บท
ตั้งค่า

ศิษย์เซียนสวรรค์

"เหตุใดพวกเจ้าถึงสู้กันเอง?'' ข้ากล่าวถามพรรคพวกของหนิงเอ๋อ ในตอนนี้หนิงเอ๋อปลอดภัยเเล้ว เหลือเพียงปล่อยให้นางได้พักผ่อน

“ในตอนนี้พรรคมารเเบ่งเเยกกันเป็นสามฝ่าย”

"ฝ่ายของเราพยายามขัดขวางฝ่ายที่พยายามจะปล้นมนุษย์ด้วยกันเอง''

"สุดท้ายพวกเราก็พลาดท่าโดนพวกมันจัดฉากหลอกให้ติดกับ'' คนที่มีอายุมากที่สุดเปิดเผยหน้าตาเเละกล่าวออกมา ซึ่งหลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็ได้ถอดผ้าผิดปากออกทั้งหมด โดยคนที่อายุมากที่สุดเขาน่าจะอายุราวๆหกสิบถึงเจ็ดสิบปี เเละเมื่อสักครู่ในตอนนี้ข้ารักษาศิษย์น้องเล็กก็เป็นเขาที่คอยช่วยสงปราณขับวิชามารออกด้วยส่วนนึง เนื่องจากหนิงเอ๋อนางไม่ได้เน้นการฝึกไปที่วิชามาร เเต่เป็นวิชาพิษเสียเเทน เเละใช่พวกมันก็บาดเจ็บถูกพิษของหนิงเอ๋อเเลกกันไป

"เมื่อครู่ท่านบอกว่านางเป็นศิษย์น้องของท่าน?'' ชายเเก่สงสัยเกี่ยวกับคำพูดของข้า เพราะนางยังไม่เคยบอกเรื่องที่เข้าไปฝึกในมิติของท่านอาจารย์ไป่กับใครทั้งนั้น

"ถูกต้อง…นางคือศิษย์น้องของข้า'' ข้ากล่าวออกไปก่อนจะดึงชายเสื้อขึ้นเล็กน้อยให้เห็นปานโพธิ์ดำบริเวณเอวของข้า ทำให้พวกเขานึกถึงปานโพธิ์ดำที่หลังเอวของหนิงเอ๋อ

"ก่อนอื่นพวกข้าต้องขอบคุณท่าน…ถ้าไม่ได้ท่านพวกข้าอาจจะต้องถูกจับ'' ชายเเก่กล่าวก่อนจะคารวะให้กับข้า

“พวกเจ้าคือพวกของศิษย์น้องข้า…ก็นับว่าเป็นพวกของข้าเช่นกัน” ข้ากล่าวก่อนจะเดินไปพยุงผู้อาวุโสขึ้น

"เเล้วฝ่ายที่สามพวกเขาต้องการจะทำอะไร?'' ข้ากล่าวถามสิ่งที่พวกเขายังไม่ได้บอก เพราะถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายนึงรวมกัน ฝ่ายที่เหลืออาจจะต้องถึงจุดจบ

"พวกเขาไม่สนเรื่องพวกนี้…พวกเขาเอาเเต่ฝึกเพื่อรอรับใช้ใครบางคน'' เเละเป็นหญิงสาวผมม่วงที่กล่าวออกมา เหมือนนางจะโดนพิษที่รุนเเรงพอสมควร ผมของนางจึงเปลี่ยนสี รวมถึงผิวของนางที่ซีด

"อืม'' ข้าพยักหน้าพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ในพรรคมารตอนนี้ เผื่อมีทางที่ข้าจะช่วยศิษย์น้องเล็กได้ หลังจากนั้นเฟิงอวิ๋นก็ได้ไปทำซุปให้พวกข้ากิน

หนึ่งวันผ่านไป

"อึก…'' หนิงเอ๋อเมื่อนางรู้สึกตัวนางก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากเตียงทันที เเละหันหน้าออกไปนอกเตียง

เเหวะๆ

เเละอ้วกเลือดสีดำออกมาจำนวนมาก ก่อนจะพยายามคุมสติของตนเองให้ได้ เหล่าพรรคพวกของนางก็เข้าหานางในทันที เเละเมื่อข้าได้ยินเสียงแปลกๆข้าก็รีบลงมาหาจากเช่นกัน เมื่อคืนกลุ่มของนางได้ผลัดกันนอนเฝ้านาง ส่วนข้าก็ได้ขึ้นไปนอนชั้นบนเเละคิดอะไรหลายๆอย่าง

