวกราชวงศ์
‘จะว่าไปตั้งเเต่ข้าออกตัวพูดให้เฟิงอวิ๋น…องค์ชายสี่อะไรนั่นก็ไม่โผล่มาอีกเลย’ ข้าคิดในใจก่อนจะเห็นขบวนเสด็จของรัชทายาท ผู้คนมากมายออกมากราบไหว้ ถ้าให้พูดเเล้วก็พวกเขามีคุณความดีนั่นเเหละ ราชวงศ์หลินไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย มีเเต่พัฒนาแผ่นดินเเละทุกๆอย่างให้ดีขึ้น ทำให้ประชาชนต่างรักราชวงศ์หลิน เเต่พวกเขายังไม่รู้เบื้องลึกเช่นเรื่องบังคับเเต่งงาน ถ้าหากไม่มีหลินเฟยเฟิ่งคอยค้านให้ ป่านนี้เฟิงอวิ๋นเเละองค์ชายสี่คงเเต่งงานกันไปเเล้ว
"เหตุใดเจ้าไม่คุกเข่า?'' ทหารองครักษ์ที่มีขั้นบ่มเพาะระดับผู้ครอบครองขั้นสูงกล่าวกับข้า เมื่อข้าไม่ได้คุกเข่าต้อนรับการมาของรัชทายาท
ฟุบ
"เจ้าต่างหากที่คุกเข่า'' ข้ากดร่างของเขาลงบนพื้นโดยที่เขาไม่สามารถขัดขืนได้ เหล่าทหารองครักษ์อื่นๆจึงรีบวิ่งมาล้อมข้าเมื่อข้าทำตัวมีพิรุธ
"ปล่อยเขา!'' ทหารองครักษ์กล่าว พร้อมกับถือหอกเตรียมจะแทงบริเวณหน้าอกของข้า
‘อาวุธ…จะเเทงข้าเข้าไหมนะ?’ ข้าคิดในใจ เพราะข้าไม่เคยลองมาก่อน
"หยุด!…ท่านคงจะเป็นศิษย์เซียนสวรรค์!'' เสียงดังออกมาจากรถม้าที่หรูหรา เเละน่าจะเป็นรัชทายาทที่ส่งเสียงออกมา
"ท่านศิษย์เซียนสวรรค์!!…ข้าขออภัยที่ล่วงเกิน!!'' ทหารองครักษ์ต่างวางอาวุธลงบนพื้นเเละคุกเข่าคำนับข้า
"พี่เจ้าล่ะ?'' ข้ากล่าวถามกลับไป
"นางมีธุระมากมาย'' เขาเปิดประตูเเละลงมาพร้อมกับเดินมาหาข้า ตัวของเขาสูงไม่ถึงหน้าอกของข้าด้วยซ้ำ เขาน่าจะอายุราวๆสิบสามสิบสี่ปี
"งั้นหรือ…เจ้ามาที่นี่…ก็มีธุระเช่นกันใช่หรือไม่?'' ข้าลองเชิงอีกฝ่ายดู เพราะข้ายังไม่รู้ฐานะของข้านั้นทัดเทียมใคร
"ใบโพธิ์ดำ…ท่านก็มีมันงั้นหรือ?'' เขากล่าวเบาๆ ซึ่งเหวินเจี้ยนนั้นได้ยิน
"ข้าว่า…เราไปหาที่นั่งพูดคุยกันเถอะ'' ข้ากล่าว ในตอนนี้ข้ารู้เเล้วว่าข้านั้นมีฐานะที่อาจจะเหนือกว่าหรือพอๆกับรัชทายาท ในเมื่อข้าลองพูดไม่ดีกับเขาไป เเต่เขากลับพูดดีกับข้า พวกทหารก็ไม่ขัด เเละเหมือนว่าหลินเฟยเฟิ่งจะพลาดให้น้องชายของนางเห็นใบโพธิ์ดำ ถ้าจำไม่ผิดนางมีรอยปานอยู่ที่ไหปลาล้าข้างซ้าย ก็ไม่แปลกถ้านางจะถูกเห็นรอยปานนั่น หรือว่าจะเป็นเพราะเนตรของเขา?
"ตาของเจ้า…อย่าใช้มันมั่วซั่ว'' ข้ากล่าวพลางยกมือขึ้นมาปิดตาของเขา ข้ารู้ดีเกี่ยวกับเนตรหยั่งรู้ของเขา รัชทายาทหลินเฟยมีความามารถในการมองเห็นปราณ เเละพลังเหนือธรรมชาติ โดยที่เมื่อครู่เขากำลังจ้องมองปานโพธิ์ดำของข้าอยู่ เเละถ้าได้มองลึกกว่านั้นเขาอาจจะได้เห็นมานา…
"!!!''
ฟึบ เเกร๊ก
"เจ้าไม่ต้องห่วง…'' ข้ากล่าว เมื่อครู่มีลูกธนูถูกยิงมาจากบนที่สูง เป็นลูกธนูหนามเล็กที่จะมีหนามเหล็กบริเวณปลาย พุ่งเข้าใส่รัชทายาท เมื่อครู่พวกทหารองครักษ์รู้สึกช้าไป รวมถึงเหวินเจี้ยนที่กำลังจะพุ่งเข้ามาปัดลูกธนู เเต่ข้ากลับจับมันเเละหักราวกับเป็นธนูไม้ รัชทายาทได้เเต่อึ้งในความสามารถของข้า
"ระวังคนร้าย!!'' ทหารองครักษ์ต่างล้อมรอบพวกเราเเละมองดูจากทุกทิศ ชาวบ้านที่เห็นเช่นนั้นจึงพากันวิ่งกลับบ้านกันไปเสียก่อน
"ใครกันที่จะทำร้ายเจ้า?'' ข้ากล่าว เพราะถึงยังไงเจ้าหนูนี่ก็เป็นน้องชายของศิษย์น้องข้า ก็ถือว่าเป็นน้อง เป็นครอบครัวของข้าเช่นกัน
"ไปกันเถอะ'' เมื่อข้าเห็นสีหน้าของรัชทายาทก็เข้าใจทันที เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ ข้าจึงพาเขาไปหาที่หลบภัย
"พรรคมาร!!'' ทหารองครักษ์เมื่อได้สำรวจลูกธนูที่ข้าหักไปก็พบว่าคล้ายกับลูกธนูที่พวกพรรคมารชอบใช้ เมื่อข้าได้ยินเช่นนั่นข้าหยุดเดินเพียงครู่นึงก่อนจะเดินต่อ
ณ บ้านหลบพักตระกูลเฟิง
"ท่านจะบ้าไปเเล้วหรือไง?'' เป็นครั้งเเรกที่เหวินเจี้ยนกล่าวว่าข้าเมื่อพวกเรากำลังจะถึงสถานที่หลบภัยของหนิงเอ๋อที่เป็นพรรคมาร
"เชื่อข้า…'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งข้าได้สั่งให้พวกองครักษ์ไปอีกเส้นทางไปยังตระกูลเฟิง เพื่อให้พวกที่จะฆ่ารัชทายาทเข้าใจผิด เเละข้าก็ได้ใช้ความไวพาเขามาที่นี่
เเอ๊ด
“ใคร!!” พรรคพวกของหนิงเอ๋อกล่าวพร้อมกับเตรียมตัวสู้ในทันที เพราะที่ผ่านมาข้าได้สะกดพลังของตนเองเอาไว้ เหวินเจี้ยนเองก็เช่นกัน ส่วนรัชทายาทหลินเฟยข้าได้ใช้พลังของข้าในการลบตัวตนเขา ทำให้พวกนางไม่สามารถสัมผัสการมาถึงของพวกข้าได้
"พี่ใหญ่?'' หนิงเอ๋อกล่าวเมื่อรู้ว่าใครมา ซึ่งกงจิ่นอิ่งเขาได้หายตัวไปตั้งเเต่ประตูถูกเปิด เพราะจะให้ใครรู้ไม่ได้เรื่องภารกิจของเขา รวมถึงความสัมพันธ์ของเขากับพรรคมาร
"ข้าก็นึกว่าที่นี่ถูกเจอ'' กงจิ่นอิ่งปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อรู้ว่าเป็นข้า เขาไวมากจริงๆ…
"เดี๋ยวนะ…!!?'' เมื่อพวกเขาสังเกตการเเต่งตัวของหลินเฟยทำให้พวกเขารับรู้ในทันทีว่านี่คือพวกราชวงศ์ เเละถ้าหากยังคงเป็นเด็กอยู่ก็น่าจะเป็นรัชทายาทหลินเฟย
"ว้าว…พวกท่าน!'' รัชทายาทหลินเฟยได้ใช้เนตรหยั่งรู้ของเขาอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาพบใบโพธิ์ดำทั้งหมดสิบใบด้วยกัน หนึ่งใบของโพธิ์ดำ สี่ใบของกงจิ่นอิ่ง ห้าใบของหนิงเอ๋อ
ฟึบๆ
"เจ้าเด็กนี่!'' ข้าขยี้ผมหลินเฟยไปเล็กน้อย เหวินเจี้ยนถึงกับตาโตเเละอ้าปากค้าง พวกหนิงเอ๋อเองก็เช่นกัน เพราะข้าเพิ่งจะเล่นหัวรัชทายาทเเห่งราชวงศ์หลินไป
"อืม…มันจะบังเอิญเกินไปไหม?'' ข้าคิดหลายๆอย่าง เพราะกงจิ่นอิ่งมาพร้อมกับรัชทายาทเสด็จพอดี อีกอย่างเจ้านี่มันเป็นน้องของหลินเฟยเฟิ่ง กงจิ่นอิ่งบอกว่ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือหนิงเอ๋อ? รัชทายาทถูกลอบทำร้าย?
‘ข้าพอเข้าใจล่ะ’ ข้าคิดในใจก่อนจะยิ้มออกมา ทำให้กงจิ่นอิ่งส่ายหัว
"เป็นอย่างที่พี่ใหญ่คิด'' เขากล่าวยอมรับออกมาโดยที่ข้าไม่ได้กล่าวอะไร
"เเล้วเหตุใดเจ้าจึงปล่อยให้นางอยู่คนเดียว…กงจิ่นอิ่ง?'' ข้ากล่าวถาม ถ้าหากรัชทายาทมาที่นี่ เเละกำลังโดนลอบทำร้าย เเสดงว่าสถานการณ์ในวังน่าจะหนักพอสมควร หลินเฟยเฟิ่งนางก็เคยเล่าหลายๆเรื่องให้ข้าฟังว่าในวังเเบ่งออกเป็นสองฝ่าย เมื่อไม่เห็นด้วยกับการมอบตำเเหน่งรัชทายาทให้องค์ชายห้า ที่เป็นองค์ชายคนสุดท้ายในยุคนี้ เเทนที่จะเป็นองค์ชายลำดับที่หนึ่งที่อัจฉริยะคนนั้น ฝ่ายนึงพยายามผลักดันองค์ชายลำดับที่หนึ่ง เเละเหมือนจะพยายามหาทางกำจัดหลินเฟย ถ้าข้าจำไม่ผิดในตอนนี้พวกคนใหญ่คนโตต่างไปอยู่ฝ่ายเดียวกับองค์ชายลำดับที่หนึ่ง เหลือเพียงฮ่องเต้เเละองค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งเท่านั้นที่สนับสนุนรัชทายาทหลินเฟย
