การปรากฏตัวของกงจิ่นอิ่ง
"ศิษย์เซียนสวรรค์!''
“ศิษย์เซียนสวรรค์!!”
หลังจากที่ข้าได้เเสดงพลังของข้าไป คนทั่วทั้งสนามได้ส่งเสียงสรรเสริญข้ากันยกใหญ่ ถึงเเม้จะมีข่าวว่ากำลังภายในของข้าอยู่เพียงขั้นผู้ครอบครอง เเต่พละกำลังกายของข้านั้นเหนือกว่ากำลังภายในอยู่หลายขุม ไม่เเน่ข่าวนี้อาจะไปถึงพวกเซียนสวรรค์ ว่าข้าอาจจะมีเคล็ดฝึกกายาของนิกายเหนือโลก ทำให้ข้ามีกายที่เเข็งเเกร่ง เเละมีกำลังอันน่าเหลือเชื่อ
"ลุกขึ้น'' ข้ากล่าวจบเเม่ทัพเหวินเจี้ยนที่กำลังคุกเข่าให้กับข้าก็ลุกขึ้นมาตามข้าสั่งในทันที
"ปานนั่น?…เกิดอะไรขึ้นกับปานบนร่างกายของเขากัน?'' หลายคนกล่าวเมื่อได้เห็นปานโพธิ์ดำที่เรืองเเสงสีทอง ทำให้ข้าต้องก้มลงไปมองดู ซึ่งที่มันเป็นเช่นนี้เพราะว่าข้าเข้าสู่โหมดต่อสู้ เเละมีผู้ที่มีปานเหมือนข้าอยู่ใกล้เคียง การที่มีพวกเขาอยู่ใกล้พูดง่ายๆว่าข้าจะได้บลัฟเพิ่มการป้องกันหรืออะไรหลายต่อหลายอย่าง
"หรือว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของศิษย์เซียนสวรรค์!?'' หลายคนกล่าวออกมาเมื่อลองคิดๆกันดู ทำให้พวกเขาต้องรีบจดรีบวาดปานของข้าเก็บเอาไว้ ในวันนี้นอกจากพวกเขาจะได้รับรู้ถึงความเเข็งเเกร่งของข้าเเล้วยังได้รับรู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ใบโพธิ์ดำอีกด้วย
"ถ้าข้าจำไม่ผิด!?…เกาหลิ่งเหวินผู้สืบทอดนิกายกระบี่เทพก็มีปานโพธิ์ดำเช่นกัน!'' พวกเขากล่าวออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ เพราะมีข่าวลือแปลกๆเกี่ยวกับปานของเกาหลิ่งเหวิน เนื่องจากก่อนหน้าที่เขาจะหายตัวไปมันไม่มี เเละเมื่อเขากลับมาพบว่ามีปานโพธิ์ดำอยู่บริเวณหน้าเเขนข้างขวา คนที่รู้เรื่องลึกมีเพียงครอบครัวของเขาเท่านั้น เเละในตอนนี้พวกเขาก็ได้มาเห็นสัญลักษณ์นี้อีกครั้งของศิษย์เซียนสวรรค์อย่างข้า
"เกาหลิ่งเหวิน!…เป็นศิษย์น้องของข้า!…เป็นศิษย์ลำดับที่สาม!'' ข้ากล่าวประกาศออกไป ทำให้ทุกคนเข้าใจเเจ่มเเจ้งกันในทันที ในตอนนี้เขารู้กันเเล้วว่าศิษย์เซียนสวรรค์ไม่ได้มีเพียงคนเดียว เเต่มีหลายคนที่จะมาช่วยมนุษย์
"เเล้วท่านล่ะ!?'' หลายคนต้องการอยากรู้ว่าข้าเป็นศิษย์ลำดับที่เท่าไหร่ จะได้เทียบพลังกันถูก
“ข้าคือศิษย์ลำดับที่หนึ่ง” ข้ากล่าวออกไปอย่างมั่นใจ ทำให้พวกเขาเริ่มพูดคุยกัน เเล้วใครกันที่เป็นศิษย์ลำดับที่สอง? เเล้วศิษย์ของเซียนสวรรค์มีกี่คนกันเเน่?
"ข้าขอตัว!'' ข้ากล่าวลาทุกคนก่อนที่จะหยิบเสื้อของข้ามาสวมใส่เช่นเดิมเเละเดินออกจากสนามประลองที่ถูกผ่าเป็นสองซีกด้วยฝีมือข้า โดยที่มีเเม่ทัพเหวินเจี้ยนเดินตามมาติดๆ
ณ บ้านพักตระกูลเฟิง
ในตอนนี้บ้านพักตระกูลเฟิงได้ถูกใช้เป็นที่หลบภัยของพวกหนิงเอ๋อ โดยที่เฟิงอวิ๋นได้ไปกล่าวกับลุงของนางที่เป็นเจ้าของบ้านว่าให้ข้าใช้พักผ่อน เเต่ข้าก็มิได้พักที่นั่นข้าพักที่โรงเตี๊ยมแบบลับๆ กลางวันข้าเดินหาข้อมูลไปเรื่อยเเละเเวะไปเยี่ยมศิษย์น้องเล็ก กลางค่ำกลางคืนข้าถึงกลับไปพักที่โรงเตี๊ยม โดยที่เจ้าของโรงเตี๊ยมก็คือพวกของหนิงเอ๋อนั่นเอง
"ข้าอยากให้ท่านเรียกข้าว่าถังเฟยหลง'' หนิงเอ๋อกล่าวท้วง เพราะที่ผ่านมาถึงนางจะพูดความจริงกับข้าเเล้วว่านางชื่ออะไร เเต่ข้าก็ยังคงเรียกนางว่าหนิงเอ๋อเช่นเดิม
"เมื่อใดที่เจ้าได้เป็นประมุขพรรคมาร…ข้าจะเรียกเจ้าว่าถังเฟยหลง'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งในตอนนี้เเม่ทัพเหวินเจี้ยนเองก็อยู่ด้วย
“มันชัดเจนเเล้วว่านางคือศิษย์น้องของท่าน” เเม่ทัพเหวินเจี้ยนหลังจากที่ได้ฟังข้าเล่าเรื่องพรรคมารมาสักพัก เเละเมื่อได้ฟังบทสนทนาของข้ากับหนิงเอ๋อมาพอสมควร เขาจึงพอเข้าใจได้ว่าหนิงเอ๋อหรือนางพิษที่เขาเรียกนั้นเป็นศิษย์น้องของข้า เเละนางไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน เเต่เป็นเขาที่เข้าใจผิดเอง ทำให้ท่านโพธิ์ดำต้องเข้าไปช่วยนาง
"เจ้าอยากรู้อะไรเจ้าสามารถถามได้เสมอ…เหวินเจี้ยน'' ข้ากล่าวโดยไม่ได้เรียกเขาว่าเเม่ทัพอีกต่อไป ในเมื่อต่อไปนี้เขาคือผู้ติดตามของข้า เป็นคนที่จะทำงานให้กับข้า
"นางเป็นศิษย์ลำดับที่เท่าไหร่?'' เมื่อข้าเปิดโอกาสให้เขาถาม เขาก็กล่าวถามในทันที
"ลำดับที่ห้า…เป็นศิษย์น้องเล็ก'' เมื่อข้ากล่าวออกไปเขาก็เข้าใจทันทีว่าศิษย์เซียนสวรรค์นั้นมีห้าคน โดยที่ข้าไม่ต้องบอกจำนวน ทำให้เหวินเจี้ยนต้องคำนับหนิงเอ๋อเป็นการขอโทษที่ทำร้ายนางไปในตอนนั้น
"มิเป็นไร'' นางกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา นางไม่ได้โกรธหรืออะไรเขาหรอก นางเป็นเช่นนี้อยู่เเล้ว เย็นชาเเละหยิ่งกับผู้อื่นเสมอ
"เหตุใดท่านจึงไม่บอกพี่ใหญ่ของท่าน…ว่าในตอนนี้ฝ่ายที่สามได้เข้าร่วมกับฝ่ายศัตรูของเราเเล้ว'' ชายที่มีอายุมากที่สุดกล่าว
"เจ้า!'' นายหญิงของพวกเขาเกิดความโกรธในทันทีเมื่อลูกน้องพูดอะไรที่ตนไม่อยากพูดออกไป
