คุ้นไหมล่ะ
ฟึบๆๆ
“ท่านปู่…ข้าบอกท่านเเล้ว” ข้ากล่าวออกไปเมื่อข้าสามารถกดดันท่านปู่ได้ ต่อให้เขาใช้จิตบำเพ็ญในการกดดันข้า ข้าก็ใช้จิตระดับตำนานกดดันเขากลับทำให้จิตบำเพ็ญของเขาไม่สามารถทำอะไรข้าได้ กลับกันเขาต่างหากที่ถูกลดประสาทสัมผัสลงพอสมควร
"ข้าเชื่อว่าข้ามีวิชาดาบที่เหนือใคร…เเม้เเต่โลกข้างนอกก็ตาม…'' ข้ากล่าวประโยคนี้ออกไปท่านพ่อท่านเเม้รวมถึงท่านปู่ตกใจกันมาก
"เจ้ารู้เรื่องโลกข้างนอกงั้นหรือ!?'' ท่านปู่กล่าวถามด้วยความตกใจ
"ข้ารู้'' ข้ากล่าวพลางเเสดงขั้นบำเพ็ญของข้าออกมา
คลื่นน
“จะ…เจ้า!!!…ขั้นเเยกจิต!!?” ท่านปู่ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ท่านพ่อท่านเเม้เองก็เช่นกัน ข้าอายุเพียงหกปีเเต่กลับมีระดับบำเพ็ญเกือบเท่าท่านพ่อ
"ปราณ…เหนือมนุษย์ขั้นเก้า…'' ท่านปู่กล่าวออกมาพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆไร้เรี่ยวเเรง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? เขาฝึกมาตั้งกี่สิบๆปียังมีกำลังภายในเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่งอยู่ เเต่เจ้าเด็กนี่ เจ้าหลานเเสบมันดันเเซงหน้าข้าไปเเล้ว? ถ้าหากเป็นฝัน มันก็ควรเป็นฝันต่อไป เพราะมันคงต้องไม่เกิดขึ้นจริงๆเเน่ เเต่มันกลับไม่ใช่ฝัน มันคือเรื่องจริงที่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน
“ข้าขอเพียงได้ฝึกเงียบๆ…เมื่ออายุครบสิบห้าปี”
"ข้าจะออกไปฝึก'' ข้ากล่าวออกไปก่อนที่จะปล่อยจิตไร้ระดับออกมา นี่มันไม่ใช่เกม มันไม่มีข้อจำกัดในเรื่องกายที่จะรับไม่ไหว ข้าจึงสามารถปล่อยจิตไร้ระดับออกมาได้ เเรงกดดันมหาศาลได้ออกมาจากตัวข้า ท่านพ่อท่านเเม่เเละท่านปู่ถึงกับทรุดลงกับพื้น
"มะ…มันคือพลังอะไรกัน!?'' ท่านปู่ตกใจอย่างมาก ถ้าจะบอกว่าเป็นจิตบำเพ็ญก็คงมิใช่ มันไม่ควรหนักหน่วงถึงเพียงนี้ เพราะระดับบำเพ็ญของเล่อป๋อยังไม่เท่าตน
‘เล่อปิง…’ ข้าสัมผัสได้ถึงการถูกจ้องมอง เเละทำให้ข้ารู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร ด้วยพลังที่คุ้นเคยของเธอ เเละก็ทำให้ข้ารู้อีกว่าเมื่อครอบครัวเผชิญกับอันตราย นางจะสามารถรับรู้ได้ทันทีด้วยการมาจ้องมองเช่นนี้
"ที่จริงเเล้ว…เล่อปิงนั้นมีพลังมากกว่าข้าเสียอีก'' ข้ากล่าวออกไปพร้อมกับที่เล่อปิงหายไปจากการจ้องมอง
"ได้หรือไม่ท่านปู่…'' ข้ากล่าวขอท่านปู่อีกครั้งในขณะที่พวกเขาค่อยๆยืนขึ้น
“ข้าจะเชื่อตามที่เจ้าบอก…ข้าจะไม่ถามมากมาย”
“หลังจากนี้ข้าจะบอกกับทุกคนเองว่าข้าจะฝึกเจ้าด้วยตัวเองทุกอย่าง”
"เจ้าก็เชิญฝึกไปด้วยตัวเองตามสบาย'' ท่านปู่กล่าวพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มอย่างพอใจ
‘เล่อปิงเป็นเด็กฉลาดมาก…เล่อป๋อมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าฮ่องเต้เซียนสวรรค์’
‘ตระกูลของเราจะได้ยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างเเน่นอน’ หลี่หงซวนคิดในใจเมื่อได้เห็นพลังที่เเท้จริงของเล่อป๋อ เเถมเล่อป๋อยังกล่าวด้วยว่าเล่อปิงนั้นมีพลังมากกว่าเล่อป๋อเสียอีก เเต่ทำไมเขาถึงไม่สามารถสัมผัสเกี่ยวกับพลังของเล่อปิงหรือเล่อป๋อได้ก่อนหน้านี้กัน?