"เจ้าก็รู้ถึงความอันตรายในวัง…ถ้าหากนางพลาด…'' ข้ากล่าวออกไป ถึงเเม้ข้าจะเชื่อใจนางก็ตาม อีกทั้งยังมีฮ่องเต้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน ทำให้อีกฝ่ายทำอะไรยากมาก เเละการที่นางส่งตัวรัชทายาทมาหาพวกข้าเเสดงว่าถ้ารัชทายาทอยู่ในวังนางคงจะไม่สามารถปกป้องได้อย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นนางจึงส่งรัชทายาทมาให้พวกข้าดูเเล เพราะนางเชื่อใจในความสามารถของพวกเรามากกว่าทหารของนาง ที่จริงก็มีผู้อาวุโสคอยติดตามอยู่ด้วยในระยะไกล ข้าพอจะสัมผัสได้ เขามีขั้นบ่มเพาะอยู่ในระดับไร้เทียมทานเป็นอย่างต่ำ เพราะเขาเองก็พยายามสะกดพลังเอาไว้ด้วยข้าจึงไม่เเน่ชัดในพลังของเขา
"ท่านพี่สามารถจัดการได้เเน่!'' หลินเฟยตะโกนออกมาอย่างมั่นใจ
"ข้าก็พยายามเชื่อเช่นนั้น…'' ข้ากล่าวออกไป ในตอนนี้ทุกคนอยู่ในสถานการณ์กดดันกันทั้งหมด กงจิ่นอิ่งเขาก็ไม่มีทางเลือกเพราะศิษย์พี่รองสั่งมาให้ช่วยเหลือรัชทายาท ถ้าหากเขารอดเเละเเข็งเเกร่งขึ้นพวกเราจะชนะ เหมือนนางมีแผนให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนฝึกเขาด้วยตัวเอง
"ใบโพธิ์ดำมากมาย'' หลินเฟยยังคงพูดเกี่ยวกับปานโพธิ์ดำของพวกข้า
"เหตุใดเจ้าจึงพูดเเต่เรื่องโพธิ์ดำ?'' ข้ากล่าวถามด้วยความสงสัย
"ท่านพี่บอกว่า…ให้ข้าเชื่อใจบุคคลที่มีปานโพธิ์ดำมากที่สุด'' หลินเฟยตอบกลับมาด้วยอารมณ์สนุกสนาน
"งั้นหรือ…'' ข้ากล่าวพลางคิดอะไรหลายๆอย่างในใจ
‘เช่นนี้เราต้องรีบจัดการสถานการณ์อันวุ่นวายของพรรคมาร’
‘เเล้วต้องรีบไปช่วยหลินเฟยเฟิ่ง’
‘คอยดูเถิด…ใครทำร้ายนาง…เมื่อข้าไปถึงเมื่อไหร่พวกเจ้าจะได้ชดใช้!' ข้าคิดในใจก่อนจะหายใจเข้าลึกๆเเละหายใจออกเพื่อผ่อนคลายลง
วันถัดไป
หนึ่งวันผ่านไปอย่างสงบ พวกที่จะทำร้ายรัชทายาทพากันบุกไปยังตระกูลเฟิง เเละใช่ ข้าส่งเหวินเจี้ยนไปช่วยเมื่อคืน สถานที่ก็เละอยู่ พวกมันกะจะฆ่าให้ได้จริงๆโดยไม่สนว่าต้องเสียอะไรบ้าง ส่วนรัชทายาทข้าให้หนิงเอ๋อทำยานอนหลับให้ ให้เขาหลับสบาย เพราะเขาบอกว่าเขานอนไม่หลับเมื่อนึกถึงหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“จำไว้…อาจจะมีการปะทะ”