"เป็นเช่นนี้…เจ้าเป็นเช่นนี้อีกเเล้ว'' ข้ากล่าว เพราะหนิงเอ๋อนั้นเป็นคนที่ไม่ชอบพูด ชอบจัดการปัญหาด้วยตัวเองเสมอ เเละไม่ค่อยชอบให้ข้าเข้าไปยุ่งในหลายๆเรื่อง
"พี่ใหญ่…ข้าสามารถจัดการได้'' หนิงเอ๋อกล่าวอย่างมั่นใจ ถ้าถามว่าข้าเชื่อใจนางไหม ข้าเชื่อ เเต่มันอาจจะทำให้นางบาดเจ็บสาหัสเช่นคราที่เเล้ว
"พรรคมารช่างวุ่นวายเสียจริง'' เหวินเจี้ยนกล่าว นอกจาพวกพรรคมารมันจะทำลายมนุษย์กันเองเเล้ว ยังขัดกันเองด้วย
"ข้าจึงอยากให้เจ้าปล่อยผ่านเรื่องพรรคมาร''
“ข้าเชื่อว่าหนิงเอ๋อสามารถเเก้ปัญหาได้”
"เเต่ถ้าหากมันไม่ได้ข้าก็จะทำให้มันได้เอง'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งเหวินเจี้ยนก็ยอมรับคำขอของข้า ถ้าหากข้าจัดการด้วยตัวเองเเล้วเขาเชื่อว่าข้าสามารถทำได้อย่างเเน่นอน
"ท่านพี่ใหญ่ไม่สนใจไปเยี่ยมเยียนพี่เกามั่งหรือ?'' นางกล่าวถามเพื่อต้องการให้ข้าไปจากที่นี่ เพราะนางต้องการจะจัดการปัญหาภายในด้วยตัวเอง ถ้าหากนางไม่สามารถทำได้ ตำเเหน่งประมุขพรรคมารก็ยังไม่เหมาะสมกับตัวนางเอง
"ข้าค่อยไปหลังจากสถานการณ์ในพรรคของเจ้าสงบก็ได้'' ข้ากล่าวเเกล้งนางเล่น เมื่อรู้ว่านางไม่อยากให้ข้าลงมือช่วย
“เเต่ข้าคิดว่าพี่เฟยเฟิ่งคงคิดถึงท่านมาก”
"เเละท่านก็ยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการอยู่มิใช่หรือ?'' นางยังคงพยายามผลักข้าให้ออกจากเมืองนี้ให้ได้ โดยหาเรื่องที่รัชทายาทจะมาดึงตัวข้าไปยังวังหลวงเพื่อให้ข้าเข้ารับตำเเหน่ง มาเพื่อไล่ให้ข้าไปจัดการธุระของข้า
"ไม่มีใครสามารถสั่งข้าได้…ข้าเท่านั้นที่สามารถสั่งตัวข้าเองได้'' ข้ากล่าวออกไปอย่างชัดเจน ทำให้เหวินเจี้ยนคิดหนัก เพราะเขาก็ได้รับคำสั่งให้ช่วยพาโพธิ์ดำศิษย์เซียนสวรรค์กลับมายังวังหลวงเช่นกัน
"ท่านนี่ชั่งดื้อเสียจริง'' หนิงเอ๋อกล่าวก่อนจะจิ๊ปากเเล้วหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ซึ่งโดยปกติเเล้วนางจะไม่เป็นเช่นนี้ นางจะเคร่งขรึมอยู่ตลอด เเต่เมื่อมาเจอข้าที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนาง ราวกับนางกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
"ข้าว่าเจ้าต่างหากที่ดื้อ'' ข้ากล่าวเพราะข้าเองก็ออกตัวจะช่วยนางหลายครั้งเเล้วเพราะข้ารู้ว่ามันอันตราย เเต่นางก็ไม่ยอมให้ข้าช่วยพร้อมกับผลักไสไล่ส่งข้าทุกครั้ง
"ข…ข้าไม่คุยกับท่านเเล้ว!'' นางกล่าวเมื่อไม่สามารถเถียงข้าได้ นางจึงหันหลังให้ข้าเเล้วไปนั่งควบคุมปราณเสียเเทน
