นางพิษ!?
"เจ้าคิดจะต่อต้านราชวงศ์หลินงั้นหรือ!?'' ทหารองครักษ์ตะโกนออกมาเมื่อข้ายังคงเดินหน้าต่อไม่สนใจการโดนรุมล้อมจากพวกมัน
"ถ้าข้าจำไม่ผิด…เเม้เเต่ฮ่องเต้ยังคงต้องยอมฟังผู้เเข็งเเกร่ง'' ข้ากล่าวออกไปทำให้พวกมันเเสยะยิ้มเเละจ้องมองข้า
"เช่นนั้นเจ้าจะบอกว่าเจ้าเเข็งเเกร่ง?'' พวกมันกล่าวก่อนจะหัวเราะกันออกมา
คลื่นน
"ข้ามิได้เเข็งเเกร่งถึงเพียงนั้น…เเต่ข้าทำให้พวกเจ้าไม่สามารถพูดได้อีกตลอดไป'' ข้ากล่าวออกไปด้วยเเรงกดดันทางจิตระดับเซียน พวกมันทั้งหมดถึงกับทรุดลงกับพื้นยกเว้นองค์ชายสี่ที่ข้าเว้นเขาไว้ การล่วงเกินเขามันออกจะเกินไปหน่อยในตอนนี้
"องค์ชายสี่…อย่าหาว่าข้าสอนท่าน…พลังที่มีเท่านั้นที่จะกำหนดชีวิตตัวเองได้'' ข้ากล่าวออกไป เเม้องค์ชายสี่จะไม่โดนเเรงกดดันของข้าจนต้องคุกเข่า เเต่ก็ใช่ว่าเขาจะยืนได้อย่างสบายๆ เเละเมื่อข้ากล่าวจบข้าก็ดึงเเขนของเฟิงอวิ๋นเเละเดินออกไปจากบริเวณนี้พร้อมๆกัน เมื่อออกมาจากบ้านตระกูลเฟิงข้าก็ได้ปล่อยมือจากเเขนของนางเเละนางก็เดินมาข้างๆข้า
"ท่านไม่กลัวพวกราชวงศ์งั้นหรือ?'' นางกล่าวถามข้าด้วยความสงสัย เพราะสิ่งที่ข้าทำไปมันสามารถทำให้ข้าโดนโทษประหารได้อย่างเเน่นอน
"เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย…ในเมื่อฮ่องเต้ยังไม่มีรับสั่งให้ท่านเเต่งงานกับใคร''
“ต่อให้เขาเป็นองค์ชาย…เเต่การบุกรุกบ้านของเจ้าที่เป็นธิดาคนโตของตระกูลเฟิงที่ปกครองเมืองเจียวลู่เเห่งนี้”
"มันก็ไม่สมควร…'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งถ้าให้พูดเเล้วราชวงศ์จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสี่ตระกูลหลักหนุนหลังนั่นก็คือตระกูลเฟิง ตระกูลเฉิน ตระกูลหลงเเละตระกูลเกา สี่ตระกูลใหญ่ที่ปกครองเมืองทั้งสี่เมือง เเละรับคำสั่งจากฮ่องเต้ด้วยความซื่อสัตย์ ถ้าหากฮ่องเต้ไม่ไว้หน้าพวกเขา พวกเขามีโอกาสที่จะจากไปเช่นกัน เเละยิ่งเป็นเมืองเจียวลู่ที่เป็นทรัพยากรณ์หลักของมนุษย์ในตอนนี้เเล้วด้วย…
"เเละอีกอย่าง…เจ้าอย่าลืมว่ายังมีหลินเฟยเฟิ่งคอยช่วยท่านอยู่''
"ข้าเองก็ตัดสินใจเเล้วว่าจะอยู่ช่วยเจ้าสักพัก'' ข้ากล่าวออกไป เพราะข้าเชื่อว่าองค์ชายสี่อาจจะพาคนที่เเข็งเเกร่งมากดดันนางอีกก็เป็นได้ เเละยิ่งเขาเจอข้ารวมถึงรับรู้เกี่ยวกับพลังของข้าไปเเล้วด้วย
"ท่านช่าง…'' นางกล่าวเบาๆพร้อมกับหยุดเดิน
"หืม?'' ทำให้ข้าต้องหันกลับไปดูนาง
"เปล่า…ไม่มีอะไร…'' นางกล่าวก่อนจะเดินนำข้าไปก่อน ซึ่งในตอนนี้ทุกคนในเมืองต่างจ้องมองข้าเป็นตาเดียว พวกเขาคงจะสงสัยว่าข้าเป็นใคร และเพราะอะไรกันทำไมคุณหนูเฟิงอวิ๋นถึงต้องเคารพข้าด้วย