"เป็นเช่นไรบ้าง?'' ข้าเดินเข้าไปหานางพร้อมกับส่งปราณให้นางในทันทีเพื่อช่วยฟื้นพลังนาง

"พี่ใหญ่…'' นางเรียกข้าเเละยิ้มออกมา ข้าจึงลูบหัวนางด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะหยิบถ้วยยาที่พวกของนางเพิ่งจะนำมาให้ค่อยๆป้อนให้นางดื่มจนหมด จนนางค่อยๆเอนหลังลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

"เจ้าต้องพักผ่อนให้มากๆ…เรื่องอื่นๆให้ข้าจัดการ'' ข้ากล่าวให้นางสบายใจ ซึ่งนางก็เชื่อใจข้า ถึงเเม้นางจะไม่ได้เล่าอะไรให้ข้าฟังเเต่นางเชื่อว่าข้าคงจะได้ฟังมาจากพวกของนางบ้างเเล้ว เพราะที่ผ่านมานางรู้ตัวเองดีว่านางไม่เคยบอกให้ไว้ใจใครมาก่อน เเละเเทบจะไม่ไว้ใจใครเลยด้วยซ้ำ เเต่ถึงในตอนนั้นข้าจะเป็นหญิงเเต่นางก็น่าจะมั่นใจว่าเป็นข้าศิษย์พี่ใหญ่ของนางอย่างเเน่นอน ด้วยความคุ้นเคยในหลายๆอย่าง รวมถึงคำพูดของข้า

"…'' ข้ารู้สึกถึงรางสังหอนที่ไม่ดี เเละถ้าตามที่ข้าคิดพวกเขาอาจจะไปที่บ้านตระกูลเฟิงเพื่อจัดการปัญหาเกี่ยวกับตัวข้าในเรื่องเมื่อวาน

"เดี๋ยวข้ากลับมา'' ข้ารีบกล่าวเเละรีบออกไปจากบ้านในทันทีเพื่อไปยังบ้านตระกูลเฟิง

ณ บ้านตระกูลเฟิง

"อืม…'' เมื่อข้ามาถึง ทหารก็ล้อมรอบบ้านของนางเต็มไปหมด

“มันอาจจะอยู่ที่นี่!”

"เจ้าหน้ากากใบไม้สีดำนั่น!'' เป็นเสียงของขุนพลเหวินที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เเละจากสัมผัสของข้า เเม่ทัพเหวินเจี้ยนเองก็อยู่ด้วย

"ตามหาข้าอยู่งั้นหรือ?'' ข้ากล่าวก่อนจะเดินตรงไปยังบ้านตระกูลเฟิง เเละเมื่อพวกทหารเห็นตัวข้าก็รีบตะโกนเรียกพรรคพวกของพวกมันในทันที ทหารของกองทัพได้เข้ามาล้อมรอบข้าพร้อมกับขุนพลเหวินเเละเเม่ทัพเหวินที่กำลังเดินออกมาเพื่อมาดูข้า

"เจ้านี่งั้นรึ?'' เเม่ทัพเหวินเจี้ยนกล่าว เพราะร่างกายของข้ามันไม่ได้ใหญ่โต เเละดูเป็นเพียงเด็กอายุราวๆสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี คงไม่สามารถเอาชนะขุนพลเหวินที่เป็นลูกของตนได้หรอก เพราะเขาได้ฝึกการต่อสู้เเละโดดเด่นมากในกองทัพ

"ข้าคิดว่าเข้าไปคุยข้างในก่อนดีหรือไม่?'' ข้ากล่าวอย่างใจเย็น

"ข้างในมีองค์ชาย…ท่านคงไม่อยากเห็นอะไรที่ไม่น่าดูหรอก'' เเม่ทัพเหวินเจี้ยนกล่าวก่อนที่จะสั่งให้ทหารพุ่งเข้าไปจับตัวข้า

"เจ้าเเน่ใจเเล้วงั้นหรือที่จะเป็นศัตรูกับข้า?'' ข้ากล่าวถามออกไปตรงๆก่อนที่จะหลบการจับกุมของพวกทหารได้อย่างง่ายดาย ทำให้เเม่ทัพเหวินเริ่มอารมณ์เสีย

"เหตุใดข้าถึงไม่สามารถเป็นศัตรูกับเจ้าได้?'' เเม่ทัพเหวินเมื่อรู้สึกแปลกๆจึงสั่งให้ทหารของเขาหยุดการจับกุมข้า เเละรอให้ข้าพูด

"เจ้าจะได้รู้เมื่อเข้าไปข้างในบ้าน'' ข้ากล่าวพลางเดินเข้าไปในเขตตระกูลเฟิง

หมับ!

