หลังจากนี้...
ห้องโถงตระกูลหลี่
งานวันเกิดหลี่เล่อปิงเเละหลี่เล่อป๋อ
"ขอบคุณทุกคนมาก!'' ท่านพ่อกล่าวเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเดินไปทั่วงาน เพื่อทักทายเเขก เเละใช่ก่อนหน้านั้นท่านพ่อกล่าวเกี่ยวกับข้าเเละเล่อปิง โดยที่ในตอนนี้ข้าคือเล่อปิง
"เล่อปิง!'' ท่านปู่ตะโกนเรียกข้าซึ่งข้าก็ได้เดินไปาหาท่าน
“ท่านนี้คือผู้ปกครองเมืองหยางหลิน”
"เมืองหยางหลินเป็นเมืองต้นกำเนิดของเหล่าเซียนที่เเข็งเเกร่ง'' ท่านปู่เเนะนำฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเจ้าเมืองคนปัจจุบันนั้นเป็นคนรู้จักของท่านปู่ เขาพาลูกชายมาด้วยสองคน ซึ่งเมื่อท่านปู่กล่าวเเนะนำ ข้าก็ได้ทำความเคารพกับท่านเจ้าเมืองหยางหลิน ซึ่งเมืองบนดินนั้นมีสองเมืองก็คือเมืองซิ่นหลิวเเละเมืองหยางหลิน หากต้องพร้อมเเล้วที่ต้องการจะเป็นเซียนก็ต้องไปยังเมืองบนเขา เมืองหลิ่งซานเเละเมืองจิ่นลี่ สุดท้ายคือเมืองลอยฟ้าเมืองเฟยฉี เป็นเมืองที่ตัดสินว่าใครจะได้ขึ้นไปเป็นเซียนสวรรค์
"พี่หงซวนก็พูดไปฮ่าๆ'' เจ้าเมืองหยางหลินกล่าว เเละดูจากที่ท่านปู่เเนะนำเหมือนท่านปู่จะไม่ค่อยสนิทกับเจ้าเมืองคนนี้สักเท่าไหร่ กลับกันเป็นฝ่ายนั้นต่างหากที่เหมือนจะมาตีสนิทท่านปู่
เเละเหมือนที่ท่านปู่กล่าวเเนะนำเมืองเมื่อครู่ เพื่ออยากดูว่าข้าจะทำยังไงกับสถานการณ์ต่อไปนี้ โดยที่ท่านปู่กล่าวมาว่าเมืองนั้นมีเเต่พวกเซียนที่เเข็งเเกร่ง เเสดงว่าไม่ค่อยอยากให้ข้าไปท้าทายเขาหรือทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เเต่ดูเหมือนข้าพอจะดูสายตาของเด็กชายทั้งสองตรงหน้าออก พวกเขาจ้องข้าไม่ละสายตากันเลยทีเดียว ทำให้ข้าพอจะทราบความปรารถนาของพวกเขา
"ลูกสาวของท่านงามสมคำร่ำลือเสียจริง''
"ไม่ทราบว่าลูกสาวของท่าน…'' เขาเว้นให้ท่านปู่ของข้าตอบ
"ข้าอยากให้เล่อปิงเป็นคนเลือกใช้ชีวิตเองมากกว่า'' ท่านปู่กล่าวออกไป ซึ่งท่านปู่ก็เหลือบมามองข้าเเละยิ้มให้พร้อมกับลูบหัวของข้าพลางมองหน้าของพวกเขา
"ข้าได้ยินว่าบุตรชายคนโตของท่านเป็นอัจฉริยะที่มีขั้นบำเพ็ญในระดับจินตันขั้นที่หนึ่งใช่หรือไม่?'' ท่านปู่กล่าวถามฝ่ายตรงข้ามบ้างเป็นมารยาท
"ถูกต้องเเล้ว!'' เขากล่าวออกมาราวกับต้องการอวดคนทั้งหมดที่นี่ เเต่เขาลืมอะไรไปหรือเปล่า? ถ้าหากเล่อป๋อยังอยู่ คำว่าอัจฉริยะของเด็กคนนั้นที่มีพรสวรรค์เพียงสี่สิบกว่าๆจะไปเทียบอะไรกับเล่อป๋อที่มีพรสวรรค์ถึงเก้าสิบแปดจุด...