‘ถ้าข้าจำไม่ผิด…พรรคมารน่าจะมีฐานที่มั่นอยู่ที่เมืองนี้’ ข้าคิดในใจเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในเกม ซึ่งก็มีโอกาสมากที่หนิงเอ๋อหรือประมุขพรรคมาร ถังเฟยหลงจะอยู่ที่นี่
‘นางกำลังทำอะไรอยู่นะในตอนนี้?’ ข้าคิดเกี่ยวกับศิษย์น้องเล็ก นางมักจะชอบฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างด้วยตัวเองอยู่เสมอ นางจะสามารถรวมพรรคมารให้เป็นหนึ่งได้หรือเปล่า? ข้าเริ่มคิดมากมายเกี่ยวกับนางในขณะที่เฟิงอวิ๋นกำลังเดินพาข้าชมเมือง ชมสถานที่สำคัญเเละนิยมในเมือง
‘ข้ามั่นใจว่าในตอนนี้เหล่าศิษย์น้องคงรู้เกี่ยวกับการปรากฏตัวของข้าบ้างเเล้ว’ ข้าคิดในใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะต้องหยุดเดินเพราะมีทหารมากมายเดินมาหยุดตรงหน้า เเละเหมือนจะมีทหารยศสูงคนนึงเดินมาทางข้าด้วยความเคร่งขรึม
"เหตุใดขุนพลเหวินโซ่วจึงมาที่นี่กัน?'' หลายคนสงสัยเพราะที่นี่ส่วนใหญ่เเล้วจะไม่มีทหารมาป้วนเปี้ยน จะมีก็มีเเต่เฝ้ายามเพียงเท่านั้น เเต่นี่กลับมีระดับขุนพลมาเยือน
"เมื่อครู่เจ้าสร้างปัญหาอันใดไว้?'' ขุนพลเหวินกล่าวถามข้าพร้อมกับปล่อยเเรงกดดันออกมาเบาๆ เขามีขั้นบ่มเพาะอยู่ที่ผู้ครอบครองขั้นสูง โดยที่ทหารที่เขาพามาด้วย เเต่ละคนล้วนอยู่ในระดับเหนือมนุษย์ขั้นกลางถึงขั้นสูง ราวกับเขานั้นพาหน่วยทหารมาสักกองนึงเพื่อมาทำอะไรบางอย่างที่นี่
"ข้าก็แค่เดินออกมาจากกลุ่มคนน่ารำคาญ'' เมื่อข้ากล่าวออกไปขุนพลเหวินกัดฟันกรอดในทันที
“เจ้ามันเด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!!” ขุนพลเหวินตะโกนลั่นพร้อมกับนายทหารที่เตรียมอาวุธมารุมล้อมข้า เเละเขาที่จะคว้าคอข้า
ฟึบ หมับ!
เเต่กลับกัน มือของเขาถูกข้าบีบเอาไว้ โดยที่ข้ายังไม่ได้ออกเเรง เเละเมื่อเขาไม่สามารถผละออกมาจากข้าได้ เขาจึงใช้กำลังภายในเพื่อหวังจะบีบมือข้าให้เละ สีหน้าของเขาดูโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
"เจ้าได้กินข้าวมาหรือเปล่า?'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งท่าทางของเฟิงอวิ๋นนางไม่ได้ตกใจหรือกลัวอะไรเลยเเม้เเต่น้อย กลับกันนางมองข้าด้วยท่าทางเฉยชาราวกับรู้ว่าข้าสามารถเอาชนะขุนพลเหวินได้อย่างง่ายดาย
หมับ
"อ๊ากกกก!!'' เมื่อข้าออกเเรงเพียงพริบตา มือของเขาหักงอแปลกรูปไปเป็นที่เรียบร้อย หน้าของเขาจากโกรธเกรี้ยวเคร่งขรึมกลายเป็นน่าเกลียดในทันที เหล่าทหารพากันพุ่งหาเขาด้วยความตกใจเเละพยายามยกอาวุธขึ้นมาจี้ข้าเพื่อไม่ให้ข้าเข้าใกล้เขา
"อ่อนเเอ'' ข้ากล่าวออกไปเมื่อขุนพลเหวินทรุดลงไปกับพื้น ก่อนที่จะเกิดเสียง