เเละเมื่อข้าเดินถึงจุดที่เเม่ทัพเหวินยืนอยู่ เขาได้จับไหล่ของข้าเอาไว้ เเละออกเเรงพอสมควรหวังจะกดร่างข้าลง เเต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ข้าสามารถยืนมองหน้าเขาได้อย่างสบายๆ

"เเล้วเจ้าจะเสียใจ…ที่ทำกับข้าเช่นนี้'' ข้ากล่าวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านตระกูลเฟิงโดยไม่สนใจว่าร่างของเเม่ทัพเหวินจะเกาะตามข้ามาด้วยเเรงที่เขาบีบข้า ทำให้เขาต้องผละมือออกจากไหล่ของข้าในทันทีและเเสดงสีหน้าตกใจออกมา

"เมื่อวานพวกเจ้ากล้าเมินข้า?…กล้าทำให้ข้าเสียหน้า?'' องค์ชายสี่กล่าวถามด้วยความโกรธ โดยที่ในตอนนี้คนตระกูลเฟิงได้เเต่นั่งรับความโกรธจากเขา

"เจ้าเเสดงละครอยู่งั้นหรือ?'' ข้ากล่าวถามออกไปเมื่อมาถึงห้องโถงตระกูลเฟิง

"เจ้าตัวปัญหา…'' เมื่อผู้นำตระกูลเฟิงคนปัจจุบันเห็นข้าปรากฏเขากำหมัดเเน่นในทันที

“สามหาว!!” ทหารองครักษ์ชักดาบเเละพุ่งใส่ข้าหวังจะฆ่าข้าในทันที ซึ่งคนคนนี้เเตกต่างจากทหารคนก่อนๆ เขามีขั้นบ่มเพาะอยู่ที่ระดับผู้ครอบครองขั้นสูง องค์ชายสี่น่าจะนำเขามาเพื่อกดดันข้าอย่างเเน่นอน

ครืดดด

“!!!" ทั่วทั้งห้องโถงตกใจเป็นอย่างมากที่ข้าสามารถจับดาบของเขาเเละบีบจนงอกลายเป็นลูกบอลเหล็ก องค์ชายสี่ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่เว้นเเม้เเต่ผู้นำตระกูลเฟิงคนปัจจุบัน ส่วนเฟิงอวิ๋นนางที่รอการปรากฏตัวของข้าก็ได้ยิ้มออกมาในทันที

ฟึบ ตุบ

"จงนั่งให้เรียบร้อย'' ข้ากดร่างขององครักษ์คนนั้นลงจนเขาทรุดลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นเเละกลัวจนตัวสั่น ข้ายังไม่ได้ใช้กำลังภายใน ข้าใช้เพียงกำลังของข้าล้วนๆก็สามารถทำเช่นนี้ได้เเล้ว ถ้าหากข้าเอาจริง เขาคงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…

"จะ…เจ้าเป็นใคร!?'' องค์ชายสี่กล่าวถามข้าด้วยความสับสน เพราะการกระทำของข้าเหมือนไม่ไว้หน้าเขาเลยเเม้เเต่น้อย เเละด้วยความกล้าของข้ารวมถึงพลังที่ข้ามี บางทีอาจจะมีคนใหญ่คนโตอยู่เบื้องหลังข้าก็เป็นได้ หรือข้าอาจจะเป็นคนใหญ่คนโตนั้นเอง?