“เช่นนั้นเเล้วเจ้ารีบไปฝึกเสียเถอะเล่อป๋อ”
“หากเจ้าจะให้ข้าหรือพ่อเเม่ของเข้าช่วยเหลืออันใด…สามารถบอกได้ทุกเรื่อง”
"ข้าสนับสนุนเจ้าเต็มที่!!'' ท่านปู่กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ ราวกับท่านปู่นั้นเชื่อในความสามารถของข้าเป็นอย่างมาก
"ข้าขอบคุณมาก'' ข้ากล่าวขอบคุณก่อนที่ท่านปู่จะยกตัวข้าขึ้นเเละพาข้าเดินนำออกไปจากห้องฝึก ไปยังร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองซิ่นหลิว
ณ ร้านอาหารหลิวหลง
ร้านอาหารหลิวหลงถือเป็นร้านที่สืบทอดกันมานานตั้งเเต่ตั้งเมืองนี้ เป็นตระกูลที่เบื้องหลังมีอำนาจมากพอสมควร ตระกูลหลิวเเละตระกูลหลี่ต่างสนิทกันมาตั้งเเต่บรรพบุรุษ
"หลิงถิง!…เล่อปิงมา!!'' ท่านลุงกล่าวเมื่อครอบครัวตระกูลหลี่เดินเข้ามาในร้านาอาหารรวมถึงข้าด้วย ในร้านมีเเต่ผู้ใหญ่ที่มีฐานะ มีเครื่องประดับที่หรูหรา เเต่พวกเขากลับต้องคำนับให้กับตระกูลของข้า เเละข้าก็ได้กลายเป็นที่น่าจับตามอง ราวกับเล่อปิงได้กระทำอะไรเอาไว้ที่นี่?
"ท่านพี่เล่อปิงง!!'' นางลากเสียงมาเเต่ไกล นางคือลูกสาวคนเดียวของเจ้าของร้านหาอารหลิวหลงนามว่าหลิวหลิงถิง นางเป็นคนร่าเริงมากๆ เเถมยังน่ารักมากอีกด้วย หลายตระกูลถึงกับมาขอจองตัว เเต่ท่านพ่อของนางก็ปฏิเสธไปทุกรายเเล้วบอกว่าจะให้นางเลือกคู่ครองของนางเอง เเละดูเหมือนว่าเล่อปิงจะเป็นที่ชอบพอของหลายๆคน จะใครก็เข้าหาเล่อปิงตลอด ซึ่งที่จริงเเล้วข้ามิใช่เล่อปิงข้าคือเล่อป๋อ
เเต่ถ้าหากข้าจะปลอมเป็นเล่อปิงจริงๆเเล้วมันก็ไม่ยาก ด้วยหน้าตาที่คล้ายกัน ข้าเพียงเเค่ทำผมทรงที่นางชอบไว้ประจำเเล้วเปลี่ยนชุดเป็นหญิงก็ได้เเล้ว เเต่เล่อปิงนางทำให้ข้าทำหลายๆอย่างง่ายขึ้นด้วยการทำให้ข้าเป็นนางเเละทำให้ข้อจำกัดเรื่องเสียงเเละร่างกายหายไป เพราะร่างของข้ามันมีกล้ามเนื้อที่เเน่นพอสมควร
"ว่าเช่นไร'' ข้าตอบกลับไปอย่างเอ็นดูเมื่อนางวิ่งมากอดข้า
"ท่านพี่?'' หลิงถิงกล่าวเรียกข้าอีกครั้ง เเต่การเรียกครั้งนี้ของนางราวกับนางกำลังสงสัยข้าในบางอย่าง
"ท่านเปลี่ยนไป?…หรือท่านโดนดุมา?'' หลิงถิงกล่าวด้วยความเข้าใจของนาง เพราะเวลานางโดนดุนางก็จะอยู่นิ่งๆเงียบๆเช่นเดียวกับเล่อป๋อในตอนนี้ เเต่ที่จริงเเล้วเล่อป๋อก็นิ่งแบบนี้เป็นปกติ