ตู้มม
เสียงระเบิดมาจากสถานที่ปลูกสมุนไพรอันล้ำค่าของเมืองเจียวลู่ เหล่าทหารเเละขุนพลเหวินที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบพุ่งไปที่เกิดเหตุโดยไม่ได้สนใจข้าอีก ก่อนที่ขุนพลเหวินจะหันมามองข้าเพียงครู่เดียวด้วยความเเค้นเเละหันกลับไปพร้อมกับไปยังสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว
‘ข้าคงต้องไปดูสักหน่อย' ข้าคิดในใจก่อนที่จะหันไปมองเฟิงอวิ๋น
‘ศิษย์พี่ของเฟยเฟยเก่งถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ?’ เฟิงอวิ๋นคิดในใจ นางคิดว่าศิษย์ลำดับที่หนึ่งคงจะยังไม่สามารถสู้กับขุนพลเหวินได้ เเต่ก็ใช่ว่าจะเเพ้ให้กับเขาอย่างราบคาบ อย่างมากคงหนีไปได้อย่างปลอดภัย เเต่เขากลับสามารถเอาชนะขุนพลเหวินได้อย่างง่ายดายนี่สิ เพราะถึงเล่อป๋อจะเเพ้ นางก็ยังคงมีวิธีเอาตัวรอดอยู่เช่นกันกับสถานการณ์นี้
"ข้าขอไปดูเหตุการณ์บนนั้นก่อน'' ข้ากล่าวเกี่ยวกับสถานที่เห็บสมุนไพรที่ระเบิดออกมาเมื่อครู่ คนทั้งเมืองเเห่กันออกมาบนท้องถนนเพื่อมองขึ้นไปบนภูเขาว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น
ณ สถานที่ปลูกสมุนไพร เมืองเจียวลู่
"นางพิษ…เจ้าไม่รอดเเล้ว!!'' หนึ่งในขุนพุลของกองทัพกล่าวออกมา โดยที่ปัจจุบันหนึ่งในกองทัพทหารอันทรงพลังเหมือนจะล้อมรอบกลุ่มคนที่มาทำลายสมุนไพรพวกนี้ได้สำเร็จ เเละกำลังจะบุกเข้าจับพวกเขา
‘นางพิษ?’ ข้าคิดในใจในขณะที่กำลังใช้ปราณเพื่อเสริมการฟังระยะไกล
"พวกเจ้าเผาสมุนไพรพวกนี้เพราะอะไร!!'' เสียงอันยิ่งใหญ่ที่ใส่เเรงกดดันเข้าไปด้วยตะโกนออกมา ดูเหมือนคนคนนี้จะเป็นเเม่ทัพ เเละเขามีขั้นบ่มเพาะอยู่ที่ระดับไร้เทียมทานขั้นต้น เเต่เเค่นี้ก็เพียงพอเเล้วสำหรับจับกุมมารกลุ่มนี้
"ข้าไม่เข้าใจจริงๆ…เหตุใดพรรคมารที่เป็นมนุษย์เหมือนกันต้องหันคมดาบใส่กันด้วย''
"เพราะอะไรถึงไม่มาช่วยกันรบกับพวกอสูร!!'' เขาตะโกนออกมาอีกครั้งด้วยความโกรธ
"พวกข้ามิได้มาเผาสมุนไพร'' นางกล่าวออกมาเบาๆด้วยร่างกายที่บาดเจ็บ
"เจ้ากล้าเถียง!?…หลักฐานชัดเจนเจ้ายังกล้าเถียง!?'' เเม่ทัพยังคงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
"จับกุมพวกกบฏนี่ซะ!'' เเม่ทัพสั่งการทำให้ทหารมากมายเดินเป็นขบวนเพื่อปิดทางหนีของพวกมาร
วึบๆ
"เป็นนาง!?'' เมื่อข้าได้ใช้ปราณในการเสริมการมองเห็น พบว่าเป็นหนิงเอ๋อ นางกำลังอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส รวมถึงพรรคพวกของนางด้วยเช่นกัน เช่นนั้นเเล้วเมื่อศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าเห็นศิษย์น้องกำลังจะเป็นอันตรายทำไมจะไม่ช่วย?