‘ถ้าหากข้ายังอยู่…มีหรือที่พวกเจ้าจะได้หัวเราะ’ ข้าคิดในใจเกี่ยวกับท่าทางมั่นใจมั่นหน้าของพวกเขา
"เช่นนั้นเเล้ว…เล่อปิงเจ้าอยากจะลองวิชากับเขาหน่อยไหม?'' ท่านปู่กล่าวถามข้า ซึ่งเเน่นอนว่าในเมืองหยางหลินจะเน้นการต่อสู้มากกว่าบำเพ็ญ เพราะถึงยังไงเเหล่งบำเพ็ญของพวกเขามันมีประสิทธิภาพมากกว่าเมืองซิ่นหลิว ทำให้พวกเขามีเวลาพอจะได้ฝึกหรือได้ทำอย่างอื่นบ้าง เเละคนส่วนใหญ่ที่นั่นมีพรสวรรค์ดีกว่าคนของเมืองซินหลิ่วด้วย
"เเต่ท่านปู่-'' ในขณะที่ข้ากำลังจะกล่าว
"ไม่ต้องห่วง…หยางหลงจะออมมือให้เจ้าอย่างเเน่นอนบัณฑิตน้อย!'' เจ้าเมืองหยางหลินกล่าวเสียงดังเพื่อดึงดูดคนทั้งงาน เขาต้องการจะโชว์ความสามารถของลูกชายของเขา เเละต้องการกดดันให้ท่านปู่ของข้ายอมรับการจองตัวข้า ที่จริงทั้งสองเคยคุยกันเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง ท่านปู่ก็เคยมาบอกข้า และในครั้งนี้ข้าเพิ่งจะได้เจอตัวเป็นครั้งแรก
‘เเต่ท่านปู่…เขาจะตายไหม?’ นี่คือสิ่งที่ข้าคิด ร่างกายของเขาดูเป็นเด็กชายธรรมดา แทบจะไม่มีการฝึกกาย อีกอย่าง เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติเพียงพองั้นหรือที่จะมองพี่ของข้า?
"เช่นนั้นเเล้ว…ท่านหยางหลงช่วยสั่งสอนข้าด้วย'' ข้ากล่าวออกไปด้วยความหมั่นไส้ ได้ อยากจะโชว์มากใช่ไหม เก่งมากใช่ไหม? เดี๋ยวเจ้าจะได้รู้
"ไม่ต้องห่วงน้องเล่อปิง…ข้าไม่ทำเจ้าบาดเจ็บเเน่นอน!'' เขากล่าวตอบกลับมาทำให้ข้าได้เเต่พยักหน้าในใจ เพราะเจ้าจะไม่มีโอกาสเเม้เเต่จะได้โจมตีข้าอย่างเเน่นอน
ณ ลานกว้างตระกูลหลี่
"เจ้าว่านายน้อยหลงจะสามารถพิชิตใจคุณหนูเล่อปิงได้หรือไม่?''
“ข้าคิดว่าได้…นายน้อยนอกจากจะเป็นอัจฉริยะเเล้วยังมีหน้าตาที่หล่อเหลาอีกด้วย” ผู้ติดตามของตระกูลหยางกล่าว ซึ่งนอกจากพวกเขาเเล้วเเขกในงานก็คิดเช่นเดียวกัน เเต่เล่อปิงไม่เคยเเม้เเต่จะมองชาย นางถูกสั่งสอนโดยปู่ของนางมาโดยตลอด นางเเทบไมได้ออกมาจากบ้านเลยด้วยซ้ำ
"เล่อปิงเจ้าพร้อมหรือยัง?…ข้าจะใช้เพียงกระบี่ไม้เท่านั้น!'' หยางหลงกล่าวออกมา เเละเขาให้ข้าใช้ดาบจริง มีหรือที่ข้าจะขัด อย่างน้อยมันต้องบาดเจ็บ!
"ขอบคุณท่านหยางหลง'' ข้ากล่าวก่อนจะจับกระบี่ขึ้นมาเเละหมุนไปหมุนมา ทุกคนถึงกับถลึงตา นางมีเเรงถึงเพียงนี้เลยหรือ!? เพราะจากที่พวกเขาเห็นคือร่างกายของข้าเป็นหญิงทั่วไป เเละเหมือนจะไม่ค่อยมีเเรง กลับกันข้าสามารถหยิบกระบี่ขึ้นมาเเละควงไปมาได้อย่างง่ายดาย
"เจ้าต้องระวัง'' เจ้าเมืองหยางหลินกล่าวกับลูกชายของตนก่อนจะเดินออกไปจากลานกว้างเพื่ออยู่ในบริเวณผู้ชม
"นางใช้กระบี่เป็น…'' หยางหลงกล่าวเมื่อได้เห็นท่าถือกระบี่ของข้า รวมถึงท่าทางที่ข้ายืน
"ไม่คิดว่าน้องเล่อปิงจะเคยฝึกกระบี่มาก่อน'' หยางหลงกล่าว มันยิ่งทำให้ข้าคิดว่าเจ้าบ้านี่มันพูดมากซะเหลือเกิน
"ข้าอยากถามท่านหยางหลง…ถ้าหากท่านไม่มีกระบี่ท่านจะสู้กับข้าเช่นไร?'' ข้ากล่าวถามออกไปเมื่อท่านปู่กำลังนับถอยหลัง ทำให้เขาดูสับสนเล็กน้อย
"ข้าเชื่อมั่นในความเร็วของข้า'' เขากล่าวออกมาเเล้วยิ้มให้ข้า
"เริ่มได้'' ท่านปู่กล่าวจบก็ใช้วิชาตัวเบาลอยออกไปจากบริเวณประลอง
"เช่นนั้นเเล้วท่านช่วยเเสดงให้ข้าดูหน่อย'' ข้ากล่าวออกไปก่อนที่จะตั้งท่าเตรียม เเละใช่เขาพุ่งเข้ามาหาข้าด้วยความเร็วที่เขามี เเต่มันช้าเกินไปสำหรับข้า
ฟึบ
ข้าใช้กระบี่ของข้าตัดกระบี่ของเขาด้วยความเร็วในขณะที่เขากำลังจะเเทงกระบี่ใส่ข้าบริเวณเอว เขาน่าจะคิดว่าข้าจะหลบ เเต่ไม่ข้าไม่หลบ ข้ากลับตัดกระบี่ของเขาออกเป็นสองท่อนเเทน ทำให้กระบี่ของเขาไม่ได้ทำอันตรายกับข้า หยางหลงถึงกับนิ่งไปเลย เมื่อครู่เขาเองก็ยังมองตามไม่ทัน
"ท่านหยางหลงกระบี่ของท่านหักเเล้ว''
"เเต่ข้าคิดว่า…มันยังเเตกหักมากกว่านั้นได้อีก'' ข้ากล่าวก่อนที่จะ
ฟึบๆๆๆ
ตัดกระบี่ไม้ของเขาจนเเตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เเขกทั้งหมดตกใจกันอย่างมาก ถ้าหากเป็นพวกเขาเองก็อาจจะไม่สามารถทำได้ หรือทำได้เพียงเเค่ตัดไปทีละครั้งเท่านั้น เเต่นี่ราวกับเล่อปิงเพียงเเค่ตวัดไปครั้งเดียว กระบี่ไม้ที่เหลือเพียงครึ่งด้ามกลับถูกตัดจนกลายเป็นเศษไม้ เเละร่วงลงไปบนพื้นจนเลือเพียงด้ามจับเท่านั้น หยางหลงสั่นไปทั้งตัว เขาเล่นผิดคนเเล้ว!
"ท่านหยางหลง…ท่านตกใจอะไรกัน?''