"ใช่…ข้าโดนท่านปู่ดุมา'' ข้ากล่าวพลางหันไปมองท่านปู่ที่กำลังคุยกับคนรุ่นเดียวกันของตระกูลหลิว
"ท่านไปทำ-…ช่างเถอะ…ไปเล่นกับข้าดีกว่า!'' นางกล่าวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าข้าน่าจะไม่อยากพูดเกี่ยวกับเรื่องที่โดนดุมาอย่างเเน่นอน ทำให้ข้าเริ่มคิดว่านางน่าจะฉลาดพอตัวสำหรับเด็กรุ่นเดียวกัน
หลังจากนั้นนางกับข้าก็ได้วิ่งเล่นด้วยกันไปสักพักเพื่อรออาหาร เเละเมื่ออาหารได้ถูกจัดวางที่โต๊ะท่านพ่อก็เรียกข้ากลับไปรวมถึงหลิงถิงเองก็ด้วย นางได้มานั่งทานอาหารพร้อมกันกับครอบครัวของข้า ซึ่งพ่อของนางกับพ่อของข้าก็ได้นั่งคุยเกี่ยวกับเมือง เพื่อช่วยกันหาความคิดใหม่ๆในการสร้างสิ่งต่างๆ หรือขาดเหลืออะไรหรือเปล่า
เเละเมื่อข้าเเละครอบครัวเสร็จจากธุระทุกอย่าง ก็ได้กลับมายังบ้านตระกูลหลี่ วันถัดไปหลังจากนี้ข้าจะฝึกอย่างจริงจัง เเต่สิ่งที่ข้าฝึกนี่สิ หลังจากที่ข้าได้ครุ่นคิดมานานพอสมควร ข้าคิดว่าจะหยุดการบำเพ็ญจิตเเล้วหันไปบำเพ็ญกาย ถ้าหากข้ามีกายที่เเข็งเเกร่งเเล้วข้าจะสามารถขึ้นหรือลงมาจากสวรรค์ได้อย่างอิสระ เนื่องจากเมื่อบำเพ็ญจิตจนขึ้นไปบนสวรรค์เเล้ว จะไม่สามารถลงมาบนโลกมนุษย์ได้อีกด้วยกฏของสวรรค์ ถ้าจะลงมาก็จะเสียตบะไปอย่างมหาศาล
“หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป…ข้าจะฝึกกาย” ข้ากล่าวกับตนเองก่อนที่จะวูบหลับไป
ผ่านไปเก้าปี
หลังจากผ่านมาเนิ่นนานข้าได้สัมผัสถึงความยากลำบากในการทะลวงขั้นระดับ ข้าเข้าใจเเล้วว่าทำไมบางคนอายุเกือบร้อยปียังไปไม่ถึงไหน โดยที่ในตอนนี้ข้ามีมีร่างอยู่ในขั้นก่อร่างใหม่ ซึ่งขั้นนี้จะเป็นการทำลายกระดูกเเละสร้างใหม่ มันจะเเข็งเเกร่งกว่าเดิมสิบเท่า! ซึ่งมันคือจุดเปลี่ยนขั้นเเรกของการฝึกกาย ข้าจะไม่สามารถขยับไปไหนได้เกือบเดือน! นี่ขนาดท่านพ่อเเละท่านปู่พยายามหาสมุนไพรหายากมากมายมาช่วยข้า ข้ายังต้องนอนนิ่งเกือบเดือน! เเละในตอนนี้ข้าได้ผ่านจุดนั้นมาเเล้ว
ทำให้ข้ามีระดับกายอยู่ที่ร่างศักดิ์สิทธิ์ขั้น 1 เเต่ถึงอย่างนั้นเเล้วการจะไประดับถัดไปมันใช้เวลานานกว่าทุกระดับที่ผ่านมาถึงสามเท่าเลยทีเดียว! เเละนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้านิกายเหนือโลกผู้ที่มีระดับกายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไปถึงเพียงร่างทองขั้นที่สาม ด้วยอายุเกือบพันปี!