"ดูเหมือนจะมีคนมาช่วยเจ้าอีกคน'' ข้ากล่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงปราณที่คุ้นเคยอยู่ข้างนอกหน้าต่าง
ฟึบๆ
เเละในทันทีทันใดนั้นเองเขาก็ปรากฏในบ้าน เขาก็คือกงจิ่นอิ่ง ศิษย์ลำดับที่สี่ของท่านอาจารย์ไป่ ทำให้หนิงเอ๋อหันกลับมามองเขา ทีจริงสองคนนี้เจอกันบ่อยพอสมควร เพราะมีงานคล้ายๆกัน เเต่ว่าสมาคมทมิฬนั้นมีฐานหลักอยู่ที่เมืองช่างลี่ ซึ่งเป็นเมืองของตระกูลเฉิน เมืองนี้มีเเต่คนเถื่อนๆ ต่างจากเมืองเฟยเทียน เพราะเมืองนี้มีเหตุการณ์ฆ่ากันตายบ่อย ที่จริงส่วนมากก็เป็นฝีมือของสมาคมทมิฬนี่เเหละ พวกเขารับคำสั่งจากใครก็ไม่มีใครทราบ
"ศิษย์พี่ใหญ่!…ศิษย์น้องเล็ก!'' เมื่อกงจิ่นอิ่งเข้ามาในบ้านเขาก็เคารพคนรู้จักทั้งสองทันที
"ท่านได้รับคำสั่งมาทำอะไรอีก?'' หนิงเอ๋อกล่าวราวกับพวกเขาเพิ่งจะเจอกันได้ไม่นานเเล้วมาเจอกันใหม่ในครั้งนี้
"เจ้ามัน…สมาคมทมิฬ'' เหวินเจี้ยนกล่าวเมื่อได้เห็นสัญลักษณ์บนผ้าคลุมของกงจิ่นอิ่ง
"เขาคือศิษย์ลำดับที่สี'' ข้ากล่าวเเนะนำศิษย์น้องของข้าให้กับเหวินเจี้ยน ที่จริงข้าก็ยังไม่เชื่อใจเหวินเจี้ยนเต็มร้อยหรอก เรื่องที่ข้าบอกได้ข้าก็บอกเพียงเท่านั้น
"กงจิ่นอิ่ง…ลูกชายคนเล็กของหัวหน้าสมาคมทมิฬ'' เหวินเจี้ยนกล่าวฐานะของเขาออกมา ซึ่งมันก็ถูก เเละใช่ เหวินเจี้ยนคำนับให้กับกงจิ่นอิ่งเช่นกัน ในเมื่อเขาคือศิษย์ของเซียนสวรรค์
“ข้าได้ยินว่าพี่ใหญ่ปรากฏตัว…เเละพอดีว่าข้ามีงานที่ต้องทำที่นี่" กงจิ่นอิ่งกล่าวออกมา เขาก็อยากมาหาข้าเเละเหมือนจะมีงานที่ต้องมาที่นี่เขาก็รับงานนั้นเเละมาทันที ข้าชักเริ่มสงสัยเเล้วว่าเมืองเจียวลู่อาจจะมีสาขาย่อยของสมาคมทมิฬซึ่งดูเหมือนจะใช่
"ไม่เป็นไร…พูดได้'' เมื่อข้าเห็นสายตาของกงจิ่นอิ่งที่เขาต้องการจะถามว่าเหวินเจี้ยนผู้นี้ไว้ใจได้หรือไม่ข้าจึงกล่าวออกไปให้เขาผ่อนคลายลง
"ที่จริงข้าได้รับคำสั่งโดยตรงให้มาช่วยถังเฟยหลง'' เขากล่าวคำสั่งที่ได้รอบมอบหมายออกมา ซึ่งน่าจะเป็นข้าคนเดียวที่เรียกศิษย์น้องเล็กว่าหนิงเอ๋อ
"ถ้าหากเป็นสมาคมทมิฬสั่งท่านมาข้าก็ไม่ปฏิเสธ'' นางกล่าวก่อนจะเชิดหน้าใส่ข้าทำให้ข้าหัวเราะเล็กน้อย
"เช่นนั้นข้าก็พอวางใจได้…'' ข้าคิดว่ามันแปลกๆ เหตุใดสมาคมทมิฬถึงต้องมาช่วยพรรคมาร? เพราะในเกมทั้งสองกลุ่มนี้ขัดผลประโยชน์กันจะเป็นจะตาย
เเอ๊ด