"ข้าคือใคร…งั้นหรือ?'' ข้ากล่าวจบก็ค่อยๆหยิบตราสีทองอร่ามออกมาจากในเสื้อของข้า ครั้งเเรกที่พวกเขาห็นพวกเขามั่นใจอย่างเเน่นอนว่ามันคือตราของราชวงศ์ เเละเมื่อได้เห็นตรานกฟินิกซ์ที่ฮ่องเต้ได้มอบให้กับองค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งเป็นรางวัลเกี่ยวกับความฉลาดของนางในหลายๆเรื่อง พวกเขาถึงกับมือสั่นตัวสั่นไปหมด เเม้เเต่องค์ชายสี่ในตอนนี้นิ่งค้างไปเลยทีเดียว

ในตอนที่องค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งได้กลับมาจากความตาย

นางได้หายไปนานเป็นเดือนทุกคนจึงกล่าวว่านางน่าจะตายไปเเล้ว เเต่เมื่อนางกลับมา กลับพบว่าตราสำคัญของตระกูลฟินิกซ์ในตำนานได้หายไป เเละใช่ตรานี้มันสำคัญเทียบเท่าชีวิตของนาง เป็นตราที่จะเป็นของรัชทายาทในอนาคต หรือก็คือน้องชายของนางนั่นเอง

"เจ้าว่าเช่นไรนะ!?'' ฮ่องเต้ตะโกนถามด้วยความกริ้ว เเต่ก็ดีใจด้วยส่วนนึง

“ท่านฟังไม่ผิด…ข้าได้มอบให้กับคนที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้”

“เขาดูเเลข้าราวกับเป็นพี่ชายของข้าจริงๆ”

"เขาเป็นศิษย์ของเซียนสวรรค์'' หลินเฟยเฟิ่งกล่าวออกมา ในตอนนี้ฮ่องเต้เองก็ไม่อยากจะเชื่อ เซียนบนสวรรค์เขาจะลงมาบนโลกมนุษย์ได้อย่างไรกัน นอกเสียจากเป็นเซียนระดับสูง

วึบ

"สะ…เเสงมัน!…!!!'' สักพักเเสงสีทองก็ส่องทะลุเพดานลงมาจากฟ้า ส่องตรงมาที่ร่างของหลินเฟยเฟิ่ง เป็นเเสงที่ดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก

“ท่านเซียนทรงโปรด!!” ทำให้ทุกคนเข้าใจในทันทีว่าหลินเฟยเฟิ่งไม่ได้พูดปด นางพูดเรื่องจริง เเละที่สำคัญเเสงสีทองของเช่นนี้ถ้าหากไม่ใช่เซียนบนสวรรค์คงไม่สามารถทำได้อย่างเเน่นอน เเละเขาน่าจะเป็นเซียนที่ยิ่งใหญ่มากๆด้วยถึงสามารถดูเหตุการณ์บนโลกมนุษย์ได้ เเม้เเต่ฮ่องเต้เองก็ต้องก้มคารวะ

"ฮึก…'' เเต่กลับกันมีเพียงหลินเฟยเฟิ่งที่ร้องไห้ออกมา ไม่ผิดนี่เป็นพลังของเซียนสวรรค์ เเละน่าจะเป็นพลังสุดท้ายของอาจารย์ไป่ที่หลงเหลือไว้ นางเคยสัมผัสเเสงที่อบอุ่นนี่มาหลายครั้งจนจำได้ เเต่สุดท้ายนางก็ฮึบเอาไว้ไม่สามารถร้องออกมาได้

“เมื่อเวลามาถึง…ผู้ที่ถือครองตราฟินิกซ์อมตะจะนำกลับมาคืน'' หลินเฟยเฟิ่งกล่าวออกมาก่อนที่เเสงสีทองจะค่อยๆดับลง

"เป็นเช่นนี้!…ดีเเล้ว!…ดีเเล้ว!'' ฮ่องเต้กล่าว เเละฮ่องเต้ก็ทรงรับสั่งว่าถ้าหากผู้ถือครองตราฟินิกซ์อมตะปรากฏตัว เราจะต้องดูเเลเขาเป็นอย่างดีที่สุด! เขาอาจจะเป็นเเสงที่ปกป้องพวกเราให้รอดพ้นปลอดภัยจากเทพอสูร เพราะศิษย์ของเซียนสวรรค์อาจไม่ได้เป็นเผ่าเซียน เพราะใช้ชีวิตในโลกยุทธภพ เเละตามที่หลินเฟยเฟิ่งกล่าวมา อีกไม่นานเขาจะมาหาพวกเราอย่างเเน่นอน

กลับมาที่ปัจจุบัน

"อะ…อึก!'' องค์ชายสี่ยังคงไม่กล้าพูดอะไรออกมา ทำให้เล่อป๋อมีความสงสัยเป็นอย่างมากว่าทำให้พวกเขาจึงกลัวตรานี้กัน นี่มันก็คือตราราชวงศ์มิใช่หรือ? เป็นของศิษย์น้องของข้า นางคงจะจัดการปัญหาตรงนี้ได้สบายๆ เเต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะกลัวตรานี่กันขนาดนี้ หรือว่านางจะโหดมากๆ?