"เเต่ถ้าเป็นข้า…ข้าจะสามารถไปได้ก่อนห้าร้อยปีอย่างเเน่นอน…'' ข้ากล่าวกับตนเองในขณะที่กำลังนั่งบำเพ็ญจิตเเละฝึกคุมปราณไปด้วย หลังจากที่ข้าไปถึงระดับร่างศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็ได้หยุดการฝึกกายไว้สามเดือนเพื่อมาฝึกคุมปราณเป็นหลักเเละบำเพ็ญเพียรเป็นบางครั้ง เเละในที่สุดข้าก็ได้มีกำลังภายในระดับผู้ครอบครองขั้นที่ห้า ข้ารู้สึกว่าเมื่อระดับต่างๆยิ่งเพิ่มขึ้น การทะลวงขั้นก็นานมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวด้วย ไม่แปลกที่เผ่าเซียนจะถูกมองว่าเป็นพวกขี้โกง เพราะเผ่าเซียนมีอายุไขถึงสามร้อยปี ถ้าหากมาฝึกกำลังภายในเเละใช้ชีวิตในโลกปกติพวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งในใต้หล้าอย่างไม่ต้องสงสัย เเต่ถ้าหากต้องเลือกความเเข็งเเกร่งเเล้ว เขาก็จะต้องละทิ้งชีวิตที่มีโอกาสจะได้เป็นอมตะ เเต่พวกเขาก็หารู้ไม่ว่าเมื่อขึ้นไปสวรรค์เเล้วมันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด…
"เเละมันถึงเวลาเเล้วที่ข้าจะออกไปเผชิญโลกข้างนอก'' ข้ากล่าวกับตนเองอีกครั้ง เพราะครั้งสุดท้ายที่ข้าออกไปจากห้องฝึกที่มีเเรงกดดันหนาเเน่นนี่ก็น่าจะเป็นตอนที่ครอบครัวพาข้าไปฉลองอายุครบสิบปี ซึ่งในตอนนั้นก็มีคนรู้จักของคนในครอบครัวมากมายมางานวันเกิดของข้า บ้างก็มาขอจองข้าให้กับลูกชาย บ้างก็กล่าวถามเรื่องการฝึกของข้า ซึ่งข้าพูดคุยไปปกติ ส่วนท่านพ่อก็ปฏิเสธทุกคนที่จะจองข้าให้ลูกชายของตน ซึ่งเเต่ละคนที่กล้ามาจองเเน่นอนว่าเขามีฐานะในระดับใกล้เคียงกัน เจ้าเมืองข้างๆก็มาเช่นกันเมื่อผู้คนล่ำลือกันเรื่องความสวยของข้า เเต่ข้านั้นเป็นชาย เล่อปิง เจ้าหาภาระให้ข้าเยอะเหลือเกินนะ…
ณ สถานที่ฝึกตระกูลหลี่
โดยที่ห้องฝึกของข้านั้นอยู่ลึกเข้าไปอีกในห้องโถง เป็นห้องเล็กๆเเต่มีเเรงกดดันมหาศาลเอาไว้ฝึกควบคุมปราณ เเละการบำเพ็ญในห้องดีจะเพิ่มประสิทธิภาพพอสมควร ซึ่งเมื่อข้ามาถึงข้าก็ได้พบกับน้องซินเหมยเเละซินหยาง ลูกพี่ลูกน้องของข้า ทั้งคู่กำลังฝึกต่อสู้กับท่านปู่ เมื่อท่านปู่เห็นว่าข้ามีทักษะการต่อสู้ที่เเข็งเเกร่ง ท่านก็อยากจะฝึกให้หลานทั้งคู่ด้วย ฝึกไว้ก่อนจะดีมากๆ เพราะจะไม่โดนรังเเกได้โดยง่าย เเละใช่ ทำให้ทั้งคู่ในตอนนี้พอมีทักษะพื้นฐานเเล้ว