"ในเมื่อท่านบอกว่าท่านมั่นใจในความเร็วของท่าน…'' ข้ากล่าวออกไปก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าช้าๆ เเต่เขากลับพุ่งไปข้างหลัง
ฟึบ ตุบ
ทำให้ข้าต้องใช้ความเร็วของข้าในเสี้ยววินาทีจับบ่าของเขาเเล้วกดลงกับพื้น ร่างที่กำลังลอยอยู่บนอากาศร่วงลงพื้นในทันที ในตอนนี้พ่อของเขาเสียหน้าเป็นอย่างมาก เเต่เขายังไม่เเสดงอาการนั้นออกมา พวกเขาทั้งหมดกำลังอึ้งในความสามารถของข้า นี่หลี่หงซวนฝึกอะไรให้กับเล่อปิงกันเเน่? เหตุใดนางถึงเเข็งเเกร่งเพียงนี้? เเล้วหงซวนล่ะ? อาจารย์ของเล่อปิงจะเก่งถึงเพียงไหน? เพราะสิ่งที่เล่อปิงทำไปเมื่อครู่ เเม้เเต่ยอดฝีมือในโลกเเห่งเซียนบางคนยังไม่สามารถทำได้ การตัดกระบี่มันอาจจะมองว่าง่าย เเต่การตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในเวลาชั่วพริบตา จะมีใครกันที่ทำได้? อีกทั้งเล่อปิงยังไม่ได้ใช้วิชาหรือกำลังภายในช่วยเลยด้วยซ้ำ เล่อปิงเพียงเเค่ตัดกระบี่ด้วยทักษะธรรมดาๆเท่านั้น
“ท่านมีความสามารถอย่างที่เขาล่ำลือกันจริงๆ” ข้ากล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้เขานั่งคุกเข่าคิดทบทวนตรงนั้น ที่จริงเขากำลังอึ้งอยู่ โดยที่ข้าได้เดินจากไป กลับไปอยู่ข้างหลังท่านปู่เพื่อให้ท่านเป็นคนจัดการต่อ
"หยางหลง…ลุกขึ้น'' เจ้าเมืองหยางหลินเดินมาข้างๆหยางหลงเเล้วกล่าว ซึ่งนอกจากเขาจะกล่าวเเล้วเขาก็พยุงลูกของเขาขึ้นด้วย เนื่องจากลูกของเขายังคงตกใจเเละเหม่อลอยอยู่เช่นนั้น
"ข้าขอบคุณทุกคนที่มางานวันเกิดของข้า…เเละของเล่อป๋อด้วย'' ในเมื่อท่านปู่ไม่กล่าวอะไร ข้าจึงเป็นคนกล่าวด้วยตนเองเเละปล่อยให้พ่อลูกคู่นั้นหายไปจากบริเวณนี้ เเละใช่ เจ้าเมืองหยางหลินคนปัจจุบันมีลูกช้าด้วยทำให้ลูกของเขาอายุมากกว่าข้าเพียงเล็กน้อย
"ข้ามีความต้องการที่จะออกไปฝึกในโลกข้างนอก'' เมื่อข้ากล่าวออกไปทุกคนในงานถึงกับหันหน้าคุยกัน ทุกคนนั้นรู้ดีว่าโลกข้างนอกมันเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับเผ่าเซียน
"ซึ่งท่านพ่อท่านเเม่ก็อนุญาติเเล้ว''
“เช่นนั้นถ้าหากข้าได้หายไป…ก็อย่าได้คิดว่าข้าตาย”
"เเละอย่าได้คิดลองดีกับตระกูลของข้าเด็ดขาด'' ข้ากล่าวออกไป เเน่นอนว่าถ้าข้ากล่าวไปเช่นนี้ต้องมีคนไม่ชอบอย่างเเน่นอน เเต่เเล้วมันจะทำไมล่ะ พวกเขาต่อสู้เก่งกันหรือ? ก็ไม่ มีพลังภายในเเกร่งกล้า? ก็ไม่อีก เเล้วข้าจะต้องกลัวอะไร ในเมื่อตอนนี้ต่อให้เป็นดาบก็มิอาจฟันข้าเข้า ด้วยกายร่างศักดิ์สิทธิ์ขั้น 1 เผลอๆกำลังภายในอาจจะเเค่ทำให้ข้ารู้สึกเพียงมดกัดเท่านั้น
“เพราะข้าเชื่อว่า…ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ไหน”
"ข้าสามารถ…'' ข้าเว้นไว้ให้พวกเขาคิดเอาเอง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง เล่อปิงได้หากองกำลังไว้กลุ่มนึง ข้าเองก็ไม่ทราบว่านางใช้วิธีไหนถึงได้บุคคลฝีมือดีเหล่านั้นมาเป็นผู้ติดตาม โดยที่พวกเขาก็อยู่ในงานนี้เช่นกัน พวกเขาเข้ามาทักข้าเเละเล่าให้ข้าฟัง เเละเหมือนพวกเขาจะถูกสั่งมาจากเล่อปิงอีกทีให้มาเล่าว่าพวกเขามีหน้าที่อะไรให้ข้าฟัง