ฟึบๆๆ
ข้าพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุด เเละการเคลื่อนไหวของข้าทำให้เเม่ทัพสามารถรับรู้ตัวตนของข้าได้ ทำให้เขาเตรียมตั้งรับการมาของข้าในทันที
"เหมือนจะมีคนมาช่วยพวกเจ้านะพรรคมาร''
"เเต่มาคนเดียวนี่สิ…เเล้วเป็นหญิงเสียด้วย'' เเม่ทัพกล่าวออกมาเมื่อข้ากับเขาได้ปะทะกัน เเละใช่ข้าไม่สามารถทำให้ระดับเเม่ทัพปลิวไปได้ เเต่ก็ใช่ว่าเขาจะสู้กับข้าได้เช่นกัน ในเมื่อเขายังสั่นอยู่ขนาดใช้กำลังภายในช่วย เขาคงจะฝึกกายมาไม่น้อย…
"หรือเจ้าจะดูถูกข้า?'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งสีหน้าของพวกทหารมีเเต่ความสงสัยงุนงงง
"พรรคมารมียากินให้ร่างกายเด็กลงหรือยังไงกัน?'' เเม่ทัพกล่าวเมื่อทั้งข้าเเละนางพิษต่างมีความสามารถในระดับสูงกว่าวัยตนเองหลายต่อหลายเท่า เเต่ยังคงมีหน้าตาเเละรูปร่างราวกับเด็กสิบห้า มันก็จริงของเขา เพราะทั้งข้าเเละหนิงเอ๋อต่างอายุสิบห้าปี ที่จริงสิบเจ็ดล่ะนะถ้านับเวลาในมิติท่านอาจารย์ไป่ด้วย
"ดูไม่ได้เลยนะ'' ข้ากล่าวก่อนจะหันไปมองนางเเล้วยิ้มให้
“!!!” นางทั้งตกใจเเละดีใจมากเเต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาก่อนที่จะไอเป็นเลือดเเละฟุบลงไปบนพื้น เหล่าพรรคพวกของนางเข้าหานางเเละพยายามปลุกนางในทันที
"ท่านคงเป็นเเม่ทัพเหวินเจี้ยน…'' ข้ากล่าวเพราะได้ยินชื่อของเขาในตอนที่ฟังอยู่ระยะไกล เเละเขาน่าจะเกี่ยวข้องกับขุนพลเหวินที่ข้าเจอเมื่อครู่ เเละใช่ขุนพลเหวินโซ่วเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย มือของเขายังคงบาดเจ็บจากการถูกข้าบีบมาเมื่อครู่
"หืม…เเล้วเจ้าล่ะคือใครกัน?'' เเม่ทัพกล่าวด้วยความสงสัย เพราะเเม่นางที่รู้จักเขานั้นมีความสามารถไม่ธรรมดา อย่างน้อยเขาน่าจะต้องพอได้ยินชื่อมาบ้าง
"ข้าคือคนที่จะมาช่วยพวกเขา'' ข้ากล่าวถึงกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังข้า เเละทำให้เเม่ทัพเหวินหัวเราะออกมา
"ฮ่าๆ…เจ้างั้นหรือ?…เจ้าจะมาช่วย?…ฮ่าๆๆ'' ที่เขาหัวเราะก็เพราะว่าถึงข้าจะเเข็งเเกร่งพอจะสู้กับเขาได้ เเต่ก็ใช่ว่าจะผ่านทุกคนที่นี่ไปได้ เพราะในตอนนี้มีทหารมากกว่าพันนายคอยล้อมรอบภูเขาลูกนี้อยู่ ทั้งยังมีเป็นร้อยนายที่ล้อมรอบพวกเรา
"จงเชื่อใจเขา'' นางพิษใช้เฮือกสุดท้ายกล่าวกับพรรคพวกของตนก่อนจะสลบไป ทำให้พรรคพวกของนางพากันพยุงนางขึ้นมาเเละรอฟังคำสั่งจากข้า
คลื่นนนน ฟุบๆๆๆๆๆ
“ไป!!!!!!!!” ข้าตะโกนออกมาดังลั่นพร้อมกับปล่อยจิตระดับมหาตำนานออกมา ทหารกว่าร้อยนายที่เขาบอกทรุดลงไปนอนกองกับพื้นทั้งหมด เหล่าขุนพลรวมถึงรองขุนพลบางคนก็สลบไปด้วย เเม่ทัพเหวินเองยืนนิ่งมือสั่นขาสั่นไปหมด พวกข้างหลังข้าตกใจมากเเต่ก็ต้องพุ่งตามข้าไป ถึงเเม้พวกเขาจะไม่โดนเเรงกดดันจากจิตของข้า เเต่พวกเขากลับกลัวในเหตุการณ์เมื่อครู่ ขนลุกซู่ไปหมด