"ท่านปู่รังเเกเด็กอีกเเล้วงั้นหรือ?'' ข้ากล่าวออกไปเมื่อทั้งสองพี่น้องไม่สามารถทำอะไรท่านปู่ได้ ด้วยวิชากระบี่ เเละเหมือนท่านปู่จะออมมือไว้พอสมควร
"วันนี้เเล้วสินะ'' เมื่อท่านปู่เห็นข้าท่านปู่จึงหยุดการฝึกซ้อมเเละหันมาพูดคุยกับข้าเเทน
"คืนนี้ข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่านพ่อท่านเเม่เเละท่านปู่'' ข้ากล่าวก่อนจะขอตัวไปชำระล้างร่างกายที่บ้านของข้า
ต้นไม้เล่อปิง
"ข้าล่ะคิดถึงจริงๆของหวานเย็น'' ข้ากล่าวเมื่อได้ลิ้มรสไอติมรสนมในตู้เย็นอีกครั้ง
"ตอนนี้เจ้าจะเป็นเช่นไรมั่งนะเล่อปิง''
"เจ้ากำลังลำบากหรือเปล่า?'' ข้าคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เล่อปิงจะต้องเผชิญ เพราะถึงนางจะเก่งเเค่ไหน ฉลาดขนาดไหน นางก็ยังเป็นผู้หญิง เเละนางกำลังต้องเผชิญหน้ากับอะไรก็ไม่มีใครรู้ ชีวิตตอนนี้ของนางเป็นเช่นไรบ้างก็ไม่มีใครทราบ ท่านพ่อท่านเเม่เเละท่านปู่ก็พยายามหาตัวนางทุกหนเเห่งในโลกเเห่งเซียน เเต่ก็ไม่เจอเบาะเเสสักอย่าง ซึ่งเเน่นอนว่าข้าสามารถสัมผัสถึงนางได้ด้วยไพ่โพธิ์ดำที่ข้าพอติดตัวไว้ตลอด มันเหมือนกับเป็นเครื่องเตือนใจข้าว่าข้าต้องเเข็งเเกร่งเเละต้องไปพานางกลับมาให้ได้ ไม่ว่าข้าจะต้องเจอกับอะไร ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเเข็งเเกร่งเเค่ไหนข้าก็ต้องทำให้ถึงที่สุด พยายามให้ถึงที่สุด นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดมาตลอดหลังจากที่ข้าเริ่มเก็บตัวฝึกคนเดียว
"เจ้าอยู่ไกลเเสนไกลเหลือเกินเล่อปิง…ข้าพร้อมเมื่อไหร่…ข้าสัญญาข้าจะไปหาเจ้าให้เร็วที่สุด'' ข้ากล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเล่นในห้องนางเเละกินไอติมไปเรื่อยจนหยุดที่เเท่งที่สาม ถึงข้าจะสามารถกินมันได้อีกเเต่ข้าคิดว่าข้าควรพอเเละต้องใช้เวลาตรงนี้ให้คุ้มค่าที่สุด ข้าจึงออกไปจากต้นไม้เล่อปิงเเละไปยังห้องอาหารของบ้านตระกูลหลี่
"ข้าต้องการที่จะไปโลกข้างนอก'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆเมื่อครอบครัวที่สามคนของข้าตั้งใจรอฟังว่าข้าจะพูดอะไร
"เจ้าต้องการจะทำอะไรกันเเน่เล่อป๋อ?'' ท่านปู่กล่าวด้วยความสงสัย ข้าเก็บตัวฝึกมาเกือบสิบปีเเละออกมาก็บอกว่าจะไปโลกข้างนอกต่อ
"ข้าหยุดบำเพ็ญไปตั้งเเต่เก้าปีที่เเล้ว…เเต่ข้ามาฝึกกายเเทน'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆ ทำให้ท่านปู่กำลังจะด่าข้า เพราะเขาคิดว่าข้าจะบำเพ็ญเพียรเพื่อขึ้นไปใช้ชีวิตบนสวรรค์เเละจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่
