ตอนที่12 คลุมไว้ ฝนยังมิทันหยุดตก
” เฮ้อ~~~ คงต้องทิ้งเสียแล้ว “
ชายหนุ่มไม่เอ่ยเปล่าพร้อมคลี่ม้วนภาพทิวทัศน์ที่เขาวาดเองกับมืออย่างตั้งใจ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับจางเซียนเหยียนในวันนี้ รอยโลหิตสีแดงสดหยดเล็กๆบนภาพวาด เกิดจากที่เขาไม่ทันระวังจึงบังเอิญเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้จนเป็นรอยข่วนเล็กๆที่ผิวและเปื้อนมายังภาพวาด หลี่ซิ่วอิงมองภาพที่เขาคลี่ออกมา แล้วพบว่ามันมีรอยโลหิตจนทำให้ภาพเกิดความเสียหายจริงๆ
” ท่านบาดเจ็บหรือเจ้าคะ “
” หลี่ซิ่วอิงเงยหน้าถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อกี้เขาช่วยนางไว้ถึงอย่างไรก็ต้องรู้จักบุญคุณ”
” ข้าไม่เป็นอันใด แต่ภาพวาดข้าเกรงว่าต้องทิ้งเสียแล้ว “
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าดูเสียดาย แต่เพราะทำเช่นนี้หญิงสาวถึงเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขา หลี่ซิ่วอิงมีท่าทีลำบากใจไม่น้อย หากว่าภาพนี้ถูกสับเปลี่ยนเป็นภาพอื่นแทนเกรงว่าจะทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไป เพราะนางเองในนิยายจางเซียวเหยียนรู้ใจตัวเองจากภาพวาดทิวทัศน์ที่เขาวาดให้นี้ ถ้าเกิดจู่ๆไม่ถูกใจแล้วจะเป็นเช่นไรกัน ข้านี้ตัวปัญหาของแท้เลย ทำให้เนื้อเรื่องเขาคลาดเคลื่อนไปหมด
” ข้าขออนุญาตดูภาพวาดของท่านได้หรือไม่เจ้าคะ “
” เจ้าวาดภาพเป็นหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
หลี่ซิ่วอิงปฏิเสธ แต่ท่าทางของนางกลับมิใช่ มือบางถือวิสาสะเอื้อมมารับภาพวาดไป ความกังวลของนางทำให้ลืมรักษาท่าทีที่ควรระวังชายหนุ่ม ร่างใหญ่มองท่าทางของนางที่ดูมิเหมือนบ่าวรับใช้ธรรมดาทั่วไปก็รู้สึกสนใจนางมากขึ้น
“ข้าคิดว่าภาพี่นี้ยังคงแก้ไขได้ ท่านยินดีลองดูหรือไม่”
หญิงสาวเอ่ยจบก็หันไปสบตากับร่างใหญ่ที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“ขออภัยคุณชาย”
นางเอ่ยจบก็ถอยออกไปเช่นเดิม “
” ได้ ถึงเช่นไรหากแก้ไม่ได้ข้าก็จะทิ้งอยู่แล้ว “
” เช่นนั้น… “
หลี่ซิ่วอิงเอ่ยพร้อมมองหาที่สำหรับแก้ภาพนนี้ ก่อนเดินนำไปยังศาลาริมน้ำ เพราะอีกเพียงคู่ฝนจะตกแล้วจึงไปแก้ภาพวาดที่นั้นคงจะเหมาะกว่า จากนั้นวิ่งไปยังห้องโถ่งใหญ่ก่อนหน้าที่มีบ่าวรับใช้คนอื่นๆอยู่ นางหยิบพู่กันและหมึกสีแดงกลับไปยังศาลาริมน้ำที่ชายหนุ่มรออยู่
” เจ้าจะทำอันใดหรือ “
“ภาพของท่านเป็นทิวทัศน์ที่วาดในช่วงต้นฤดูเหมันต์ใช่หรือไม่เจ้าคะ ข้ารู้มาว่าชายแดนเป่ยหลัวที่ติดกับแคว้นฉินเรา ในช่วงนั้นจะมีต้นของดอกเหม่ยผิงป้า ต้นมันสูงตะหง่า ดอกของมันจะออกช่วงนั้น กลีบเล็กๆสีแดงสดจะค่อยๆร่วงโรยจนเต็มใต้ต้น เพราะมันบางและเล็กทำให้ปลิวไกลไปเป็นลี่ เช่นนั้นสีของมันคล้ายสีโลหิตท่านที่หยดลงบนภาพ ข้าจึงเพิ่มกลีบดอกเหม่ยผิงป้าเข้าไปเจ้าค่ะ “
หลี่ซิวอิงเอ่ยจบก็ลงมือวาดกรีบดอกลงไปมากหน่อย จนทำให้ภาพตรงหน้านอกจากจะแก้ได้แล้วยังมีสีสดใสมากขึ้นด้วย โจ้วยู่ร์เฟิงรับภาพที่หญิงสาวแก้เสร็จก็รู้สึกทึ่งในความคิดของนาง ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าภาพนี้ขาดสิ่งใดไป แต่นางกลับช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เขารู้สึกขาดหายไป
” เช่นนั้นภาพนนี้ก็ถือว่าเป็นภาพที่ข้ากับเจ้าร่วมวาดกัน “
” …… “
นางเพียงแค่อยากให้เนื้อเรื่องกลับไปเป็นเช่นเดิม ส่วนเรื่องอื่นนางมิได้สนใจ แต่ชายหนุ่มกลับแปลกใจ นางรู้ได้เช่นไรว่าเขาวาดทิวทัศน์ที่ใดและเป็นช่วงฤดูไหน ขนาดอาเตียนที่ติดตามเขาเมื่อเห็นภาพนนี้ยังดูไม่ออกเลยตัวซ้ำ
” ข้าหมายถึงมันแก้ไขได้แล้ว อีกทั้งงดงามขึ้นด้วย เจ้ารู้จักต้นเหม่ยผิวป้าได้เช่นไร เจ้ามิใช่คนแคว้นฉินหรือ”
“มิใช่เจ้าค่ะ ข้าเพียงอ่านเจอในตำราเท่านนั้น หากไม่มีสิ่งใดแล้วข้าขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ “
” เดี๋ยว! “
” เจ้าคะ… “
สิ้นเสียงเอ่ย โจ้วยู่ร์เฟิงก็นำเสื้อคลุมของเขาสบัดคลุมให้นาง ร่างบางตาเบิกกว้างตัวความตกใจเมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็เข้ามาใกล้
“คลุมไว้ ฝนยังมิทันหยุดตก”
หลี่ซิ่วอิงกำลังจะปฏิเสธ แต่แล้วสายตาที่มั่วแต่กังวลภาพวาดจนมิได้มองตนว่าเมื่อสักครู่ ที่วิ่งไปกลับเพื่อนำพู่กันกับหมึกมาทำให้เสื้อผ้าตนเปียก็ ผ้าวันนี้สีโทนขาวทำให้เมื่อเปียกฝนก็บางไปนิด
” ขอบคุณคุณชาย ไว้ข้าจะนำไปคืนที่จวนเจ้าค่ะ ขอตัวก่อน “
หลี่ซิ่วอิงเอ่ยจบก็รีบวิ่งออกไปจากศาลา ดวงตาคมมองหญิงสาวร่างบางที่คลุมเสื้อคลุมเขาไว้ก็ยกยิ้มที่มุมปาก นางน่าสนใจยิ่ง คำพูด การกระทำ ท่าทีของนางมิใช่บ่าวเลยแม้แต่น้อย นอกเสียจากวาดภาพได้แล้วยังรู้หนังสือด้วยหรือ บ่าวธรรมดาๆที่ไหนอ่านตำราได้กัน”