"เตรียมพร้อมทุกเมื่อ'' หนิงเอ๋อสังการพวกของนาง ซึ่งเมื่อคืนเหวินเจี้ยนเองก็บาดเจ็บมาเล็กน้อย
“ในเมื่อข้ายังอยู่”
“จะไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้” ข้ากล่าวเมื่อหลินเฟยเริ่มกลัว เพราะเขาเป็นถึงรัชทายาทเเต่จะต้องไปเยือนพรรคมารที่เป็นศัตรู
"ข…ข้าขอเรียกท่านว่าพี่ใหญ่ด้วยได้หรือไม่?'' หลินเฟยกล่าวถามข้าด้วยท่าทางกลัวๆ เหมือนเขาจะต้องการที่พักพิงอันเเข็งเเกร่ง
"ตกลง…ไปกันเถอะ'' ข้ากล่าวกับหลินเฟยก่อนจะเดินออกไปจากบ้านพักตระกูลเฟิงเเละไปยังสถานที่ลับของพรรคมาร มันอยู่ภูเขาหลังเมือง จะต้องเป็นคนที่มีพลังมารเท่านั้นถึงจะสามารถเปิดประตูนั่นได้ ก่อนหน้านั้นก็ต้องผ่านหมอกมายามาด้วย
เเกร๊ก เเกร๊ก ครืดดด
เมื่อกลไกทำงาน ประตูเหล็กกล้าได้ถูกเปิดออก ข้างในมีเพียงมิติสีดำเท่านั้น พวกข้าไม่รอช้าเข้าไปในนั้นทันที และเมื่อพวกข้าเข้าไปปรากฏป็นสถานที่ที่มีเเท่นหินเต็มไปหมด ซึ่งก็มีทางเดินเข้าไปยังถ้ำที่มีเเสงสว่างมากมาย ดูเหมือนถ้ำจะใหญ่มากๆอีกด้วย เเถมคนก็เยอะ…
"เจ้าพวกทรยศ!!''
"เจ้าเป็นถึงลูกสาวของประมุขคนก่อนเเท้ๆ!!'' เมื่อพวกมันเห็นหนิงเอ๋อพวกมันชี้หน้าหนิงเอ๋อเเละกล่าวว่าทันที
"ดะ…เดี๋ยว….นั่นมันเเม่ทัพเหวินเจี้ยน!?''
"นางพาเเม่ทัพเหวินเจี้ยนมา!!''
"ทหารเข้ามาในพรรคมารเเล้ว!'' พวกมันเเตกตื่นกันใหญ่เมื่อได้เห็นเหวินเจี้ยน ทำให้พวกมันเตรียมอาวุธมาตั้งท่าเตรียมรอต่อสู้กับพวกเราในทันที
"ไหนทหาร?'' เสียงคนนึงกล่าวทำให้ทั่วถ้ำเงียบกันหมด คนคนนี้ร่างใหญ่มาก สูงใหญ่กว่าเหวินเจี้ยนอีก ทุกคนต่างหลีกทางให้กับเขา
"ท่านหมัดมารอยู่พอดี!''
"พวกทหารพวกเเกตายเเน่!'' เมื่อหมัดมารออกมาจากในถ้ำลึกพวกเขาต่างดีใจกันมาก เพราะในตอนนี้ระดับสูงของพรรคมารไปทำภารกิจกันหมด เหลือเพียงหมัดมารที่ยังคงฝึกไม่ไปไหน
"นั่นมันศิษย์เซียนสวรรค์!''
"พวกมันร่วมมือกันจะมากำจัดเรา!'' พวกมันต่างคิดเองเออเองกันไปทั้งหมด ทั้งๆที่พวกข้ายังคงยืนนิ่งๆเงียบๆ
"เจ้า-….ท่าน!?'' เมื่อหมัดมารได้เห็นข้าเขาก็เรียกข้าทันที
"?'' ข้าได้เเต่สงสัยว่าเหตุใดเขาทำเหมือนรู้จักข้าทั้งๆที่ข้าเพิ่งจะเจอเขา เเถมเขายังดูเคารพข้าด้วย
“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังอันแปลกประหลาดจากตัวท่าน”
"ไม่ทราบว่าท่านคือหญิงสาวที่ไปช่วยคุณหนูที่ปลุกสมุนไพรของเมืองหรือไม่?'' เขากล่าวถามข้า ทำให้ข้าเริ่มคิด หรือเขาจะรู้จักร่างของหญิงสาวผู้นั่น เพราะร่างนั้นคือเล่อปิง แฝดพี่ของข้า เเต่เดี๋ยวสิ ข้าก็ปกปิดหน้าตาอยู่พอสมควรนะ
"หญิงสาว?'' ศิษย์น้องกงหันมามองข้า รวมถึงเหวินเจี้ยนเช่นกัน เหมือนทั้งคู่จะอยากรู้อยากเห็นเป็นพิเศษ
"พลังเเปลกอันใดกัน?'' ข้ากล่าวถามด้วยความสงสัย ถ้าพูดถึงเรื่องพลังแปลกเเล้วมันน่าจะมีอยู่พลังเดียว
วึบ
"เจ้าหมายถึง…'' ข้ากล่าวก่อนจะแบมือออกปรากฏลูกบอลมานาสีฟ้าเมื่อหมัดมารเห็นเช่นนั้นเขาคุกเข่าลงบนพื้นเเละหมอบกราบให้กับข้าทันที
"เกิดอะไรขึ้น!?'' หลายคนตกใจมากที่เขาทำเช่นนั้น
‘มันคือพลังอะไรกัน?’ เเละไม่ว่าจะใครก็ต่างสงสัย เพราะพวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน มันไม่ใช่ปราณหรือพลังของเซียนเเต่อย่างใด มันดูลึกลับมากกว่านั้นเสียอีก
"เจ้ารู้จักมันงั้นหรือ?'' ข้ากล่าวถามก่อนจะดันลูกบอลมานานั้นกลับไปยังหน้าอกของตนเอง ทำให้หลายคนคิดว่ามันน่าจะคือการเสริมพลังบางอย่าง ต่างจากหมัดมารที่เหมือนจะรู้ว่ามันทำได้มากกว่านั้น
"นายท่าน!…ข้ารอการมาของท่านเกือบสิบปี!'' หมัดมารกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ ทั้งยังคงหมอบกราบให้ข้าอยู่เช่นนั้น
"นะ…นายท่าน!?'' พวกมารถึงกับตัวสั่น บุคคลที่เป็นเจ้านายของหมัดมารได้ปรากฏตัวเเล้ว บุคคลที่เขาพูดถึงอยู่ตลอด เเละรอการปรากฏตัวอยู่เสมอ ในตอนนี้บุคคลนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณหนูถังเฟยหลง เช่นนั้นเเล้วไม่ต้องถามว่าหมัดมารจะอยู่ฝ่ายไหน เเต่เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนจะเคยได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นหญิงสาวมิใช่หรือ?
"นายท่าน!'' พวกสมุนของหมัดมารเองก็หมอบกราบข้าเช่นกัน
ฟึบๆ
"งั้นหรือ…เจ้ารอมานานเลยสินะ'' ข้ากล่าวก่อนจะลดหน้ากากลงเผยให้เห็นตาเเละคิ้วของข้า เมื่อหมัดมารเห็นเช่นนั้นเขาคำนับข้าในทันที ชัดเจนเเล้วว่าเขารู้จักเล่อปิง เเละคิดว่าเล่อปิงอาจจะกำลังปลอมตัวเป็นชายอยู่ด้วยท่าทางของเขาที่ข้าพอจะดูออก
"ดีเลย…ไปพูดคุยกันสักหน่อย'' ข้ากล่าวพร้อมกับพวกเขาที่ยืนขึ้นเเละเชิญพวกข้าไปยังสถานที่ของพวกเขา