"เเละข้าก็ช่วยสำเร็จ'' ข้ากล่าวเมื่อผ่านเเม่ทัพเหวินไป พร้อมกับเเม่ทัพเหวินที่ทรุดไปนั่งคุกเข่ากับพื้นเเละยังคงสั่นกลัวอยู่อย่างนั้น
"เผ่าเซียน!?'' ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาเมื่อรู้ถึงตัวตนของข้า เพราะเผ่าเซียนที่บำเพ็ญจิตจะมีจิตที่เเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก เช่นนี้เเล้วข้าที่มีจิตเเข็งเเกร่งถึงเพียงนี้คงจะเป็นเผ่าเซียนระดับสูงเป็นเเน่ เเต่มิใช่ จิตดาบจิตกระบี่ของข้านั้นเเตกต่างจากจิตของนักพรต
ฟุบๆๆ
พวกข้างล่างเป็นพันนายเองก็ล้มลงไปกับพื้นด้วย ข้าจึงพากลุ่มคนที่ข้าช่วยเเอบเข้าเมืองไปบริเวณที่ไม่มีคน เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อได้รับเเรงกดดันมหาศาลของข้า ถึงเเม้มันจะเบาๆเเต่พวกเขาก็ต่างหลบเข้าไปในบ้านกันหมดด้วยความกลัว เเต่บางคนที่อยู่ใกล้ๆภูเขาก็สลบไปเช่นกันเพราะพวกเขาไม่ได้ฝึกจิตหรือฝึกอะไรเลย
"ข้าคิดเเล้วว่าต้องเป็นท่าน!'' เฟิงอวิ๋นที่มารอข้าอยู่บริเวณกำเเพงเมืองกล่าว พร้อมกับนางที่นำพาพวกข้าไปยังประตูลับที่กำเเพงเมืองโดยไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เเละนางก็พาพวกเราไปยังบ้านริมเมืองที่ไม่มีคนอยู่ น่าจะเป็นบ้านพักของตระกูลเฟิง
ฟึบๆๆ
"เราต้องช่วยนาง!'' ข้ากล่าวด้วยความร้อนรนเมื่อรับรู้ได้ว่าเลือดของนางไม่ไหลออกมา เเต่กลับอยู่ข้างในร่างกายตรงแผลหลายจุด นางน่าจะโดนวิชามาร ซึ่งมันไม่ใช่พวกทหารพวกนั้นอย่างเเน่นอน เเสดงว่านางต่อสู้กับพรรคมาร ไม่ได้ต่อสู้กับพวกทหารพวกนั้นมาก่อนหน้า
"เเต่พวกนางคือพรรคมาร!'' เฟิงอวิ๋นกล่าว นางนั้นก็รู้ดีว่าพวกพรรคมารเป็นศัตรูกับมนุษย์ด้วยกันเอง เเล้วเหตุใดเล่อป๋อต้องการช่วยนางกัน?
"ไปหาสมุนไพรมาตามนี้!'' ข้าจดสิ่งที่ขาดให้กับพวกของนางเเละพวกของนางก็ทำตามคำสั่งข้าอย่างเคร่งครัด
"เฟิงอวิ๋น?" ข้ากล่าวชื่อของนางเมื่อนางยังคงยืนนิ่งอยู่
เเควกก
“เฟิงอวิ๋น!…นางคือศิษย์น้องเล็กของข้า!” ข้าฉีกเสื้อบริเวณหลังเอวของนางออก โดยที่นางนอนคว่ำตัวอยู่เพราะข้ากำลังจะดึงร่างนางขึ้นมาช่วยส่งปราณเเละขับปราณขับเลือดเสียให้นางเบื้องต้นเสียก่อน เเต่เฟิงอวิ๋นยังคงสับสนข้าจึงต้องบอกกับนางก่อน เเละใช่เมื่อนางเห็นใบโพธิ์ดำที่เรียงกันห้าใบบริเวณหลังเอวของหนิงเอ๋อนางก็กระตือรือร้นในทันที
“หนิงเอ๋อ…เจ้ายังตายไม่ได้”
"ตื่นขึ้นมาคุยกับพี่ใหญ่ก่อน'' ข้ากล่าวออกไปเมื่อลมหายใจของนางเริ่มแผ่วเบาลงก่อนจะส่งปราณบริษุทธิ์ให้กับนาง