"ศิษย์เซียนสวรรค์!'' องค์ชายสี่ถึงกับคุกเข่าคำนับข้า ทำให้ข้าตกใจมาก อะไรคือศิษย์เซียนสวรรค์? หลินเฟยเฟิ่ง นางไปสร้างเรื่องอะไรเอาไว้?

"ศิษย์เซียนสวรรค์งั้นรึ!?'' จะเเม่ทัพเหวิน ขุนพลเหวินต่างคุกเข่าให้กับข้า คนตระกูลเฟิงเองก็เช่นกัน เเม่ทัพเหวินมีสีหน้าไม่ดีเป็นอย่างมาก เพราะก่อนข้าจะเข้ามาในบ้านเขาได้เเสดงท่าทางอวดดีไว้กับข้าเยอะพอสมควร

‘จะว่าไปคนที่ได้ฉายาว่าศิษย์เซียนสวรรค์ก็มีอำนาจพอสมควรเลยนี่’ ข้าคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเกม ครั้งนึงข้าก็เคยเเย่งตำเเหน่งนั้นเเต่ไม่สำเร็จ เเละก็เป็นพี่อาร์เธอร์ที่ได้ไป

"ลุกขึ้น'' ข้ากล่าวเบาๆด้วยความเย็นชา เพื่อเล่นให้สมบทบาท

‘เซียน…’ เเม่ทัพเหวินเจี้ยนคิดในใจเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวาน

“องค์ชายสี่…ในเมื่อเฟิงอวิ๋นไม่ชอบเจ้า”

"เจ้าก็อย่าได้ตามตื้อนางเลย'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆ

"ข…ขอรับ!'' องค์ชายสี่ตอบรับข้าอย่างสุภาพทำให้ข้าได้เเต่หัวเราะอยู่ในใจ ตำเเหน่งนี้มันอลังการเสียจริงเมื่อไม่ใช่ในเกม

‘ศักยของข้าจะอยู่ในระดับเดียวกับใครกันนะ’ ข้าคิดในใจ ในเมื่อองค์ชายเเห่งราชวงศ์หลินยังคงต้องคำนับให้กับข้า

"ส่วนเรื่องตราของพวกเจ้า…อีกไม่นานข้าจะนำไปคืนด้วยตัวเอง'' ข้ากล่าวออกไปเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ในเมื่อข่าวของข้าจะต้องถูกพูดเป็นวงกว้างว่าคนที่เหล่าราชวงศ์รอคอยปรากฏตัวเเล้ว มีหรือที่จะไม่มีใครมาหาเรื่องข้าหรือไล่ฆ่าข้า ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันว่าใคร หรือพวกของใครที่จะกล้ามาท้าทายข้า อาจจะเป็นพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเหล่าศิษย์น้องของข้าก็ได้

‘ก็ดี…ข้าจะได้จัดการพวกมัน' ข้าคิดในใจด้วยความรำคาญ เกี่ยวกับพวกอิจฉาริษยา หรือพวกที่ต้องการก่อความวุ่นวาย

"ข้าขอทราบนามของท่าน!'' องค์ชายสี่กล่าวถามข้า ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าถามข้ายกเว้นเพียงเขา เพราะเขามีตำเเหน่งที่สูงที่สุดในตรงนี้ ถ้าหากเเม่ทัพเป็นคนถาม บางทีเขาอาจจะต้องชดใช้สิ่งที่เขาก่อไว้หน้าทางเข้าบ้านตระกูลหลินเสียก่อน ตระกูลเฟิงในตอนนี้ไม่มีใครกล้าขยับตัวเเม้เเต่คนเดียวเช่นกัน

กึกๆ

"โพธิ์ดำ…'' ข้าใช้นิ้วชี้เคาะบริเวณเเก้มข้างซ้ายบนหน้ากาก ที่มีรูปโพธิ์ดำสลักอยู่ ซึ่งมันก็ได้ไขข้อข้องใจของพวกเขาในเรื่องใบไม้สีดำที่พวกเขาไม่รู้ชื่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel