ตอนที่ 11 ภาพวาดมีปัญหา
แสงแดดร้อนช่วงเที่ยงของวันถูกปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆหนา ละอองน้ำฝนเม็ดเล็กๆสาดเทไปตามแรงลมอย่างไม่แรงนัก คลอเคลียร์เสียงบรรเลงของเครื่องดนตรีกู่เจิง ท่องทำนองหวานหูพาให้ผู้ที่รับฟังต่างเคลือบเคลิมดั่งต้องมนต์สะกด นิ้วเรียวขาวเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ 5 ประจักษ์ 3 ลักษณ์ ตามหลักสตรีงามแห่งแคว้นนางล้วนมีครบ 5 ประจักษ์ อันได้แก่ เย็บปัก วาดภาพ เขียนกลอน ดนตรี ทำอาหาร ส่วน 3 ลักษณ์ อันได้แก่ ใบหน้างาม รูปร่างสง่า กริยาสูงส่ง
แปะ! แปะ! แปะ!
นานกว่าเสียงปรบมือจะดังขึ้นท่ามกลางห้องโถงใหญ่ การบรรเลงดนตรีของหญิงสาวเมื่อสักครู่ ทำเอาทุกคนในที่นี่ต่างเพลิดเพลินจนมิอาจหยุดฟังได้ หญิงสาวใบหน้าหวาน เครื่องหน้าไม่ว่าจะเป็นคิ้วงามที่โก่งรับกับใบหน้า ดวงตากลมโต จมูกโด่งทรงสวย ปากบางสีแดงระเรื่อ นั่งตัวตรงอย่างสง่างามกลางห้องโถ่ง
“คุณหนูจางบรรเลงได้ดียิ่งนัก”
“ใช่ๆบรรเลงได้ดี ”
ตามด้วยอีกหลายเสียงที่เอ่ยความเห็นตรงกัน
“ขอบคุณท่านอ๋อง ของคุณทุกท่านที่เอ่ยชมเจ้าค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนที่จะมองไปยังร่างใหญ่ที่นั่งตระง่าด้วยท่าทีสง่างามบริเวณหน้าสุดของพิธี จางเซียวเหยียนยิ้มตอบกลับร่างใหญ่ก่อนที่จะกลับไปนั่งที่ของตน หญิงสาวรับรู้ได้ว่าท่านอ๋องผู้นี้มีความรู้สึกกับนางเช่นไร ถึงนางมิได้ชอบชายหนุ่มแต่ก็มิได้ปฏิเสธ หญิงสาวมิได้มีดีแค่หน้าตาแต่ยังฉลาดเสียด้วย คำกล่าวมากมายที่ร่ำลือเกี่ยวกับท่านอ๋องผู้นี้บงบอกว่าเขาเป็นคนที่มิควรตัดสินผ่านๆ ความรักมิได้ง่ายดายเช่นนั้น ถึงนางจะรู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตไว้เมื่อคราวก่อน แต่นั้นก็เอามาแลกเปลี่ยนกับชีวิตที่เหลือของนางทั้งชีวิตไม่ได้ อีกทั้งยังมีคุณชายผู้นั้น คุณชายในจวนสกุลโจ้วผู้ที่นางชมชอบและเลื่อมใสเขามาตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้นางไม่สามารถบอกผู้ใดได้ ความรู้สึกที่ถูกอนุญาติไม่ให้เอ่ยออกมาถูกเก็บงำเอาไว้สิบกว่าปี
บรรยากาศของงานดำเนินไปจนในที่สุดก็ได้เวลาเลิกลา จางเซียวเหยียนเจ้าของงานในวันนี้โดดเด่นอย่างไม่มีหญิงผู้ใดเทียบสมกับเป็นหญิงงามล่มเมืองอย่างแท้จริง
“ขอบคุณคุณชายโจ้วที่มาวันนี้เจ้าค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยขณะที่เดินมาส่งชายหนุ่มที่หน้าจวน
” เสียงบรรเลงกู่เจิงเมื่อสักครู่ไพเราะยิ่งหนัก สมกลับเป็นเจ้า “
โจ้วยู่ร์เฟิงเอ่ยชมหญิงสาวอย่างชวนคุย
“หากคุณชายชอบ ข้าจะให้บ่าวคัดลอกตำราเพลงนี้ไปให้เจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้า”
ยังคงเป็นชายหนุ่มที่วางท่าทีเหมือนเช่นเคย เขาผู้ไม่ชอบเข้าใครสตรีนางใดแม้เพียงก้าว แต่วันนี้กลับเข้าใกล้สตรีผู้นี้ ไม่สิ!จะเกล่าเช่นนั้นมิได้ วันนี้เขาเข้าใกล้สตรีถึงสองคน เสียงบรรเลงกู่เจิงที่จางเซียวเหยียนบรรเลงนั้นคล้ายกับเสียงที่เขาได้ยินตอนเด็กๆกับผู้เป็นมารดา แต่ครานี้มันได้หายสาบสูญพร้อมกับมารดาอันเป็นที่รัก ขณะที่ฟังนางบรรเลงเมื่อสักครู่ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาขณะที่มองไปที่นาง
“อาเตียน”
ชายหนุ่มเอ่ยสั่งผู้ช่วยข้างกายให้นำของขวัญมาให้เขา ในถาดไม้ที่อาเตียนถือนั้นมีม้วนภาพวาดอยู่สองม้วน ความตั้งใจแรกเขาต้องการหยิบภาพทิวทัศน์ที่วาดเองให้เป็นของขวัญแก่หญิงสาว แต่แล้วมือหนาก็ต้องชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางหยิบม้วนอีกอันที่เป็นภาพวาดดอกไม้ที่พึ่งได้มาจากห่อประมูลที่ราคาสูงหลิ่วให้หญิงสาวแทน อาเตียนที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่งงงวย ทั้งที่ก่อนมาที่นี่ผู้เป็นนายนั้นตั้งใจมอบภาพทิวทัศน์ให้แม่นางจางแท้ๆ
“ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าขอตัวลา”
โจ้วยู่ร์เฟิงเอ่ยจบก็เดินออกไปทันที
……
“เข้ามานั่งด้านใน”
เสียงเข้มเอ่ยสั่งอย่างมิได้สนใจมากนักในที่กำลังนั่งรถม้ากลับจวน จากที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงละอองฝนเบาๆ แต่เมื่อถึงเวลาต้องกลับจวนฝนตกเต็มเม็ด และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกเลย ระยะทางจากจวนสกุลจางถึงไม่ไกลมากแต่กว่าจะถึงก็คงจะเปียกไปทั้งตัว
“ขอบคุณท่านอ๋อง ข้านั่งด้านนอกกับท่านอี้เฉินได้เจ้าค่ะ”
“…… “
ไม่มีเสียงใดตอบกลับจากคนตัวโตด้านใน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สนใจนางอย่างที่คิดเอาไว้ คงเพียงแค่รู้สึกสงสารเท่านั้น ร่างเล็กกระชับเสื้อคลุมที่คนผู้หนึ่งให้นางเอาไว้ ก็รู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริงเพราะอากาศตอนนี้เหน็ดหนาวยิ่งนัก แต่นางก็อยากอยู่ให้ไกลจากตัวคนในรถม้า
…เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในจวนสกุงจาง…
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยข้าไว้ “
หลี่ซิ่วอิงเมื่อรู้ว่าคนผู้นี้เป็นใครก็รีบก้มหน้าเอ่ยขอบคุณทันที เขาไม่อยากให้คนผู้นี้จำหน้าได้พอๆกับเว่ยอ๋องผู้นั้น เหตุใดบ่าวรับใช้ไร้ตัวตนเช่นข้าถึงได้พบเจอแต่ตัวเอกในนิยายมากถึงเพียงนี้
“เจ้าเป็นอันใดหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี”
“……”
โจ้วยู่ร์เปิงเอ่ยสั้นๆขณะที่มองมาทางหญิงสาว นางถอยห่างออกไปไกลจากเขาเหมือนอย่างเคารพ แต่แท้จริงแล้วกริยาของนางเขานั้นดูออก นางมีท่าทีหลบเลี่ยงเขาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่ตอนคุยกับเฉินชินหยาน นางยังเงยหน้าตอบโต้ได้อย่างกล้าหาญ แต่กับเขาที่ช่วยนางไว้แท้ๆนั้น ท่าทีก้มหน้าตาเหมือนไม่อยากให้เขาจำได้ หรือแท้จริงแล้วที่นางเข้ามาที่นี่เป็นเพราะมีเจตนาไม่ดีกัน
“คุณชายมีอันใดหรือไม่”
อาเหยียนที่ก่อนหน้านี้ไปจัดการธุระให้ชายหนุ่มหลังรู้เรื่องก็รีบมาพบผู้เป็นนายทันที
” ไม่ เจ้าไปนำภาพวาดที่พึ่งประมูลมาได้ มาให้ข้าที”
เสียงเรียบเอ่ยสั่งลูกน้องอย่างไม่เป็นกังวลมากนัก
” ภาพวาดท่าน…”
อาเหนียนอยากจะถามถึงม้วนภาพที่อยู่ในมือผู้เป็นนาย แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้
” ไปนำมา”
” ขอรับ “
อาเหยียนเอ่ยจบก็เดินออกไปทันที เหลือเพียงหลี่ซิ่วอิงและโจ้วยู่ร์เฟิงตามลำพัง