วันถัดไป
"พวกท่าน…'' ข้ากล่าวออกมาเมื่อท่านเเม่ร้องไห้ เเละพุ่งเข้ามากอดข้า ซึ่งท่านพ่อเองก็เช่นกัน ข้าเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไรพวกท่านถึงทำเช่นนี้ ในเมื่อเมื่อคืนพวกเขายังกล่าวกับข้าด้วยความมั่นใจว่าข้าสามารถเอาตัวรอดได้อย่างเเน่นอนต่อหน้าเเขก
“พวกท่านโปรดจำสัญลักษณ์นี้ไว้ให้ดี”
“เพราะหลังจากนี้ข้าจะใช้นามโพธิ์ดำ"
“โพธิ์ดำจะต้องเป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดิน…ถ้ามีโอกาสข้าจะกลับมาบ่อยๆ”
"ข้าขอสัญญา!'' ข้ากล่าวออกไป โดยที่ในตอนนี้ครอบครัวตระกูลหลี่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อมาส่งข้าไปผจญภัยในโลกข้างนอก ซึ่งข้างหน้าคือเป็นกำเเพงสีฟ้าที่สูงจนมองไม่เห็นที่สิ้นสุด เเละเมื่อพวกเขาพยักหน้าเเละปล่อยข้า ข้าก็ได้ยิ้มออกมาเเละมองหน้าทุกคนก่อนจะเดินออกไปจากกำเเพงสีฟ้านี่
วึบ
เเละเมื่อข้าเดินออกมา ร่างกายของข้าก็กลายเป็นหลี่เล่อป๋อในทันที ในตอนนี้ข้ายังไม่สามารถเปิดเผยนามที่เเท้จริงได้เเม้จะออกมาจากโลกเเห่งเซียนเเล้วก็ตาม ที่จริงมันก็โลกเดียวกัน เพียงเเค่มีกำเเพงสีฟ้านี่กั้นอยู่เท่านั้น มันเป็นสีฟ้าจางๆเเต่มีคลื่นพลังขยับอยู่ตลอด
"เเละหลังจากนี้…ข้าคือโพธิ์ดำ'' ข้ากล่าวออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสวมหน้ากากเงินที่มีรูปใบโพธิ์ดำสลักอยู่บริเวณเเก้มของหน้ากาก
ข้าได้เดินไปไกลพอสมควร เเละเริ่มหาทางทาทิศเดินไปยังเมืองบนแผนที่ ที่ท่านพ่อของข้ามอบให้ เมืองเเรกที่ข้าจะไปคือเมืองของตระกูลเฟิงโดยอาณาจักรตอนนี้เป็นราชวงศ์ตระกูลหลิน หรือก็คือตระกูลของหลินเฟยเฟิ่งนั่นเอง ซึ่งเหตุผลที่ข้าไปเมืองของตระกูลเฟิงก่อนนั่นก็เพราะเมืองอยู่ใกล้จากเผ่าเซียนมากที่สุด เเละได้ยินว่าเป็นเมืองที่รุ่งเรืองเรื่องทรัพยากรณ์มากที่สุด ในสี่เมืองรอบอาณาจักร โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงที่ทำสงครามกับเผ่าอสูร พวกมันต้องการจะทำลายมนุษย์ให้สิ้นซาก
เเละถ้าหากถามว่าเมืองไหนที่เป็นโล่ทัพหน้า ก็ต้องเป็นเมืองเฟยเทียนที่ตระกูลหลงคอยคุม เป็นเมืองที่มีเเต่ผู้ที่เเข็งเเกร่งอยู่ พวกเขาต้องช่วยกันปกป้องมนุษย์ ซึ่งความคิดที่จะปกป้องมีกันทุกเมือง เเต่เมืองเมืองเจียวลู่เป็นเมืองที่ไม่มีอสูรบุกเนื่องจากอยู่ใกล้เเรงกดดันของเซียน หรือก็คืออยู่ใกล้กับเผ่าเซียนที่สุดนั่นเอง ทำให้พวกมันไม่เเม้เเต่จะเข้ามาป้วนเปี้ยนที่นี่เด็ดขาด โดยที่เมืองเจียวลู่ของตระกูลเฟิงจะคอยส่งเสบียงเเละทรัพยากรสำคัญให้กับทุกๆเมือง เป็นเมืองที่มีค่ามากที่สุด เเต่ถ้าเมืองที่เป็นกำลังหลักก็เเน่นอนอยู่เเล้วว่าต้องเป็นเมืองเฟยเทียน ส่วนเมืองหลวงก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเลย พวกเขาเองก็พยายามผลิตทั้งบุคคลที่เเข็งเเกร่งเเละทรัพยากรณ์คอยช่วยเหลือทั้งสี่เมืองอยู่เช่นกัน