"ท่านโพธิ์ดำ…รัชทายาทได้มาถึงเมืองเจียวลู่เล้ว'' เป็นพวกของหนิงเอ๋อที่เปิดประตูเข้ามาในบ้าน ซึ่งข้าก็ได้สั่งให้เขานี่เเหละคอยดูเรื่องรัชทายาทให้ ในตอนนี้ข้าสามารถสั่งการพวกของหนิงเอ๋อได้อย่างเต็มที่ ราวกับพวกเขาเห็นข้าเป็นนายเช่นกัน
"คุณหนู…ข้าคิดว่าคงจะมีเพียงท่านโพธิ์ดำที่สามารถสู้กับหมัดมารได้'' ชายที่นั่งเงียบมาตั้งเเต่ต้นกล่าว เขาน่าจะเป็นผู้ช่วยคิดหลายๆอย่างให้กับหนิงเอ๋อ
"หมัดมาร…'' เมื่อเหวินเจี้ยนได้ยินฉายาของบุคคลในพรรคมาเขาถึงกับสีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่ดี ราวกับเขาทั้งคู่เคยปะทะกันมาก่อน
"คุณหนู/ท่านหญิง…ข้าก็คิดเช่นนั้น'' กลุ่มคนของหนิงเอ๋อกล่าวออกมา เมื่อข้ามีท่าทีว่าจะไปทำธุระของตนจริงๆ
"พวกเจ้า!'' หนิงเอ๋อกัดฟันโมโห ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ เพราะพละกำลังของหมัดมารก็ใช่ย่อย อีกทั้งเขายังเป็นปรมจารย์ด้านศิลปะป้องกันตัว เเละยังมีพลังมารนั่นอีก เขาคือผู้คุมอำจาจฝ่ายที่สาม เเละเขาก็ได้ไปเข้าร่วมกับฝ่ายศัตรูของพวกตนซะเเล้วในตอนนี้
"เป็นเช่นนี้…ให้ข้าได้พบกับเขาก่อน…เเล้วข้าค่อยจากไป''
"ตกลงหรือไม่?'' ข้ากล่าวกับหนิงเอ๋อ เพราะดูเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้ศิษย์น้องเล็กของข้าจะถูกกดดันอย่างหนักจริงๆ
"ตกลง…'' ในที่สุดนางก็ยอมตกลงกับข้า
“เช่นนั้นพวกเจ้าจงพักผ่อนให้เต็มที่…ในวันพรุ่งนี้เราจะไปเยือนพรรคมาร”
"ส่วนตอนนี้ข้าขอไปจัดการอะไรบางอย่างก่อน'' ข้ากล่าวเเละหยิบของของข้าพลางเดินออกไปจากบ้านพร้อมกับเหวินเจี้ยน
"ท่านคิดจะสู้กับหมัดมารงั้นหรือ?'' เหวินเจี้ยนกล่าวถามข้าออกมา ทั้งๆที่เขาไม่ค่อยจะกล่าวถามข้าก่อน เหมือนเขาจะต้องการเตือนข้า
"ถ้าหากจำเป็น…ก็ต้องสู้'' ข้ากล่าวออกไป ข้าเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสู้กับเขาได้หรือไม่ ที่จริงหมัดมารเคยเป็นบอสในเกมเทพเซียนเหนือโลก เขาเเข็งเเกร่งพอที่จะเป็นจอมมารได้เลยทีเดียว เเต่เมื่อข้าได้เจอกับจอมมาร…
"หมัดมาร…เจ้านั่นมีขั้นบ่มเพาะอยู่ที่ระดับตำนาน'' เมื่อเหวินเจี้ยนกล่าวออกมาข้าถึงกับหยุดเดิน
"ดี…ก็ดี'' ข้ากล่าวออกไป ในที่สุดข้าก็เข้าใจเเล้วว่าเหตุใดดันเจี้ยนนั้นมันถึงยากขนาดที่ว่าระดับท็อปของทีมอีสปอร์ต MVP รวมกันยังยากที่จะเอาชนะ เพราะในเกมมันไม่บอกว่าหมัดมารนั้นมีพลังอะไร จึงต้องนั่งจดทักษะเวลามันใช้ออกมากันพักใหญ่เเล้วมานั่งวิเคราะห์กัน รวมถึงไม่ได้บอกด้วยว่ามันมีขั้นบ่มเพาะในระดับใด ในตอนเเรกข้าก็คิดว่ามันน่าจะอยู่ในระดับเทพยุทธเสียอีก