"พวกท่านฟังไม่ผิด…ข้าฝึกกาย'' ข้ากล่าวก่อนจะจิ้มนิ้วลงไปบนโต๊ะอาหาร เเละข้าออกเเรงเพียงเล็กน้อยนิ้วของข้าก็ทะลุโต๊ะไปทันที
"ข้ามีเหล่าศิษย์น้องที่ข้าสัญญาไว้ว่าจะไปหา''
“ท่านปู่…ท่านเป็นคนสอนข้าเองว่าห้ามผิดสัญญา”
"ท่านสอนข้ามากมาย'' ข้ากล่าวออกไปเพื่อให้ท่านปู่ยอมข้า
“เเละข้าจะไปตามหาเล่อปิงด้วย”
ฟึบ
"นี่คือสิ่งที่นางให้ข้าไว้…ข้าสามารถใช้ไพ่ใบนี้ในการหานางได้'' ข้าหยิบไพ่โพธิ์ดำออกมาจากในเสื้อเเละยื่นให้ท่านปู่ตรวจสอบ ซึ่งเเน่นอนว่าท่านปู่ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เพราะมันต้องใช้มานา
"คุ้นไหมล่ะท่านเเม่'' ข้ากล่าวเมื่อท่านเเม่สัมผัสมัน ท่านเเม่ถึงกับสะดุ้งเเละข้าได้เห็นมานาของท่านเเม่ที่แผ่ออกมาคลุมไพ่โพธิ์ดำ
"เจ้า!…ทำไมเจ้าถึงรู้เกี่ยวกับพลังนี้!'' ท่านเเม่ตกใจมากที่ที่ทางของข้าราวกับข้ารู้จักมานาที่ท่านเเม่ลืมตัวใช้ออกมา
"เล่อปิง…นางมีพลังนี้…เเละพลังนี้ของนางเเข็งเเกร่งมาก''
"ซึ่งข้าคิดว่า…นางอาจจะกลับไปยังถิ่นกำเนิดของพลังนี้'' ข้ากล่าวออกไปทำให้ท่านเเม่ถึงกับนิ่งไปเลย ท่านคงจะไม่คิดว่าข้าจะรู้เยอะหรือคิดอะไรได้ถึงขนาดนี้อย่างเเน่นอน สายตาของท่านเเม่มันฟ้อง ข้าเห็นหมดทุกอย่าง
"เเละนางก็เป็นคนปลุกพลังให้ข้า'' ข้ากล่าวพร้อมกับเรียกมานาออกมาเป็นลูกกลมๆลอยอยู่บนมือ ลอยวนไปวนมาตามที่ข้าบังคับ เเสดงให้เห็นว่าข้านั้นรู้เกี่ยวกับพลังนี้เเละฝึกมันมาเเล้ว ซึ่งถ้าถามว่านางปลุกพลังให้ข้าได้ยังไง? ข้าก็เพิ่งรู้สึกว่าข้ามีมานาหลังจากที่มานาในขวดโหลเข้าร่างข้ามาหนึ่งปี
“ข้าอยากให้พวกท่านปล่อยหน้าที่ตามหานางให้กับข้า”
"ไม่ต้องห่วง…เมื่อข้าใช้มานาได้อย่างคล่องเเคล่วข้าสามารถเปลี่ยนเวทที่นางร่ายไว้กับข้าได้เเล้ว''
วึบ
เมื่อข้ากล่าวจบร่างของข้าก็กลายเป็นหลี่เล่อป๋อคนเดิม เเละก็กลับเป็นร่างเล่อปิงอีกครั้ง ทำให้ท่านเเม่อึ้งมาก เเต่ที่จริงเเล้วข้าก็ได้เเค่นี้เเหละข้าไม่มีวิชาเวทอะไรสักอย่าง ซึ่งทำให้ท่านพ่อเเละท่านเเม่ยอมรับคำขอจากข้า ส่วนท่านปู่เองก็ยอมรับหลังจากผ่านไปสักพักเมื่อข้าพยายามตื้อท่านปู่ ทำให้ทั้งครอบครัวอนุญาติให้ข้าไปโลกภายนอกได้เเต่ต้องเป็นอีกเจ็ดวันข้างหน้าเท่านั้น เพื่อใช้ชีวิตกับครอบครัวก่อน